กรณีสหรัฐอเมริกามีคำสั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือจีเอสพี กับสินค้าจากประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ แถลงว่า อาจเกิดจากสภาพความเป็นจริงอันเป็นเงื่อนไขของการได้สิทธิเปลี่ยนไป อาทิ รายได้ต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้น หรืออื่นๆ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิประโยชน์ด้านแรงงาน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการแบน 3 สารเคมี ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่ารัฐบาลทราบว่าจะมีปัญหาตรงนี้ ได้แก้ปัญหามาโดยตลอด กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจา ต่อรอง ข้อสำคัญ เราเจรจาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ไขปัญหาภายในของเราด้วย โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาแรงงาน จะต้องไปดู ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน บางอย่างมีปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน ทั้งคนของเรา แรงงานของเรา แรงงานต่างด้าว ซึ่งเราพยายามเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องตื่นตระหนก หรือให้ร้ายกันไปมา เท่าที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงมา ตนคิดว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลก็ได้ทำมาโดยตลอด เพียงแต่ระยะเวลาที่ดำเนินการมา ได้ทำหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะกฎหมายแรงงานคือปัญหาหลักของเรา และเป็นกฎหมายของเราในประเทศของเรา ถ้าเราทำตามเขามากๆ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่ากับเราเอง เพราะฉะนั้น เราต้องลดทั้งปัญหาภายใน และภายนอกไปด้วยกัน เท่าที่ได้ฟังตัวเลขต่างๆ เป็นจำนวนไม่มากนัก จากสินค้าที่ได้สิทธิพิเศษ 500 กว่ารายการ ไทยใช้สิทธิจีเอสพี 300 กว่ารายการ อีก 100 กว่ารายการไม่ได้ใช้ของเขา ยังมีเวลาอีก 6 เดือนในการแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่
จากคำให้สัมภาษณ์และคำแถลงของภาครัฐ สาเหตุของการตัดจีเอสพีในครั้งนี้ มาจากปัญหามาตรฐานการคุ้มครองสิทธิแรงงาน ปัญหาทรัพย์สินทางปัญญา และอาจมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบ ขณะที่รัฐบาลเตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนก ซึ่งการจะไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก รัฐบาลควรเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆ ให้สังคมได้รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของการตัดสิทธิ มูลค่าความเสียหาย และมาตรการที่รัฐบาลเตรียมใช้รับมือหรือแก้ไขปัญหา เท่าที่จะเปิดเผยได้ หากปล่อยให้ประชาชนคาดเดาเอง สิ่งที่จะตามมาคือข่าวที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใคร
