ถอดรหัส‘บิ๊กตู่’ ถอย หรือ ไม่ถอย จับตาดูรัฐสภา

ถอดรหัส‘บิ๊กตู่’ ถอย หรือ ไม่ถอย จับตาดูรัฐสภา แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ถอดรหัส‘บิ๊กตู่’ ถอย หรือ ไม่ถอย จับตาดูรัฐสภา

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกโทรทัศน์เรียกร้องต่อม็อบราษฎรให้ “ถอยคนละก้าว”

พล.อ.ประยุทธ์แสดงความจริงใจด้วยการเริ่มก่อน โดยยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และเปิดทางให้รัฐสภาทำหน้าที่หาทางออกวิกฤตที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ รัฐสภาจะเปิดสมัยวิสามัญในวันที่ 26 ตุลาคม และมีการบรรจุวาระให้สมาชิกได้อภิปรายกันเพื่อหาทางออกจากวิกฤตกัน 2 วัน คือวันที่ 26 และวันที่ 27 ตุลาคม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Advertisement

แต่ก่อนการหาทางออกจะเกิดขึ้น ได้บังเกิดข้อข้องใจจาก “คำพูด” และ “หนังสือ” ของ พล.อ.ประยุทธ์

ข้องใจในคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ในวันที่เรียกร้องให้ “ถอยคนละก้าว”

ข้องใจในเนื้อความในหนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา

Advertisement

ทั้งนี้ในคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์บางตอนชี้นำให้ผู้คนรู้สึกไม่ไว้วางใจ

“เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่มีใครอยากเห็นว่าเกิดขึ้นในประเทศไทย เราได้เห็นการกระทำที่น่าหดหู่ใจอย่างมากที่เกิดขึ้นกับตำรวจ มีการทุบตีทำร้ายตำรวจด้วยคีมเหล็กขนาดใหญ่ และพฤติกรรมรุนแรงอีกหลายอย่างต่อเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งใจทำร้ายคนไทยด้วยกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น แม้เราจะเห็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีเจตนาร้าย และปฏิบัติตัวไม่ดีอย่างรุนแรง แต่เวลาเดียวกัน เราก็เห็นว่ายังมีคนอีกมากมายที่แม้ว่าจะกำลังทำผิดกฎหมาย แต่ก็ปฏิบัติตนด้วยความสงบ มีเจตนาดีที่ต้องการขอความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และมีความจริงใจที่อยากจะเห็นประเทศดีขึ้น เรามองเห็นคนกลุ่มนี้ด้วย”

คำแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจนายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร และมีการใช้กำลังตำรวจตระเวนชายแดนเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม

ปลุกให้มีนักเรียนนิสิตนักศึกษา และประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงออกมาต่อต้าน

ขณะเดียวกันองค์กรระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนก็ออกมาคัดค้าน

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงข่าวและเปิดเพลง “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” หลังจากนั้นได้ปรากฏกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองออกมาแสดงพลัง

กระทั่งเกิดเหตุทุบตีนักเรียนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกโทรทัศน์

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะประกาศ “ถอยคนละก้าว” แต่การดำเนินการต่อต้านกลุ่มราษฎรยังคงดำเนินต่อไป

นี่จึงเป็นข้อข้องใจในความจริงใจของผู้นำรัฐบาล

ขณะเดียวกัน แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะเห็นด้วยกับการเปิดรัฐสภาเพื่อหาทางออก แต่หนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ยื่นถึงนายชวนนั้น สอดใส่ข้อกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมจนกระทั่งเกิดคำถาม

เนื้อความบางตอนของหนังสือที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งถึงนายชวน ระบุว่า

“แม้เจ้าหน้าที่ตํารวจจะพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์และควบคุมตัวบุคคลบางคนในกลุ่มผู้ชุมนุม ที่มีบทบาทสําคัญในการยุยงและก่อให้เกิดการกระทําความผิด แต่การชุมนุมยังคงมีขึ้นในเวลาต่อมาที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ สี่แยกปทุมวัน และแยกย้ายเป็นกลุ่มไปตามที่ชุมนุมต่างๆ ศูนย์กลางธุรกิจการค้าและสถานีขนส่งผู้โดยสารอีกหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งในต่างจังหวัด จนน่าวิตกว่าจะกระทบต่อความสงบเรียบร้อย การคมนาคม และเศรษฐกิจในบริเวณใกล้เคียง

“เจ้าหน้าที่ตํารวจได้เตือน ห้ามปราม และพยายามหยุดยั้งการชุมนุมที่แม้จะมีเสรีภาพและได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 54 วรรคแรก ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่การใช้อํานาจหน้าที่ของรัฐเข้าควบคุมการชุมนุมที่ผิดกฎหมายก็เป็นข้อยกเว้นการใช้เสรีภาพดังกล่าวตามที่มาตรา 44 วรรคสอง กําหนดให้ทําได้ แต่เมื่อไม่เป็นผลสําเร็จ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสกัดและเรียกคืนพื้นที่อันเป็นขั้นตอนการควบคุมฝูงชน ตามมาตรการสากลที่ใช้ในนานาประเทศ เมื่อคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ณ บริเวณถนนพระรามที่ 1 ใกล้สี่แยกปทุมวัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมยังสามารถนัดแนะทางสื่อต่างๆ เพื่อชุมนุมกันต่อมาอีกหลายครั้ง โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ปล่อยตัวผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมตัว…”

ข้อความที่ปรากฏในหนังสือ ทำให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านเป็นกังวล

เกรงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะใช้รัฐสภา “ฟอกขาว” ให้รัฐบาล

ใช้กลไก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา ช่วยแก้ต่างให้

หากเป็นไปตามที่พรรคฝ่ายค้านกังวลย่อมหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังใช้ยุทธวิธี “ลับ ลวง พราง”

เปลี่ยนจากการใช้วิธีการตอบโต้ด้วยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง มาใช้มวลชนเคลื่อนไหว

ยิ่งมีกระแสข่าวว่ากลุ่มเคลื่อนไหวฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ คือ รัฐมนตรี คือ สมาชิกวุฒิสภา ยิ่งสร้างความเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนยุทธวิธี

ขณะเดียวกัน การเปิดรัฐสภาโดยมีเป้าหมายที่จะ “ฟอกขาว” ย่อมหมายถึงการ “โต้กลับ” มากกว่าการ “ยอมถอย”

หากเป็นเช่นนี้ เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงสู้ต่อไป

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่หยุด กลุ่มราษฎรย่อมไม่หยุดเคลื่อนไหว

สถานการณ์หลังข้อเสนอ “ถอยคนละก้าว” ยังคงล่อแหลม

พล.อ.ประยุทธ์ยังคงอยู่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ยังคงอยู่

ทุกอย่างยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น เหตุการณ์ในรัฐสภาระหว่างวันที่ 26 และ 27 ตุลาคม ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

เหตุการณ์ระดมคนจากภาครัฐ ยังคงต้องติดตามกันต่อไป

หากการเปิดรัฐสภาคือการตอบโต้ไม่ใช่การหาทางออก ทุกจังหวะก้าวนับแต่นี้เป็นต้นไป อาจสุ่มเสี่ยงต่อยิ่งกว่าจังหวะก้าวที่ผ่านมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image