‘บิ๊กตู่’ถกอาเซียน+3 ชง5ข้อรับมือ‘โควิด’ วันนี้ต้องรอด-วันหน้าต้องเข้มแข็ง

‘บิ๊กตู่’ถกอาเซียน+3 ชง5ข้อรับมือ‘โควิด’ วันนี้ต้องรอด-วันหน้าต้องเข้มแข็ง

‘บิ๊กตู่’ถกอาเซียน+3 ชง5ข้อรับมือ‘โควิด’ วันนี้ต้องรอด-วันหน้าต้องเข้มแข็ง

หมายเหตุพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน และอาเซียน +3 (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) สมัยพิเศษ ว่าด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีนายกฯสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียน เป็นประธานการประชุม ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 เมษายน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ส่งผล กระทบต่อทั้งชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย โดยสถาบันวิจัยเอกชนชั้นนำอย่างแม็กคินซี่ได้คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของจีดีพีโลกในปีนี้อาจจะติดลบถึงร้อยละ 1.5 และหากวิกฤตโควิด-19 ยืดเยื้อต่อไป ก็อาจจะติดลบไปถึงร้อยละ 4.7 ซึ่งสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยอาจสูญเสียรายได้กว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

Advertisement

ประเทศไทยเห็นว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ตลอดจนหาแนวทางร่วมกันในการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรอบด้าน โดยเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทย จึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563-30 เมษายน 2563 และจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ให้ความสำคัญกับการรับมือและแก้ไขปัญหา ทั้งต้นทาง ที่เน้นควบคุมการเดินทางและคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ กลางทาง โดยการรณรงค์มาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และปลายทาง ให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ป่วย และเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้สนับสนุนการวิจัยเชิงรุกเพื่อพัฒนาและจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ การพัฒนาวัคซีนสำหรับโควิด-19 และการพัฒนาระบบสนับสนุนโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้

ไม่มีประเทศใดสามารถต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ได้โดยลำพัง โดยเสนอแนวทางที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1.อาเซียนต้องร่วมมือกันในทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม พร้อมเสนอให้อาเซียน และประเทศบวกสาม ร่วมกันจัดตั้ง “กองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19” โดยจัดสรรเงิน ที่มีอยู่แล้วเท่าที่สามารถตกลงกันได้ มาใช้ในการรับมือกับโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการจัดซื้อชุดตรวจ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และอุปกรณ์การแพทย์ ตลอดจนเพื่อการศึกษาวิจัยคิดค้นยาและวัคซีน ให้อาเซียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

Advertisement

2.อาเซียนควรต้องร่วมกันในการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ การผ่านพิธีการศุลกากร และการค้าชายแดนระหว่างกัน เพื่อให้ผู้บริโภคของเราได้เข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสินค้าที่จำเป็นในช่วงวิกฤตอย่างเพียงพอและทันท่วงที

3.ควรสนับสนุนให้อาเซียนใช้เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีใหม่ๆ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคให้มากขึ้น โดยเสนอให้เร่งรัดการเชื่อมโยงการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการใช้มาตรฐานรหัสคิวอาร์ที่เชื่อมโยงกันได้ ให้การค้าภายในภูมิภาคของเรามีความ คล่องตัวมากขึ้น

4.ขอเสนอให้อาเซียนถอดบทเรียนและประสบการณ์จากการต่อสู้กับโควิด-19 เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่อาจคุกคามชีวิตของประชาชนในอนาคต โดยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากภายในและการพึ่งพาตนเองของภูมิภาคในระยะยาวให้มากขึ้น

5.ควรเสริมสร้างบทบาทของเลขาธิการอาเซียน ในการเป็นผู้ประสานงานการให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมถึงสถานการณ์วิกฤตอื่นๆ ให้เป็นไปอย่างมีระบบ และทันเหตุการณ์

ขอบคุณเลขาธิการอาเซียนที่ได้ช่วยจัดการหารือ ระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ข้ามแดน

ทั้งนี้ อาเซียนควรใช้โอกาสนี้มุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคนิยมและพหุภาคีนิยม โดยเน้นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภายในอาเซียน และกับภาคีภายนอกใน วันนี้เราต้องรอดวันหน้าเราต้องเข้มแข็ง และขอชื่นชมเวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียนที่มีบทบาทในการเสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนในการตอบสนองต่อโควิด-19 อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ และขอต้อนรับนายกฯมาเลเซียคนใหม่ เข้าสู่ครอบครัวอาเซียนด้วย

กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ออกข่าวสารนิเทศถึงการประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษ ว่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีนายเหวียน ชวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในฐานะประธานอาเซียน เป็นประธานการประชุม

ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการต่างๆ ที่แต่ละประเทศดำเนินการรับมือกับโควิด-19 และผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งยืนยันความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์ที่จะเสริมสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกันและกับหุ้นส่วนต่างๆ ในการรับมือกับโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที โดยเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ

การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการส่งเสริมการสื่อสารสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและการต่อต้านข่าวปลอม การสนับสนุนการจัดตั้งคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับภูมิภาค การเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกและศูนย์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของอาเซียน การรักษาการรวมตัวทางเศรษฐกิจ ระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยเฉพาะการไหลเวียนของสินค้าและบริการที่จำเป็น ยา และอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือต่อพลเมืองของอาเซียนในประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศที่สาม

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ย้ำความสำคัญของการจัดทำแผนฟื้นฟูภายหลังการสิ้นสุดลงของโควิด-19 และการเสริมสร้างขีดความสามารถของอาเซียนในการรับมือภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ประชุมได้สนับสนุนข้อเสนอของไทยเกี่ยวกับการจัดตั้ง “กองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-19” เพื่อจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนายาและวัคซีน

เพื่อเป็นการเริ่มต้นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมของอาเซียน ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมของไทยที่จะมอบชุดตรวจชนิด RT-PCR ที่ผลิตในประเทศจากความร่วมมือของรัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัย ให้แก่ทุกประเทศสมาชิกอาเซียน จำนวนประเทศละ 10,000 ชุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม การส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะ MSME รวมทั้งการส่งเสริมการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านการใช้มาตรฐานรหัสคิวอาร์ที่เชื่อมโยงกันของอาเซียน

นายกรัฐมนตรียังได้เสนอว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถเป็นหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการพึ่งพาตนเองของอาเซียนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่อาจคุกคามอาเซียนในอนาคต

รวมทั้งเห็นว่า วิกฤตนี้ไม่ควรนำไปสู่ความถดถอยของโลกาภิวัตน์ แต่ควรเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในการแก้ไขปัญหาระดับโลก

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการรับรองปฏิญญาของการประชุมสุดยอดอาเซียน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image