รายงาน : หงุดหงิด ไม่พอใจ คัดค้าน ยุบ ‘อนาคตใหม่’ กระบวนทัศน์ เก่า

เมื่อสัมผัสกับแคมเปญ คัดค้าน ต่อต้านการยุบ “อนาคตใหม่” จากปัญญาชนและประชาชนเรือนหมื่นเพียงไม่กี่ชั่วโมงในโลกออนไลน์

หลายคนทำท่าเหมือนได้ “กลิ่น”

เป็นกลิ่นการเมืองในแบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2516 เป็นกลิ่นการเมืองในแบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535

จึงปรากฏเสียง “เตือน”

Advertisement

เตือนพรรคอนาคตใหม่ เตือนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เตือนนายปิยบุตร แสงกนกกุล เตือน น.ส.พรรณิการ์ วานิช

อย่าพาคนลง “ท้องถนน”

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง พรรคอนาคตใหม่เพียงแต่เชิญชวน FUTURISTA ไปรับฟังคำวินิจฉัยด้วยกัน ณ ที่ทำการพรรค

Advertisement

นั่นคือ ความรุนแรง แข็งกร้าวที่สุดที่ปรากฏ

ก่อนเข้าสู่สถานการณ์อ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีการเคลื่อนไหวภายในพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นและดำรงอยู่จริง

1 เคลื่อนไหวในเรื่อง “ปฏิรูปกองทัพ”

อาจเพราะตื่นเต้นกับคำประกาศของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อาจเพราะดีใจกับการเห็นด้วยของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการ รอคอย

ขณะเดียวกัน 1 เคลื่อนไหวไปในแต่ละ “ศูนย์ประสานงาน” พรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นที่อุตรดิตถ์ไม่ว่าจะเป็นที่กาญจนบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่สงขลา ไม่ว่าจะเป็นที่อุดรธานี

เป็นการทำความเข้าใจกับแนวคิด “ยุบพรรค”

เป้าหมายของศูนย์ประสานงาน พรรคอนาคตใหม่ มิได้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตรงกันข้าม อยู่ที่กระบวนการทำงานของคณะกรรมาธิการการเลือกตั้งมากกว่า

เป็นไปได้ว่าหาก “เคลื่อน” ก็เคลื่อนไหวในขอบเขต “ทั่วประเทศ”

ไม่ว่าจะมองผ่านแคมเปญของปัญญาชนที่นำโดย นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ไม่ว่าจะมองผ่านการขยับของศูนย์ประสานงาน พรรคอนาคตใหม่

เป้าหมายมิได้อยู่ที่ “ท้องถนน”

ตรงกันข้ามไม่ว่าจะเป็น นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ไม่ว่าจะเป็น นายโคทม อารียา ไม่ว่าจะเป็น นายปรีดา เตีย
สุวรรณ์

ล้วนไม่เห็นด้วยกับแนวคิด “ยุบพรรคการเมือง”

ตรงกันข้ามไม่ว่าจะเป็นศูนย์ประสานงานที่อุตรดิตถ์ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ประสานงานที่นครราชสีมา ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ประสานงานที่นครปฐม

ล้วนหงุดหงิดต่อกระบวนการของ “กกต.”

กล่าวไปแล้ว การต่อสู้ในการอันเกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะจากคนวงนอก ไม่ว่าจะจากคนวงในล้วนจำกัดอยู่ในกรอบแห่งพื้นที่ทาง “ความคิด”

ยังไม่พัฒนาไปสู่พื้นที่ทาง “การเมือง”

ความหงุดหงิด ความหวาดกลัวที่บังเกิด ไม่ว่าจะมาจาก ส.ว.ลากตั้งบางคน ไม่ว่าจะมาจากบางพรรคการเมืองเป็นความหงุดหงิดบนฐานแห่งความไม่เข้าใจ

นั่นก็คือ ยังติดอยู่กับความคิด “เก่า”

เป็นความคิดและกระบวนการต่อสู้ทางการเมืองในยุค “สงครามเย็น” เป็นความคิดและกระบวนการต่อสู้ในแบบยุค “หลัง” สงครามเย็น

จึงไม่เข้าใจ “กระบวนทัศน์” ใหม่ในทางการเมือง

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image