‘เอกชน-อจ.’ส่องสเปก ดรีมทีม ศก.รัฐบาล ต้องเก่ง-แกร่งรับศึกหนัก
หมายเหตุ – เอกชนและนักวิชาการให้ความเห็นถึงกระแสการปรับ ครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่มีเสียงเรียกร้องให้ปรับใหม่ เนื่องจากคาดว่าครึ่งปีหลังภาวะเศรษฐกิจจะซบเซาหนักขึ้น
เกรียงไกร เธียรนุกุล
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเป็นใคร แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการดึงคนเข้ามาบริหารต้องมีความสามารถ มีความเข้าใจในเนื้องาน สามารถเดินหน้านโยบายต่างๆ ได้ทันที
ที่สำคัญคือต้องมีหัวหน้าทีมที่เก่ง ต้องมีทีมเศรษฐกิจของตัวเองที่แข็งแกร่ง จะเป็นทีมเก่าหรือใหม่ก็ได้ ถ้าทีมเก่าต้องเสริมทีมให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ต้องหาบุคลากรที่เก่งๆ ได้รับการยอมรับเข้ามาช่วยงานเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่หากเป็นทีมใหม่ทั้งหัวหน้าทีมและตัวทีมเศรษฐกิจต้องได้รับการยอมรับ เปิดชื่อมาต้องร้องว้าว ไม่ใช่เห็นชื่อแล้วรู้สึกเฉยๆ หรือถูกตั้งคำถามในฝีมือการทำงาน เพราะปัญหาตอนนี้ใหญ่มาก
ความต้องการทีมเศรษฐกิจที่เก่งขึ้น แกร่งขึ้นมาจากความกังวลของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในช่วง 100 วันจากนี้คือ เรื่องการได้รับยกเว้นชำระหนี้ของสถาบันการเงินที่จะหมดลงในเดือนกันยายนนี้ อยากให้ขยายออกไปอีก 3 เดือน คือ สิ้นสุดเดือนธันวาคม
เรื่องต่อมาคือสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ตอนนี้แข็งค่าอย่างมาก ค่อนข้างสวนทางกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ส่งออกกำลังมีปัญหา ผลจากค่าเงินบาทจะยิ่งซ้ำเติมการส่งออกของไทย และเวลานี้ยังขาดผู้นำโดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่อยู่ระหว่างการสรรหาผู้ว่า ธปท.คนใหม่ ขณะที่ ครม.ก็กำลังจะเปลี่ยนแปลง ทีมเศรษฐกิจอาจจะเปลี่ยน ช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านนี้ส่งผลต่อความเป็นไปของเศรษฐกิจระดับประเทศอย่างมาก
ดังนั้น ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรต้องเก่ง ต้องได้รับการยอมรับ ใช้เม็ดเงินโครงการต่างๆ ให้เต็มศักยภาพ ไม่รั่วไหล เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท ต้องสร้างงาน ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก เพราะขณะนี้เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศที่ยังทวีความรุนแรงทุกเวลา ทุกสัปดาห์
เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังแย่ แม้จะมีการอัดเงินเข้าระบบจำนวนมหาศาล เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง มีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เต็มไปหมด แต่ก็แค่ช่วยพยุงส่งให้ตลาดทุน ตลาดหุ้นดีขึ้น เพราะเงินไม่รู้จะไปไหนจึงเข้าตลาดทุน ขณะที่ภาคเศรษฐกิจจริงด้านการบริการ การท่องเที่ยวยังทรุดหนักต่อเนื่อง
จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังถึงต้นปีหน้าจะยังแย่อยู่ เป็นสาเหตุที่ว่าใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจต้องเก่ง ที่สำคัญคือต้องเข้ามาทำงานเป็นทีมจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นอาจไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังลดต่ำได้
วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา
รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)
สําหรับคนที่จะเข้ามาบริหารด้านเศรษฐกิจ ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นนักการเมือง หรือนักธุรกิจ แต่ขอให้เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน สามารถประสานงานได้ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ไม่ใช่คิดเอง ทำเองอยู่คนเดียว ต้องฟังเสียงคนรอบข้างว่าจะไปทิศทางไหนอย่างไร เมื่อประมวลผลได้ก็จะทำให้เกิดการสั่งงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจกลางคัน ห่วงเรื่องของสุญญากาศว่าจะเกิดขึ้นไหม ถ้าไม่เกิดก็เป็นเรื่องที่ดี เชื่อว่าถ้าเป็นรัฐบาลชุดเดียวกันน่าจะมีการเตรียมทางออกที่ดีไว้แล้ว แต่มองว่าใครเข้ามาบริหารงานในช่วงนี้ต้องเตรียมรับบทหนัก เพราะเศรษฐกิจอยู่ช่วงนี้เป็นขาลง อาจไม่ได้รับคำชื่นชม ถ้าทำดีก็เสมอตัว มองว่าไม่โดนด่าก็เก่งแล้ว
