การเมืองประเทศไทย อยู่ในห้วงของการชุมนุมของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่เกิดขึ้นตามสถานศึกษา และบริเวณที่เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยทั่วประเทศ ในการชุมนุม มีการปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การบริหารงานของรัฐบาลหลายเรื่อง ปัญหาเศรษฐกิจก่อนและหลังโควิด ไปจนถึงการจัดซื้ออาวุธของฝ่ายความมั่นคง โดยเห็นว่าไม่สอดคล้องกับสภาพของประเทศที่ประชาชนยากลำบาก รัฐบาลออกอาการเพลี่ยงพล้ำ ทำให้เกิดกระแสประเมินว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ดำเนินการโดยฝ่ายทหาร อย่างเช่นการรัฐประหารอีกหรือไม่
เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตอบคำถามนักข่าว กรณีข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า “สื่อเองยังพูดว่าข่าวลือเลย” เมื่อถามย้ำว่าอยากได้ยินจากปาก ผบ.ทบ.เอง พล.อ.อภิรัชต์กล่าวซ้ำว่า “นักข่าวยังพูดว่าข่าวลือ” เมื่อถามย้ำว่าจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และเดินขึ้นห้องทำงานทันที ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ เล่นกันว่า ผมเห็นชาติเป็นอย่างนี้ ไม่ปลอดภัย ผมก็ต้องเข้ามา แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ท่านลืมหมดแล้วหรืออย่างไร อย่าลืมสิ และอีกตอนระบุว่า ถ้าจะเอาชนะคะคานทางการเมือง ประเทศชาติจะล่มสลาย ถ้ามันเกิดอย่างนั้นจริง ก็รอดูก็แล้วกัน แล้วทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินนี้ที่ร้อนระอุลุกเป็นไฟก็ว่ากันไปแล้วกัน ผมก็สุดกำลังสติปัญญาของผมแล้ว ถ้าจะถึงตอนนั้นอีกก็โอเคนะ
สำหรับสถานการณ์การเมืองในประเทศขณะนี้ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนได้ออกมาแสดงความเห็น ความรู้สึกทางการเมือง เป็นการแสดงออกตามสิทธิที่พลเมืองพึงมี หลังจากถูกจำกัดสิทธิมา 6 ปี ถ้ารัฐบาลเห็นว่า กลุ่มเคลื่อนไหวถูกจูงจมูก ล้างสมอง ก็อาจจะแก้ปัญหาผิดทางได้ เพราะการแสดงออก การพูดจาที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการบริหารงานของรัฐบาล และเป็นตัวชี้วัดการทำงาน ซึ่งควรรับฟังและนำไปใช้ปรับแก้การทำงาน ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมมากขึ้น ขณะเดียวกัน สภาพที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า รัฐประหารแก้ปัญหาของประเทศได้หรือไม่
