ถึงแม้นโยบาย รัฐบาลอย่างเป็นทางการยังไม่ปรากฏออกมา แต่ในประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีความแจ่มชัดโดยพื้นฐานแล้วว่า มิใช่นโยบาย “เร่งด่วน”
ท่าทีของ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย อาจยังขอรอดูก่อน
แต่ท่าทีของ นายจุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ในที่ประชุมคณะกรรมการยกร่างนโยบายรัฐบาล เด่นชัดกว่า
“ถ้าสร้างบ้านประชาธิปไตยให้สวยแต่คนในบ้านอดอยาก ตายกันหมด ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน
แต่ปัญหาปากท้องและปัญหาเศรษฐกิจเร่งด่วนและสำคัญที่สุด”
เหตุผลอันออกมา จากปากนายจุติ ไกรฤกษ์ น่าจะเป็นมาตรฐานสะท้อนตัวตนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ดีที่สุดในสถานการณ์เมื่ออ้อยเข้าปากช้างเรียบร้อยไปแล้ว
แม้จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยังรักษาสถานะของการเป็น 1 ในพรรคร่วมรัฐบาลได้อยู่
แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมี “รายจ่าย”
เป็นรายจ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เคยระบุว่าต้องการต่อกรกับ “ประชาธิปไตยวิปริต” เพื่อสถาปนา “ประชาธิปไตยสุจริต” เข้าแทนที่
การไม่สามารถทำได้ตาม “คำพูด” อาจเป็นเรื่องธรรมดาเป็นอย่างยิ่งหากมองจากประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สำหรับสถานการณ์การเลือกตั้งนับแต่เดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา
ถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ใหม่ ถือได้ว่าเป็นสภาพการณ์ใหม่ในยุคแห่ง “ดิจิทัล” ที่ร่องรอยของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการบันทึกอย่างจำหลักหนักแน่นเป็นพิเศษ
จึงท้าทายต่อสถานะแห่งความเป็นสถาบันอันแหลมคมยิ่ง
มติพรรค ประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน การร่วมรัฐบาลสัมพันธ์กับเงื่อนไขในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอย่างแนบแน่น
มตินี้เป็นของพรรคประชาธิปัตย์
ขณะเดียวกันก็เป็นมติที่พรรคพลังประชารัฐได้ให้คำมั่นว่า จะยินยอมตามข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วในที่สุดได้ยึดมั่นต่อคำมั่นหรือไม่
คำตอบเริ่มเด่นชัดแล้วว่าคำมั่นสัญญามีความหมายเพียงใด