รายงานหน้า2 : เปิดฉากศึกซักฟอก ‘สมพงษ์’ซัด5ล้มเหลว ‘บิ๊กตู่’โต้มาตาม‘รธน.’

หมายเหตุส่วนหนึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีรวม 6 คน ของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อภิปรายชี้แจงข้อกล่าวหา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

 

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)
ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นผู้นำประเทศที่กร่าง เถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู

Advertisement

เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจของตนเอง ปล่อยให้มีการทุจริต ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม

พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ ความสามารถ ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจกับประชาชนทุกภาคส่วนจนก่อให้เกิดสภาพ “รวยกระจุก จนกระจาย”

ฝ่ายค้านจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจและตั้งข้อกล่าวหาต่อรัฐบาลว่า ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพ และความล้มเหลวในการบริหารประเทศก่อให้เกิดความล้มเหลว 5 ประการต่อประเทศชาติ ดังนี้

Advertisement

ประการที่ 1 ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย นับตั้งแต่ที่ท่านเข้ามาบริหารบ้านเมือง ได้สร้างกลไกต่างๆ เพื่อรักษาอำนาจเฉพาะพวกพ้อง สร้างกติกาที่กล่าวอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่เป็นที่กังขาของผู้คนทั้งสังคม นับตั้งแต่การกำหนดกฎกติการัฐธรรมนูญที่มีการพูดกันในหมู่พวกท่านว่า เป็น “รัฐธรรมนูญที่ร่างมาเพื่อพวกเรา” อาศัยเสื้อคลุม “ประชาธิปไตย” มากล่าวอ้าง

อย่างเช่น ตำแหน่งนายกฯที่ได้มาในครั้งนี้ก็เพราะมือที่สนับสนุนจาก ส.ว.ทั้งหมดที่ท่านและพวกพ้องแต่งตั้งกันขึ้นมาเอง มิได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แม้วันนี้ประเทศอาจจะดูดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่มีการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปไตยจอมปลอมแบบที่พวกท่านช่วยกันสร้างขึ้นนั้น ได้ก่อปัญหาต่อเนื่องกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นความสับสนในการคิดคะแนนเพื่อให้ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และปัญหาอีกมากมาย

ล้วนแล้วแต่สร้างความไม่มั่นคงแน่นอนให้กับการเมือง จึงไม่อาจไว้วางใจให้พวกท่านอยู่ในตำแหน่งกันต่อไป เพื่อกร่อนเซาะการเมืองระบอบประชาธิปไตยของประเทศให้ถดถอยผิดรูปผิดร่าง ให้อับอายต่อสายตาชาวโลก ที่สำคัญ ผมไม่อาจไว้วางใจให้พวกท่านส่งต่อประชาธิปไตยจอมปลอมไปถึงคนรุ่นลูก รุ่นหลานที่เป็นอนาคตของชาติ

ประการที่ 2 ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ นับแต่การใช้กลไกที่พวกท่านสร้างขึ้น ออกแบบและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับ “เพื่อพวกเรา” พวกท่านได้ทำให้หลักการแห่ง “ความยุติธรรม” แปลงร่างเป็น “หลักกูและพวกพ้อง” อย่างไม่รู้สึกอับอาย มีตัวอย่างผลงานมากมายที่ทำลายหลักการและมาตรฐาน เช่น การตีความข้อกฎหมายกับคะแนนปัดเศษ เพื่อให้ระบบพรรคการเมืองเสื่อมทรุด และเพื่อเพิ่มช่องทางให้ได้พรรคเล็กมาหนุนเสริมอำนาจ

การนำเอาบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ามีคดี ต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติดในต่างประเทศ เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล การให้อภิสิทธิ์กับพรรคแกนนำรัฐบาลบางพรรค สามารถจัดระดมทุนเข้าพรรคได้อย่างเอิกเกริก ที่เลวร้ายที่สุด คือ การใช้คดีความเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง กดดัน บุคคลบางกลุ่มเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพวกท่าน โดยไม่ได้คำนึงว่าการกระทำเช่นนี้จะทำลายหลักแห่งความยุติธรรม และหลักการทางกฎหมายของประเทศ

