วันที่ 8-10 มกราคม ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระ 2 และ 3 วงเงิน 3,200,000,000,000 บาท โดยดำเนินนโยบายแบบขาดดุล กำหนดรายได้สุทธิ จำนวน 2,731,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณอีก 469,000 ล้านบาท วงเงินงบประมาณดังกล่าวจำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 2,392,314.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.8 รายจ่ายลงทุน จำนวน 655,805.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.5 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 62,709.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.9 และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 89,170.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.8 ทั้งนี้มีงบประมาณ 103,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.2 สำรองไว้เพื่อป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ความมั่นคงของรัฐการเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ เป็นต้น
ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ในวาระ 1 พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้หยิบยกวงเงินที่น่าจะมีการปรับลดและปรับปรุงเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการใช้จ่ายหลายประการ มีการตั้งข้อสังเกตกรณีงบกลางที่มีจำนวนมากหลายแสนล้านบาท มีข้อท้วงติงเรื่องการจัดการกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหม การเกลี่ยงบประมาณในกระทรวงศึกษาธิการให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐ รวมไปถึงรายละเอียดงบประมาณในกระทรวงต่างๆ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านเองบอกว่าในการประชุมวาระ 1 จะยกมือให้ผ่าน และให้คณะกรรมาธิการไปพิจารณาปรับแก้ไขตามข้อเสนอแนะ หากพบว่าไม่มีการปรับเปลี่ยนแก้ไข จะส่งผลต่อการลงคะแนนเสียงในวาระ 2 และ 3 ซึ่งหมายถึงการพิจารณาในวันที่ 8-10 มกราคมนี้
ในฐานะประชาชน งบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ที่เข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 นี้ ถือเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่สำคัญที่รัฐบาลจะนำไปใช้บริหารราชการแผ่นดินในปีนี้ เป็นงบประมาณที่มาจากการเก็บภาษีประชาชน ดังนั้นประชาชนควรสดับฟังว่ารัฐบาลจะนำเอาภาษีที่เก็บจากประชาชนไปใช้ทำอะไรบ้าง แม้ในช่วงการพิจารณาประชาชนจะไม่มีโอกาสได้โหวตเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เนื้อหาสาระในการพิจารณาที่ประชาชนรับฟัง ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ประชาชนจะนำไปประเมินการทำงานของกระทรวงต่างๆ รวมถึงรัฐบาล และยังสามารถติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับตัวเองต่อไป
