สัญญาณจาก ‘บิ๊กแดง’ ฝ่ายมั่นคง แจ่มแจ้ง ยืนคนละฝั่ง ฝ่ายค้าน

ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยการบรรยายพิเศษของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก
ทำให้อุณหภูมิการเมืองไทยร้านฉ่าขึ้นมา
เพราะเนื้อหาที่ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวถึงนั้นมองเห็นเจตนา
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากให้ประชาชนเลือกว่า อยากให้ใครแก้ไขปัญหาความมั่นคง
เป็นกลุ่มนักวิชาการที่หาข้อมูลด้วยการใช้มือไถแท็บเล็ตหาข้อมูล และสมคบคิดกับพวกนักเรียนนอก ซ้ายจัด ดัดจริต ไปเรียนในประเทศที่เคยล่าอาณานิคม และชอบใช้ 2475 เป็นตัวชี้นำ อ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย
หรือให้พวกนักการเมืองบางคน ที่เห็นแก่ส่วนตัวไม่นึกถึงส่วนรวม
หรือนักการเมืองที่อยู่ในภาคใต้ เอาเรื่องแบ่งแยกดินแดน
หรือจะเชื่อกลุ่มนักการเมืองผึ้งแตกรัง ลูกพี่หนีคดีไปต่างประเทศ
หรือจะเชื่อนักธุรกิจ ที่ชีวิตเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง มีพฤติกรรมร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรม ล้างสมองคนรุ่นใหม่
มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน เรียกว่าฮ่องเต้ซินโดรม

ในการบรรยายครั้งนี้ได้เชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้นำองค์กร ผู้นำมวลชนรอบค่าย นักศึกษาวิชาทหาร
พล.อ.อภิรัชต์ระบุถึงม็อบฮ่องกงว่า ม็อบฮ่องกงมีแต่วัยรุ่นทั้งนั้น
“ผมขอถามว่าถ้าวันหนึ่งผิดหวัง มีคนที่ใช้โซเชียลมาโฆษณาชวนเชื่อ มาปั่นสมอง ให้ออกมาประท้วงแบบฮ่องกง น้องๆ จะออกมาไหมครับ
ภาพเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมืองปี 2553 ที่ผมเคยมีโอกาสเดินทางไป เด็กหลายคนอ่อนไหว จำเป็นต้องรู้ความจริง เด็กบางคนที่เคยไปพูด สมัยก่อนเด็ก 6-7 ขวบ ไม่รู้หรอกว่า มีการเผาศาลากลางจังหวัด ลืมไปหมดแล้ว
แต่ก่อนเด็กไม่สนใจอะไร ไปถามเขา ก็บอกไม่รู้เรื่อง ไม่เคยรู้เรื่อง ไม่เคยได้ยิน
ภาพเหล่านี้ก็ถูกระบบบิ๊กดาต้า อนาไลติก มีการเพิ่มข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนข้อเท็จจริงหายจากระบบ
เสิร์ชไปก็หายาก”

อีกจังหวะหนึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ภัยคอมมิวนิสต์ในอดีตมาถึง “สงครามลูกผสม” หรือ    “สงครามไฮบริด” ในปัจจุบัน
พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่า ในอดีตคอมมิวนิสต์หลงผิดเข้าป่า แต่คิดได้ว่าระบบคอมมิวนิสต์ไม่ดีอย่างไร สอนให้คนเป็นอย่างไร มีคนกลับตัวกลับใจ แต่ยังคงมีคนหัวเดิมๆ มาเป็นนักการเมือง นักวิชาการ ฝังชิปเรื่องความเป็นคอมมิวนิสต์อยู่
ช่วงหนึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ขึ้นภาพและข้อความ โจชัว หว่อง
พร้อมกล่าวว่า วันนี้ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีน ถามว่าวันนี้ใครอยากไปฮ่องกง เขาเกิดเหตุการณ์อะไร แต่มีบางคนไปพบ และการที่โจชัว หว่องมาไทย เคยมาพบกับใคร มาพบกับคนประเภทไหน มาไทยเพื่อมาวางแผนอะไรหรือเปล่า
หรือมาสมคบคิดอะไร

