‘สามมิตร-อุตตม’ตั้งโต๊ะแถลง สงบศึก‘แย่งเค้ก’

แฟ้มภาพ

หมายเหตุ – นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร พรรค พปชร. ร่วมแถลงข่าวยุติความขัดแย้งเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ที่พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา

อุตตม สาวนายน
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

วั นนี้ถือเป็นการมาแจ้งข้อมูลและพูดความในใจของแกนนำพรรคส่วนหนึ่ง เพราะในช่วงที่ผ่านมามีข่าวการเมืองเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐในทำนองว่าพรรคเรามีความเห็นแตกแยกกันระหว่างกลุ่ม บางฝ่ายเห็นว่าแตกแยกหนัก จึงเป็นห่วงว่าจะกลายเป็นปัญหาต่อมา อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย เพราะพรรคการเมืองสามารถมีความเห็นที่แตกต่างกันได้บ้าง มีการแสดงออกจากกลุ่มต่างๆ เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่การแสดงออกของพรรคพลังประชารัฐนั้นเสียงอาจจะดังไปหน่อยหนึ่ง

ทั้งนี้ กลุ่มสามมิตรได้แจ้งว่าได้หารือกันภายในแล้ว หลังจากที่ทางกลุ่มได้สะท้อนความคิดเห็นต่างๆ ในฐานะที่เป็น ส.ส. ซึ่งกลุ่มสามมิตรแจ้งว่าเรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าจบแล้ว และเมื่อตั้งรัฐบาลได้ก็จะเข้าสู่การทำงานในรัฐสภา รวมถึงการทำงานกับฝ่ายบริหารในรัฐบาล โดยกลุ่มสามมิตรพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป
กับพรรคพลังประชารัฐ ปล่อยให้การจัดตั้งรัฐบาลนั้นเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่ก็ถือว่าอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย เพราะพรรคพลังประชารัฐ เป็นการรวมตัวกับของผู้คนหลากหลาย เมื่อเกิดปัญหาก็สามารถหาข้อยุติได้ โดยเราจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีข้อใดที่จะเป็นเงื่อนไขอีก

Advertisement

•แสดงว่ากลุ่มสามมิตรยอมรับที่จะมีตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 2 ที่นั่งใช่หรือไม่
เรายังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการ จึงยังไม่ทราบว่าใครจะได้ตำแหน่งใด ที่ได้ยินก่อนหน้านี้ ก็คงจะเป็นการคาดการณ์เอาเอง แต่กลุ่มสามมิตรยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขใดๆ เกี่ยวกับการตั้ง ครม. โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการพิจารณา สามมิตรไม่ได้เรียกร้องอะไร
ส่วนที่กลุ่มสามมิตรจะเสนอไล่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ออกจากเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นสิทธิที่ ส.ส. สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่เลขาธิการพรรคของนายสนธิรัตน์ได้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้พูดคุยกับนายสนธิรัตน์แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายสนธิรัตน์ได้ออกแถลงการณ์ว่าจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และไม่เคยขอตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อว่ากรณีนี้จะไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก นายสนธิรัตน์เองก็เข้าใจดี ขณะที่บางคราวก็สื่อสารกันได้ไม่ครบถ้วน นายสนธิรัตน์ยืนยันว่าพร้อมที่จะมาพูดคุยกัน ดังนั้น กรณีนี้ถือว่าจบแล้ว