สิ่งที่ต้องดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง คือ เรื่องการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ถือเป็นเรื่องที่รัฐต้องเร่งช่วยเหลือ
ส่วนภาคธุรกิจ รัฐก็จะต้องช่วยเหลือหรือซัพพอร์ต วิธีไหนได้บ้างเพื่อให้เขาได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด และช่วยให้ธุรกิจยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่กระทบต่อการจ้างแรงงาน ด้านประชาชนที่มีอาชีพอิสระ ต้องหาทางทำอย่างไรให้เขายังเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อเป็นการลดปัญหาทางสังคม
การกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยหลักๆ ในปี 2563 คงต้องเน้นการกระตุ้นภายในประเทศให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดก่อน แต่ไม่สามารถนำไปเทียบกับตัวเลขที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากต่างประเทศเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของไทยได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อาทิ เรื่องสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวไทย ที่ภาครัฐเริ่มออกแคมเปญมาแล้ว เรื่องนี้ต้องเดินหน้าต่อ เพราะคนไทยยังไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ และการท่องเที่ยวยังเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเศรษฐกิจไทยได้ในปีนี้ การดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยยังเป็นเรื่องที่ยาก
เมธา มาสขาว
เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์ เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ควรเป็นคนที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจนที่จะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยตอนนี้คือ การผูกขาดทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุน ต้องมีคณะรัฐมนตรีที่กู้วิกฤตเศรษฐกิจได้ โดยพุ่งเป้าแก้ที่ทุนผูกขาด ดังนั้นคนที่มาทำเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่คนที่เป็นตัวแทนของกลุ่มทุน แต่ต้องเป็นนักการเงิน นักการธนาคารที่เป็นอิสระ และมีเป้าหมายชัดเจนที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว
ที่ผ่านมาเราได้รัฐมนตรีที่เป็นนักเสรีนิยมใหม่ ที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนต่างๆ ด้วยนโยบาย ยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำกว้างขึ้นไปอีก ดังนั้นสเปกทีมเศรษฐกิจจึงควรเป็นตัวแทนของนักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐกิจสังคม หรือนักเศรษฐศาสตร์การเมืองที่มองเห็นปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่ตัวแทนของกลุ่มทุนผูกขาด หรือตัวแทนของนายธนาคาร
สำหรับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ในพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตัวยังมองไม่เห็น และกระทรวงการคลังอาจจะต้องหาคนนอกพรรคพลังประชารัฐ จะดีกว่า เพื่อความเป็นอิสระ
ส่วนของลูกทีม หรือคณะทำงาน ควรประกอบไปด้วยผู้ที่เกี่ยวกับข้องทางเศรษฐกิจจากหลากหลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะตัวแทนนายธนาคาร หรือตัวแทนทุนผูกขาด อาจจะมีนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองเรามีอาจารย์มากมายที่ชาญฉลาดในเรื่องเหล่านี้ เช่น คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงนักวิชาการด้านเศรษฐกิจสีเขียว และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจสังคมและรัฐสวัสดิการ เข้าร่วมทำงานด้วย