พล.อ.อภิรัชต์ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่เคยบอกว่าแก้ไขไม่ได้ แต่การเสนอแก้ไขมาตรา 1      ในเวทีเสวนาที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากชี้แจงว่า มาตรานี้เกี่ยวกับความมั่นคง ที่เกี่ยวกับเลือดเนื้อบรรพบุรุษที่รักษาขวานทองนี้ไว้
ขอบอกว่าไม่มีวันแก้มาตรา 1 ได้ เพราะการแก้ไขมาตรานี้จะกระทบมาตราและหมวดอื่นๆ ที่ไม่พูดออกมาตรงๆ ว่าอยากแก้มาตราอะไร เป็นความชาญฉลาดของนักวิชาการ นี่เป็นเรื่องความมั่นคง
กองทัพรับใช้ทุกรัฐบาล ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เลือกนาย แต่กลุ่มคนพวกนี้รู้ดี ไม่ได้ดูทหารเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ ปกป้องบ้านเมือง แต่มองทหารเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย
ทหารคือหลักของความมั่นคง ป้องอธิปไตย แต่ก็มีวาทกรรมหวังผลทางการเมืองเอาใจวัยรุ่น
เสนอไม่ต้องเกณฑ์ทหาร หรือกระทรวงกลาโหมและกองทัพจัดซื้ออาวุธทำไม
หนักแผ่นดิน

Advertisement

ความร้อนแรงของผู้บัญชาการทหารบก บ่งบอกมุมมองที่มีต่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านเป็นส่วนใหญ่
โฟกัสไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ
และยังพาดพิงถึงตัวบุคคล แม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ถอดความจากบริบทก็พอรู้ว่าหมายถึงใคร
รวมถึงความเคลื่อนไหวในระยะใกล้ๆ ทั้งการขึ้นเวทีที่จังหวัดปัตตานี เพื่อรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งความนิยมจากวัยรุ่นที่เทคะแนนให้พรรคคนรุ่นใหม่
รวมไปถึงรูปภาพที่โชว์ภายในงาน
ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่พรรคฝ่ายค้าน

การบรรยายพิเศษของ พล.อ.อภิรัชต์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของผู้บัญชาการทหารบกที่ตั้งใจเปิดใจ
แม้จะบอกว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับความมั่นคง
แต่ดูเหมือนพรรคฝ่ายค้านจะเป็นผู้ที่กำลังถูกจับจ้องจากฝ่ายความมั่นคง
ท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์ จึงถูกตีความว่าสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เต็มกำลัง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์บรรยาย และมีการถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊ก ก็ปรากฏเสียงจากผู้ฟังผู้ชม
เป็นท่าทีและท่าทางจากประชาชนกลุ่มที่ฟัง และแสดงออกมาว่าไม่เห็นด้วยก็ปะทุขึ้น
ปะทุขึ้นจนกลายเป็นข้อกังวลทางการเมืองและความมั่นคงที่ยังคงมีการแบ่งขั้ว
ขั้ว คสช. กับขั้วไม่เอา คสช.

เมื่อผู้นำกองทัพแสดงทรรศนะโดยมีพรรคฝ่ายค้านยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
เมื่อพรรคฝ่ายค้านผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกรณรงค์ให้ประชาชนเห็นด้วย
และเมื่อประชาชนเริ่มเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นด้วยกับท่าทีของ พล.อ.อภิรัชต์
เท่านี้เค้าลางความขัดแย้งใหญ่ก็เริ่มปรากฏให้เห็น
กลายเป็นคำถามว่าทำไมผู้บัญชาการทหารบกต้องออกมาบรรยายสรุป
หรือการเมืองกำลังถึงทางตัน จึงต้องมีการส่งสัญญาณ
สัญญาณยืนคนละข้างกับฝ่ายค้าน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image