ประการที่ 3 ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ วันนี้รัฐบาลมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์อย่างช่ำชองทางด้านการทหาร เข้ามานำทีมเพื่อต่อสู้กับสงครามทางเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับงานด้านการทหาร กำลังเอาเศรษฐกิจประเทศที่กำลังวิกฤต ให้อยู่ในมือของคนที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย

ภายใต้การบริหารของท่าน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่เติบโตต่ำ เกือบจะต่ำที่สุดในโลก ขายหน้ายิ่งนัก ไตรมาส 4 ปี 2562 โตต่ำสุดในรอบ 5 ปี และคาดการณ์จีดีพี ในปี 2563 จะโตเพียงครึ่งหนึ่งของศักยภาพประเทศที่ 3.9% ทำให้ครัวเรือนที่เป็นหนี้ มีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงถึง 97.7% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เงินออมของพี่น้องประชาชนต่ำสุดในรอบ 9 ปี รายได้และการใช้จ่ายของประชาชน ลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี ด้วยฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของท่านและพวกพ้อง

วันนี้ทุกภาคส่วนในประเทศไทยลำบากยากแค้นทุกหย่อมหญ้า ทั้งหมดนี้เกิดจากนโยบายการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ผมกำลังจะพูดถึงความผิดพลาดตลอด 6 ปีที่ผ่านมาของการบริหารเศรษฐกิจ ที่ประเทศเราลำบากทุกข์ยากมาถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะการบริหารประเทศที่ต่อเนื่องกันมาถึง 6 ปีของพวกท่าน

ผมจะแบ่งช่วงเวลาที่สะท้อนให้เห็นความผิดพลาดที่ต่อเนื่อง จนกลายเป็นความล้มเหลวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจไทยเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ ดังนี้ ระยะที่ 1 พ.ศ.2557-2558 เป็นช่วงทำลายเศรษฐกิจฐานรากทันทีที่ท่านยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประกาศยกเลิกมาตรการสนับสนุนสินค้าการเกษตรเกือบทั้งหมดแบบกะทันหัน

ระยะที่ 2 พ.ศ.2559-2560 ภายหลังจากการยึดอำนาจ ก็เริ่มแสวงหาประโยชน์ให้พวกพ้อง มาตรการต่างๆ ในช่วงนั้น บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและใกล้ชิดกับรัฐบาลได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการอีอีซี โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การก่อสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

ระยะที่ 3 พ.ศ.2561-2562 เป็นช่วงก่อนและหลังเลือกตั้ง เรียกช่วงนี้ว่า “สารพัดแจกมั่วซั่ว เพื่อการสืบทอดอำนาจ” เสมือนการซื้อเสียงล่วงหน้า เช่น การเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการชิมช้อปใช้เฟสต่างๆ โครงการแจกเงินเที่ยว ไม่ผิดเลยหากจะกล่าวหาว่าเป็นการเอาเงินภาษีประชาชน มาซื้อเสียงเพื่อตอบสนองความอยากในการสืบทอดอำนาจ

ระยะที่ 4 พ.ศ.2562-2563 ทุ่มให้สินเชื่อแต่ไร้กำลังซื้อ เพราะไม่เข้าใจว่าช่วงเวลาไหนประเทศไทยต้องการอะไร ทุ่มสินเชื่อเป็นแสนแสนล้านบาท แต่ไม่รู้หรือว่าปัญหาของเอกชนคือไม่มีคนจะซื้อของที่พวกเขาผลิต ไม่ว่าจะเป็นโครงการประชารัฐสร้างไทย ทราบหรือไม่ว่าการบริหารที่ล้มเหลว ได้คร่าชีวิตประชาชนที่จากภาวะเศรษฐกิจ ตราบาปที่ทำกับเศรษฐกิจประเทศนี้จะถูกจารึกไว้ว่าคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจประเทศ จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านทำความเสียหายด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไปได้

