บทนำมติชน : นำบอมบ์เข้าสภา

เป็นข่าวใหญ่ เมื่อนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารา
นนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้จัดการให้มีบุคคลนำระเบิดเข้าไปในห้องฝ่ายค้านอิสระ หรือห้องทำงานของนายมงคลกิตติ์เอง โดยระบุว่าเป็นห้องซึ่งอยู่ใจกลางตรงฐานรากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่เครื่องตรวจวัตถุระเบิดในสภาไม่สามารถตรวจพบได้ และได้ออกมาแถลงข่าว ต่อมานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคำถามต่อนายมงคลกิตติ์ว่า ทำเรื่องนี้ได้อย่างไร ใครมอบหมายและใครอนุญาตให้ทำ

และเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา นายมงคลกิตติ์แถลงข่าวว่า จะเข้าพบเพื่อขออภัยต่อนายชวน หลีกภัย ยอมรับว่าผิดพลาดและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประธานสภาจะตัดสินลงโทษอย่างไรก็พร้อมยอมรับ เพราะนายชวนเป็นเสมือนพ่อคนหนึ่ง จากนี้จะรอบคอบมากขึ้น ในการขออนุญาตรัฐสภาเพื่อแถลงข่าว พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าเหตุผลที่นำสารประกอบระเบิดเข้าสภาและนำมาแถลงข่าวนั้น เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของรัฐสภายังไม่ดีพอ สงสัยว่าเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดของสหรัฐ สามารถนำมาใช้งานได้จริงหรือไม่ อยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะรัฐสภาคือศูนย์รวมของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ระบบการรักษาความปลอดภัยต้องสูงสุด เหมือนเช่นท่าอากาศยาน พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่มีผลประโยชน์ใดกับบริษัทเครื่องตรวจระเบิด ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เพิ่งเจอกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 ต.ค. พร้อมกับการแถลงข่าว หากสภาจะตัดสินซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจากบริษัทดังกล่าวจริงจะต้องมีระบบจัดซื้อจัดจ้างที่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว

แน่นอนว่า ปัญหาความปลอดภัยในรัฐสภา หรือความรู้สึกสงสัยว่าอุปกรณ์ตรวจความปลอดภัย อาจทำงานได้ไม่เต็มตามศักยภาพ เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะต้องตรวจสอบ แต่ควรจะดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง ไม่ใช่ว่านึกสงสัยขึ้นมาก็ตั้งทีมดำเนินการกันเอง ซึ่งผลการตรวจสอบจะมีมาตรฐานแค่ไหนอย่างไร ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ดังนั้น ส.ส.ควรเริ่มต้นการทำงานจากกรอบบทบาทหน้าที่ของตนเอง มิใช่ลงไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งแม้จะอ้างเจตนาดี แต่ผลเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image