เหตุการณ์ที่ศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อฝ่ายจำเลยชักปืนยิงใส่ฝ่ายโจทก์ มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 ราย นายสุรินทร์ ชลพัฒนา เลขาธิการประธานศาลฎีกา เปิดเผยว่า นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา รู้สึกไม่สบายใจและมีความกังวลใจเป็นห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้สำนักงานศาลยุติธรรมทบทวนตรวจสอบ ดูระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวบุคลากร หรืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัย จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข เลขาธิการประธานศาลฎีกากล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุร้ายแรงไม่คาดฝัน คนร้ายอาศัยช่องว่างของการตรวจสอบตรวจค้นอาวุธเข้าไปได้ ซึ่งปกติจะเข้าไปได้ยาก ประกอบกับคนที่จ้องจะกระทำกับคนที่ระวัง คนที่จ้องก็อาศัยโอกาสกระทำที่เอื้ออำนวยเหมาะสม เป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่าศาลยังเป็นสถานที่ซึ่งมีความปลอดภัยเสมอ
สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ จำเลยที่ 3 ในคดีผู้ก่อเหตุ ได้มารอจังหวะตอนเดินเข้าศาล ห่างจากจุดตรวจประมาณ 10 เมตรในช่วงเวลา 07.45 น. รอจังหวะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังเตรียมตัวเคารพธงชาติ และเมื่อได้จังหวะจึงได้แอบนำอาวุธเข้าไป และในเหตุการณ์เดียวกันนี้ ยังมีรายละเอียดตอนหนึ่งระบุว่า เมื่อเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธารินทร์ยิงใส่โจทก์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ.เมืองจันทบุรี ซึ่งมีหน้าที่รักษาการณ์ในบริเวณศาล เตรียมเข้าระงับเหตุ แต่เกิดมีอาการไม่สบายเนื่องจากสุขภาพไม่ดี เสมียนทนายโจทก์ ซึ่งอยู่นอกห้องพิจารณา จึงนำเอาปืนพกของตำรวจดังกล่าว ไปยิงผู้ก่อเหตุจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
กรณีจากศาลจันทบุรี เป็นบทเรียนสำหรับการจัดระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับฝ่ายต่างๆ ที่จะต้องมีความเข้มข้นจริงจังมากขึ้น จากสภาพสังคมที่กำลังเปลี่ยนไป มีการใช้ความรุนแรงกันมากขึ้น สำนักงานศาลยุติธรรมเอง อยู่ระหว่างพัฒนาระบบเจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือ คอร์ต มาร์แชล (Court Marshal) ผ่านการฝึกอบรมแล้ว 35 รายในปี 2563 จะเพิ่มให้ได้ 300 คนเพื่อ กระจายไปประจำการยังศาลต่างๆ 275 แห่ง ทั่วประเทศ ศาลละ 1-2 นาย หากทุกฝ่ายร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการ น่าจะทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