ประการที่ 4 ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นปัญหาเหล่านี้หมักหมมต่อเนื่องกันมากว่า 6 ปี เกิดขึ้นจากการบริหารที่ของรัฐบาลที่ปราศจากการตรวจสอบ การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นถูกยกให้เป็นวาระแห่งชาติ จึงเป็นเพียงเพื่อสร้างภาพ และเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่จะใช้จัดการฝ่ายตรงข้าม

ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลของท่าน เพิ่มขึ้นถึง 37% สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 และคาดว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเริ่มมีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยพบว่าอัตราการจ่ายใต้โต๊ะปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 5-15 สูงสุดในรอบ 3 ปี นับจากปี 2558 งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลปี 2560 วงเงิน 2.932 ล้านล้านบาท ถ้าคอร์รัปชั่นไป 5-15% ก็เท่ากับว่ารับประทานกันไปถึง 146,600 ล้านบาท -439,800 ล้านบาท

อีกข้อมูลหนึ่งที่ยืนยันความล้มเหลวในการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล คือองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ เผยแพร่ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นในภาครัฐทั่วโลกประจำปี 2561 ผลปรากฏว่าประเทศไทยถูกลดอันดับลงจากอันดับที่ 96 เมื่อปี 2560 เป็นอันดับที่ 99

ที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ ความรุนแรงของการคอร์รัปชั่นกันในกองทัพ การทำธุรกิจหาประโยชน์กันในกองทัพ จนกลายเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมกราดยิงที่โคราช อยากตั้งคำถามว่า เรื่องเหล่านี้ คนที่เป็นอดีต ผบ.ทบ.ทั้งหลายที่วันนี้เป็นทั้งนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังปล่อยปละละเลยทำอะไรไม่ได้ จึงไม่อาจไม่วางใจให้พวกท่านอยู่ในตำแหน่งเพื่อบริหารประเทศกันต่อไป

ประการที่ 5 ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ ผมคิดว่าสังคมไทยรับรู้มาระยะหนึ่งแล้วว่า เป็นประเทศที่มีนายกฯเป็นตัวตลก เป็นที่น่าอับอายต่อนานาอารยประเทศ พฤติกรรม การแสดงวิสัยทัศน์และความเห็นต่างๆ แสดงถึงความด้อยซึ่งปัญญา ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหารโดยสิ้นเชิง พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเป็นผู้นำกองทัพที่ดี แต่การดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ผมคิดว่าท่านสอบตก จึงไม่อาจไว้วางใจท่านซึ่งประกาศตัวว่ามีเซลล์สมอง 84,000 เซลล์ บริหารประเทศต่อไปได้

จากที่กล่าวมาทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เพื่อนสมาชิกฝ่ายค้านจะได้อภิปรายหลังจากนี้ ผมจึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่มีชื่ออยู่ในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้บริหารประเทศต่อไป

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ต้องขอชี้แจงในขั้นต้นก่อน เพราะที่กล่าวหามาทั้งหมดถือว่าไม่ไว้ใจผมในหลายเรื่องเหมือนกัน โดยในหลายเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบัน และไปถึงอนาคตด้วย วันนี้ผมแจ่มใสมาโดยตลอด ผมมาด้วยความยินดี ถึงแม้ว่าจะมีการปล่อยข่าวเยอะแยะมากมายว่าต้องมาเผชิญศึกใน ศึกนอก แต่ก็ถือว่าเป็นกลไกของประชาธิปไตยไทย

ผมเข้ามาอยู่ในกระบวนการนี้ โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับทุกท่านในที่นี้ ดีไม่ดีก็ถือว่ามาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันเลย ดังนั้น เมื่อประเทศเราเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแล้ว แม้ที่ผ่านมาอาจไม่ถูกใจใครทั้งหมด แต่ก็เป็นหน้าที่ในการทำตามมติของประชาชนในการเลือก ส.ส. และคัดเลือก ส.ว.เข้ามาด้วย สิ่งสำคัญที่สุด คือประชาชนเป็นผู้เลือกทุกคนเข้ามา ผมก็เข้ามาสู่กระบวนการด้วยการเลือกนายกฯ