•หลายฝ่ายมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพรรคพลังประชารัฐเท่าที่ควร
ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญต่อพรรค ในฐานะที่พรรคได้นำเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี กระทั่งที่ประชุมรัฐสภาได้เห็นชอบ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าหลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะดูแลทั้งการทำงานด้านบริหาร และการทำงานในสภา จึงอยากให้สังคมมั่นใจว่าการทำงานของเรากับ
นายกฯนั้น จะเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนที่หลายคนวิจารณ์ว่าพรรคพลังประชารัฐยังตั้งรัฐบาลไม่ได้เสียที เนื่องจากยังเถียงกัน เพื่อชิงตำแหน่งต่างๆ นั้น ขอเรียนว่าแม้เรามีความเห็นไม่ตรงกัน มีเสียงที่สะท้อนดังออกไปถึงประชาชนบ้าง เราต้องขออภัย ที่อาจทำให้สังคมต้องสับสน แต่อยากให้เห็นว่าเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐได้ถกเถียงกันนั้น ถือว่าถกเถียงแล้วจบ แล้วทุกอย่างเดินหน้า นี่คือพรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่รับฟัง ส.ส. เพราะ ส.ส. ของเราเป็นตัวแทนของประชาชน เราเชื่อมั่นว่า ส.ส.ของเราเข้ามาเพราะต้องการทำหน้าที่แทนประชาชน ดังนั้นเราจึงยึดมั่นที่จะเดินหน้า เมื่อถกเถียงกันแล้วทุกอย่างก็จบ จากนั้นก็เดินเข้าสู่การจัดตั้งรัฐบาล พร้อมทำงานในรัฐสภาอย่างเข้มแข็ง วันนี้เราเดินหน้าแล้ว ทุกอย่างถือว่ายุติ สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสปิริต ผมได้ทำงานร่วมกับนายสุริยะ (จึงรุ่งเรืองกิจ) นายสมศักดิ์ (เทพสุทิน) และ นายอนุชา (นาคาศัย) มาตั้งแต่ตั้งพรรค ทุกคนทำงานจริง ทำงานหนัก และสุดท้ายทุกคนก็เดินหน้าไป ส่วนวันข้างหน้าจะมีโอกาสอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับผิดชอบจะตัดสินใจ เรายังมีความรักกันและเป็นธรรมดาที่จะมีความเห็นที่แตกต่าง การไม่มีความเห็นแตกต่าง ถือว่าไม่ใช่ธรรมชาติของพรรคการเมือง ประเด็นมันคือ มีปัญหาแล้วคุยกันจบ

•มีการประเมินว่าหากปัญหาไม่จบ อาจมีการปฏิวัติอีกรอบ
ส่วนตัวไม่ทราบว่าใครพูด และไม่ควรเอาประเด็นนี้มาพูด เพราะประเทศไทยกำลังเดินหน้า อย่างไรก็ตาม ผมไม่ห่วงว่าจะเกิดกรณี ส.ส. ยกก๊วนหนีพรรคพลังประชารัฐ เพราะ ส.ส. ทุกคนเข้าใจดี ว่าได้รับความไว้วางใจมาเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า เห็นสภาทำงานได้

Advertisement

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (แกนนำกลุ่มสามมิตร)

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มสามมิตรได้นัด ส.ส.มาพูดคุยกัน โดย ส.ส.ประมาณ 30 คน ตั้งใจมาแสดงความยินดีเนื่องจากทราบว่าผมจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่ปรากฏว่ามีข่าวว่าทุกอย่างจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ทุกคนก็งงว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะกรณีที่นายอนุชาอาจไม่ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งที่นายอนุชาทำงานให้พรรคอย่างทุ่มเทมาโดยตลอด เป็นตัวจักรสำคัญในการทำงานการเมืองให้กับพรรคตั้งแต่เรื่องต้น ได้เดินสายหา ส.ส. เข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตร นายอนุชาจัดการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการหา ส.ส. งานด้านธุรการ การกำหนดยุทธศาสตร์หาเสียง

ความจริงนายอนุชาสามารถอยู่ในลำดับต้นๆ ของ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แต่นายอนุชาก็เสียสละลงสมัครรับเลือกตั้งใน ส.ส.เขต ต้องมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง และในการหาเสียง นายอนุชาแทบจะไม่มีเวลาหาเสียงให้ตัวเองเลย เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ไปช่วย ส.ส.หลายพื้นที่หาเสียง ดังนั้นเมื่อชื่อหลุดโผ ครม. นายอนุชาจึงรู้สึกน้อยใจมาก แต่ก็ได้พูดคุยกันจนเกิดความเข้าใจ เพราะต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้มีประเด็นว่ากลุ่มสามมิตรนั้นก่อปัญหา เรียกร้องตำแหน่ง

