บทนำวันจันทร์ที่4พฤษภาคม2563 : โอกาสเก็บ‘ข้อมูล’

คำสั่งผ่อนคลายหลังจากปิดตายกิจการต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สร้างความคึกคักให้กับประชาชนที่จะได้ทำอาชีพ มีรายได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง แม้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์ ที่ยากดีมีจนต่างก็ต้องการยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเอง ตลอดห้วงเวลาที่ประเทศไทยปิดเมือง คนไทยด้วยกันแสดงน้ำใจช่วยบริจาคทั้งข้าวปลาอาหาร เงินสด แต่จะพบว่าผู้ที่มารับต่างออกปากว่า หากเลือกได้ ต้องการทำงาน เพื่อหารายได้เลี้ยงดูตนเองมากกว่าจะพึ่งพาคนอื่น

รัฐบาลได้จัดมาตรการช่วยเหลือประชาชนใช้งบมหาศาล ข่าวสารที่ปรากฏสะท้อนว่ารัฐยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับประชาชนอีกมาก การประเมินพลาดว่าจะมีประชาชนมารับการเยียวยา 3 ล้านคน อาจนำไปสู่ทัศนคติเชิงลบว่า คนที่มาขอรับการเยียวยานอกเหนือจากที่รัฐบาลประเมินไว้ เป็นพวกฉวยโอกาส วิธีคิดแบบเดียวกัน และยังอาจนำไปสู่ความคิดว่า ประชาชนที่มาร้องเรียนหน้ากระทรวงการคลังถูกจัดตั้งโดยการเมืองเพื่อดิสเครดิตราชการและรัฐบาล ในประเด็นนี้ รัฐบาลต้องหาข้อเท็จจริงต่อไปว่าข้อมูลและความเข้าใจของรัฐบาลถูกหรือผิด

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องดีที่กระทรวงการคลังจะเร่งจ่ายเงินเยียวยา 5 พันบาทแก่ผู้ที่ผ่านสิทธิ 16 ล้านคนภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ และยังส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อพบผู้ยื่นขอทบทวนสิทธิ โดยทำงานไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงการตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่หน้ากระทรวงการคลัง ข้อมูลจากการลงพื้นที่ จากการพบปะประชาชนที่ขอทบทวนสิทธิน่าจะให้คำตอบได้ว่าพวกเขาเดือดร้อนจริงหรือไม่ คนที่แอบแฝงมาเป็นส่วนน้อยหรือส่วนมาก ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับการทำงานของทางราชการและรัฐบาลในโอกาสต่อไป ผลเสียหายจากการแพร่ระบาดของไวรัสจะไม่ยุติเพียงเท่านี้ การฟื้นฟูความเสียหายของประเทศจะต้องอาศัยพลังทุกฝ่าย ทั้งเจ้าสัว ผู้ประกอบการใหญ่น้อย และประชาชนทุกระดับ การปฏิบัติต่อทุกฝ่ายด้วยความเข้าใจที่ตรงกับข้อเท็จจริง ปราศจากอคติ จะทำให้เกิดพลังความร่วมมือร่วมใจ ซึ่งหมายถึงศักยภาพของประเทศภายหลังจากภัยจากโรคระบาดผ่านไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image