จำได้ไหมว่า ผมได้คะแนนเสียงเท่าไหร่เกิน 250 นะ มากกว่าฝ่ายค้าน โดยไม่ได้ใช้คะแนนเสียงของ ส.ว.มาเลย ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่เป็นหน้าที่ของพวกเรา ไม่ว่าจะรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ก็ต้องทำให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน

ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจผมนั้น ประชาชนทุกคนฟังอยู่ทั้งประเทศ บางเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริงโดยสมบูรณ์ บางครั้งต้องมีหลักฐานแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ถ้าพูด 1 แล้วไป 3 ไป 4 เลย บางทีขั้นตอนตรงนี้ประชาชนไม่ทราบ จึงอาจจะต้องให้กระทรวงหน่วยงานต่างๆ ที่ถูกพาดพิงชี้แจงเพิ่มเติมด้วย

เรื่องแรก กล่าวหาว่า ผมไม่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย การล้มล้างรัฐธรรมนูญนั้น ยืนยันว่า ผมไม่เคยมีความคิดเหล่านี้เลย ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผม ท่านทราบดีอยู่แล้วว่าก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เกิดอะไรขึ้น พี่น้องประชาชนเห็นหรือไม่ ทั้งภาพที่ปรากฏทางโทรทัศน์ในปี 2553 และปี 2557 นั่นแหละที่ทำให้ผมต้องมายืนอยู่ตรงนี้ ผมจำเป็นต้องแก้ปัญหาของประเทศให้มีความสงบเรียบร้อยแล้วเดินหน้ามาสู่การเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทั้งหมด

สิ่งที่ผมกังวลในตอนนั้นขอเปิดอกเลยละกันว่า ผมกังวลเรื่องการโกง อย่างที่ผมโดนหาว่าโกงนั่นแหละ ถ้าย้อนกลับไปมันก็เยอะนะ เพราะคดีความต่างๆ มากมาย จริงๆ ก็ไม่อยากก้าวล่วง เพราะท่านก็กล่าวหาผมในทำนองนี้มา

แต่ยืนยันได้ว่า ก่อนหน้าวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น มันมีเหตุการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อนเช่นกัน ทั้งความไม่สงบเรียบร้อย การบริหารราชการไม่ได้ และมีกระบวนการทำลายอำนาจตุลาการต่างๆ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมบ้าง ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไป เขายอมรับ ผิดก็ติดคุก แต่นี่ไม่ยอมติดคุกกันใช่ไหม นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว ออกกฎหมายนิรโทษกรรมในเวลากลางคืน เหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านว่าผมวันนี้ ท่านต้องย้อนกลับไปดูคนก่อนหน้านี้ด้วยว่าทำอะไรไปบ้าง แล้วคุณจะยอมให้ประเทศเป็นอย่างนั้นต่อไปหรือ

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะฉบับ 2550 บางทีก็ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของใครก็ไม่ทราบ หรือโครงการจำนำข้าว ใครทำผมไม่รู้นะ ผมไม่ได้กล่าวถึงใคร เรื่องถุงขนม วันนี้ประชาชนต้องเปรียบเทียบดู ผมใช้ข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานทุกประการมาพูดกับท่าน

ส่วนข้อกล่าวหาว่า มีการใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลนั้น ผมกราบเรียนเลยว่า ผมไม่เคยไปก้าวล่วงกับใคร แม้กระทั่งสื่อต่างๆ ผมก็ไม่เคยไปลงโทษใคร หรือจับใครติดคุก ผมมีแต่เมตตา มีแต่คุยกันให้เขาเบาลงหน่อย