หลังจากที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มสามมิตรก็ได้มาพูดคุยกันใหม่ เห็นว่ากลุ่มสามมิตรยอมรับที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจตัดสินใจ เลือก ครม. ตามความเหมาะสม เราขอยกเลิกข้อเรียกร้องที่ว่าจะกำหนดจุดยืนใหม่ หากการประกาศรายชื่อ ครม.ไม่เป็นไปตามที่ได้เรียกร้องไว้ ดังนั้นไม่ว่านายกฯจะตัดสินใจอย่างไร เราก็จะไม่มีการทบทวนท่าทีใหม่อย่างแน่นอน เบื้องต้นเราได้แสดงเจตจำนงให้นายกฯได้เห็นแล้ว และเชื่อว่านายกฯจะตัดสินใจโดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เราจะเคารพ ไม่มีการออกมางอแง แน่นอน

ประเด็นหลักที่เรามาแถลงข่าววันนี้คือ ต้องการทำให้เห็นว่ากลุ่มสามมิตรจะไม่สร้างปัญหาให้นายกรัฐมนตรี เราจะให้นายกฯมีความสบายใจ เพื่อจะได้มีเวลาทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติ เรามอบอำนาจเด็ดขาดให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะพิจารณาตำแหน่งบุคลากรในกลุ่มสามมิตร

•ดูเหมือนพรรคพลังประชารัฐจะขัดแย้งหนัก ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะไม่มีปัญหา
เราได้แสดงท่าทีออกไปแล้ว ไม่ว่านายกฯจะตัดสินใจไปอย่างไรเราก็พร้อมยอมรับ

สมศักดิ์ เทพสุทิน
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (แกนนำกลุ่มสามมิตร)

ถึ งวันนี้ เราจะขอหยุดดำเนินการกรณีที่จะยื่นญัตติต่อที่ประชุม ส.ส.พรรค เพื่อขับไล่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ออกจากเลขาธิการพรรค จะไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเราได้เข้าใจในหลักการและเหตุผลเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ผ่านมาทุกคนยอมรับว่านายอนุชา นาคาศัย นั้นทำงานหนัก แต่การจะสื่อสารเกี่ยวกับการทำงานของนายอนุชาไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจยังไม่ชัดเจนหรือครบถ้วน ทั้งนี้ เมื่อเราได้สื่อสารไปถึงผู้มีอำนาจแล้ว จากนี้ก็สุดแล้วแต่
ผู้มีอำนาจจะตัดสินใจอย่างไร เราไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนนายสนธิรัตน์หลังจากที่เราได้แถลงท่าทีไปแล้ว นายสนธิรัตน์ก็ได้แสดงจุดยืนของตัวเองว่าไม่ต้องการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยความจริงแล้วเราไม่ได้ต้องการให้นายสนธิรัตน์แสดงจุดยืนถึงขนาดนั้น แต่นายสนธิรัตน์ก็แสดงน้ำใจออกมา เกินกว่าสิ่งที่เราต้องการนำเสนอเสียอีก เพราะเราเพียงต้องการสื่อสารให้ผู้ใหญ่เกิดความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม เราได้ทำความเข้าใจกับ ส.ส. ในกลุ่มทั้งหมดแล้ว ว่าจะหยุดดำเนินการเรื่องดังกล่าว มิเช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

กรณีการขับไล่นายสนธิรัตน์ออกจากเลขาฯพรรคไม่ใช่ประเด็นหลักที่เราพูดคุยกัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม และวันนี้เราไม่ติดใจ จึงเห็นสมควรที่จะหยุดดำเนินการในเรื่องนี้ต่อ ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจเลือกผู้ที่มีความเหมาะสม เข้ามาทำหน้าที่เนื่องจากประชาชนรอการทำงานของรัฐบาลใหม่มาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image