ครึ่งปีหลังนี้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รัฐบาลใช้งบประมาณสุรุ่ยสุร่าย เพื่อมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ซึ่งยังมีอีกหลากหลายวิธีการที่จะสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจได้จากฐานล่าง เช่น ระบบสหกรณ์ ระบบการเยียวยา หรือการปฏิรูประบบที่ดิน เพื่อให้ชาวนาได้มีหลังพิงในระบบเกษตรกรรมของเมืองไทย
ผศ.ดร.ชนินทร เพ็ญสูตร
คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ในประเด็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ อย่างในอเมริกา หรือยุโรป คนที่ทำงานด้านการเงินเป็นคนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก อาจยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ เช่น ฟองสบู่ดอทคอมในยุค 2000 หรือวิกฤตในปี 2008 จึงเป็นอะไรที่น่ากลัวสำหรับสังคมไทยที่กำลังถูกกุมฐานเศรษฐกิจด้วยพนักงานรุ่นใหม่ที่อาจจะยังไม่เคยเผชิญภาวะวิกฤตมาก่อน
ในกรณีของประเทศไทย เราจึงต้องการคนที่มีประสบการณ์ หมายความว่า ควรจะเป็นคนที่อย่างน้อยผ่านเหตุการณ์ในปี 1997 หรือถัดมาคือรอบปี 2008 ต้องมีประสบการณ์แก้ปัญหาตรงนี้มาก่อน
ส่วนของลูกทีม แน่นอนว่าจะต้องมีภาคธุรกิจเข้ามาร่วมด้วย แต่ไม่ได้เจาะจงไปที่สายไฟแนนซ์ หรือสายธนาคารเข้ามาในทีมเพียงอย่างเดียว การจะขับเคลื่อนประเทศไทยไม่ควรจะมีแค่โทนใดโทนหนึ่ง หลายคนอาจวางตำแหน่งผิด เอานักเศรษฐศาสตร์มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทางที่ดี ควรใช้นักเศรษฐศาสตร์ คู่กับนักการตลาด เป็นทีมที่มีความ “สหวิทยาการ” เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์คือ กลุ่มอธิบายเหตุการณ์ แต่กลุ่มที่จะฟื้นฟูหลังจากนั้นส่วนตัวยังเชื่อว่าต้องเป็นทีมการตลาดที่เก่ง ซึ่งจะทั้งรับทั้งส่งกัน กลุ่มหนึ่งรับปัญหา อีกกลุ่มผลักดันขึ้นไปในส่วนของการแก้ปัญหา ต้องเป็นทีมสหวิทยาการ จึงจะดีมาก
ส่วนตัวรู้สึกชอบคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นอดีตผู้บริหารไอบีเอ็ม แก้วิกฤตตัวเลขติดลบของไทยคม จากขาดทุนให้พลิกฟื้นภายใน 6 เดือน จากนั้นก็ไปเป็นซีอีโอของ บมจ.ดุสิตธานี เป็นคนที่เก่งมาก ส่วนตัวรู้สึกว่าอยากได้ทีมเศรษฐกิจที่เป็นเลือดใหม่ แต่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว เพราะจะเข้าใจหลักการและเหตุผล
เราไปก๊อบปี้โมเดลมาอินดรัสตรี 4.0 ของประเทศเยอรมัน แต่เยอรมันเองก็มีปัญหา เพราะตั้งแต่หลังยุคสงครามโลก ไม่มีบริษัทใดในเยอรมันที่เด่น จึงเป็นเหตุให้ต้องพลิกเพราะยังเป็นอุตสาหกรรม 3.0 เยอรมันพลิกขึ้นมาขอเป็น 4.0 และจะพัฒนาด้านเอไอ ญี่ปุ่นก็เอาสังคม 5.0 ซึ่งสังคมของเขาคนได้รับการตอบแทนจากเศรษฐกิจ 4.0 เพราะญี่ปุ่นเป็นระบบหุ่นยนต์ไปเรียบร้อยแล้ว ด้านจีนก็เป็นเอไอ
ส่วนประเทศไทย หากจะฟื้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงจะทำอย่างไร เพราะการฟื้นเศรษฐกิจที่คุณพูดคือระยะสั้นทั้งนั้น ในเมื่อประเทศอื่นพูดถึงเอไอ และอื่นๆ ไปแล้ว ธุรกิจที่ดิสรัปต์ในไทยจะไปทางไหน เพราะสุดท้ายวิธีการแก้ปัญหา เรายังอยู่ในสังคมที่เป็น “ก่อน 4.0” ทุกวันนี้ที่พูด 4.0 ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือไม่มีผลลัพธ์อะไรที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้บ้าง และเรามีการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือไม่
รัฐสวัสดิการ เป็นอีกอย่างที่อยากให้เน้น เพราะตอนนี้รัฐไทย เหมือนกับรัฐที่ทุกคนต้องมาบริจาคเมื่อเกิดภัยพิบัติในอนาคตสเกลความเสียหายจะใหญ่ขึ้นอีก เพราะคนจะย้ายเข้าเมืองหมด สิ่งนี้รัฐไทยได้รองรับแล้วหรือไม่ อย่างน้อยคือ สวัสดิการสังคม เพื่อรองรับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ไม่ทันตั้งตัว