กับสื่อหาว่าผมใช้คำพูดหยาบคายกิริยาไม่เหมาะสม ผมก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ถามสื่อได้เลย ไม่มีใครเขาโกรธผมหรอก เขารู้จักนิสัยผม แต่ถ้าเอาสิ่งที่ผมพูดวันนี้ โดยนำเอาคำพูดผม 5 ปีมารวมอยู่ในคลิปเดียวกัน นั่นแหละ แล้วใครเป็นคนทำล่ะ ผมไม่ได้ชี้หน้าใคร แต่มันไม่เป็นธรรมกับผม ผมไม่เคยว่าท่านเลย แต่ท่านสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้ผมมาโดยตลอด แต่ผมเป็นคนอารมณ์เย็น ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาบางครั้งก็ดุไปบ้าง ผู้สื่อข่าวทั้งทำเนียบเข้าใจผมหมด หลายอย่างที่ผมแสดง เป็นการแสดงถึงความจริงใจของผม

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจก็มีปัญหาว่าในปี 2553 ในปี 2557 เกิดอะไรขึ้น คนนั่งอยู่ในที่นี้ก็ทราบดีทุกคน ใครถูกตีในรถบ้าง ใครถูกล้อมอยู่ในค่ายทหารบ้าง เหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งนั้น ต้องไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ถ้าพูดตอบโต้ก็เอาหลักฐานมายืนยัน

ส่วนมาตรา 44 ผมแกล้งข้าราชการ ผมจะทำไปทำไม วันนี้มาตรา 44 ก็ไม่มีแล้ว คสช.เขาเลิกกันไปตั้งนานแล้ว กฎหมายบางฉบับที่มีใช้ก็เพื่อแก้ปัญหาที่ติดขัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประมง ค้ามนุษย์ เป็นต้น ผมก็ทำสำเร็จไม่ใช่หรือ ทำไมก่อนหน้านั้นไม่ทำให้เสร็จล่ะ

สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริต ลองนึกดูว่า ในช่วงที่ผมเข้ามา 5 ปีในรัฐบาลก่อนกับอีก 7 เดือนของรัฐบาลนี้มีกี่คดีที่ถูกดำเนินคดีแล้ว แล้วคดีเหล่านี้เคยได้รับการแก้ไขหรือไม่ เคยได้รับดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ด้วยหลักฐาน ด้วยพยาน ไม่มีใครสร้างได้หรอก เพราะกลัวติดคุกกันหมด จึงต้องนำข้อเท็จจริงมาพิจารณา

ดังนั้นผลงานเหล่านี้ที่เป็นที่ประจักษ์ทั้งหลายเป็นทุจริตหรือไม่ ผมยืนยันว่า ผมคิดว่าทุกอย่างที่ผมทำมาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่ไปนั่งหัวโต๊ะแล้วสั่งทำแบบนั้น แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ ทุกกระทรวงต่างถือกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามทั้งหมด ดังนั้นผมจึงไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจของเขา

เช่นเดียวกับการเอื้อประโยชน์นั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์หรือการคาดการณ์ ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ แต่ท่านต้องยอมรับว่า สถานการณ์ในโลกวันนี้เกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลประชาชนทุกคน

กรณีโจมตีเรื่องประชาชนนิยมผมช่วยเหลือคนยากจน ให้นำเงินไปซื้อข้าวสาร น้ำปลา กะปิ หอม กระเทียม โดยร้านค้าขนาดใหญ่มีสัดส่วนในตลาดอยู่เพียง 8% รวมถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเชื่อว่าทุกหน่วยงานชี้แจงได้หมด จริงๆ แล้ว เขาไม่ให้ผมพูดมากนัก แต่พูดมาจนถึงตอนนี้ยังอารมณ์ไม่ขึ้นเลย อารมณ์ดีทุกอย่าง

ลุคของผมเป็นอย่างนี้ เป็นสุภาพบุรุษ เป็นทหารจึงต้องรักษาสัตย์ของผม จริงๆ ไม่อยากก้าวล่วงใครทั้งสิ้น แต่มันจำเป็น เพราะเป็นเวทีแห่งการอภิปราย ผมอยากได้คำอภิปรายที่เป็นประโยชน์ กล่าวหาผมได้ แต่ก็กรุณาฟังผมชี้แจงด้วย จึงจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มันชัดเจน เพราะหลายอย่างมีการบิดเบือนกันมาก โดยเฉพาะเฟคนิวส์ แม้ท่านจะอ้างว่ามาจากสื่อก็เถอะ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image