มุมมองนักวิชาการ กกต.สอบ‘คณะก้าวหน้า’

มุมมองนักวิชาการ กกต.สอบ‘คณะก้าวหน้า’ หมายเหตุ - ความเห็นนักวิชาการ

มุมมองนักวิชาการ กกต.สอบ‘คณะก้าวหน้า’

หมายเหตุ ความเห็นนักวิชาการกรณี กกต.มีมติสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนการเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในนามคณะก้าวหน้า ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายกและสมาชิก อบจ. เข้าลักษณะเป็นพรรคการเมือง มีความผิดตามมาตรา 111 พ.ร.ป.พรรคการเมือง

ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์
นักวิชาการประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

Advertisement

ประการแรกต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่าความเคลื่อนไหวในการรณรงค์เพื่อหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.ในจังหวัดต่างๆ ถือเป็นกลุ่มการเมือง เมื่อมีการรวมตัวกันแล้วก็สามารถเรียกได้ว่าพรรคการเมืองท้องถิ่น ดังนั้น ทุกกลุ่มที่เคลื่อนไหวจึงเรียกเป็นพรรคการเมืองท้องถิ่นทั้งหมด ด้วยเหตุนี้การใช้ พ.ร.ป.พรรคการเมืองเพื่อจำกัดขอบเขตในการเลือกตั้งท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง

เพราะว่าการเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีในการพัฒนาการเมืองของประเทศ มีการรณรงค์ในฐานะของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น คือพรรคการเมืองท้องถิ่น และมีการเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองระดับชาติ เพราะฉะนั้น การเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้าในด้านของความชอบธรรมทางการเมือง ย่อมเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่จะรณรงค์การเลือกตั้งในขอบเขตของจังหวัดใด หรือทั้งประเทศ

สำหรับการตั้งกลุ่มทางการเมืองก็ต้องมีหัวหน้าพรรค เช่น ผู้สมัครนายก อบจ.ก็เป็นหัวหน้ากลุ่มการเมืองท้องถิ่น จากนั้นมีตำแหน่งเลขาฯกลุ่ม มีเหรัญญิก เป็นโครงสร้างธรรมดาของทุกองค์กร ขณะที่การจัดกิจกรรมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็ต้องทำแบบนี้เพื่อเคลื่อนไหว เพราะต้องแบ่งแยกหน้าที่ภายในกลุ่ม ไม่เช่นนั้นเมื่อมีการทำภารกิจก็ไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรง หากภารกิจไปรวมศูนย์ที่บุคคลใดแสดงว่ากลุ่มนี้ใช้ไม่ได้ในเชิงของการบริหารจัดการ

Advertisement

สิ่งที่พรรคก้าวหน้าดำเนินการเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย และต้องดูเป้าประสงค์ที่แท้จริงของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกและผู้บริหารท้องถิ่นต้องยอมรับว่าการทำรัฐประหาร ปี 2557 มีความพยายามที่จะทำลายรากเหง้าทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ระดับชาติถึงการเมืองท้องถิ่น จึงเห็นได้ว่ามีการทำลายพรรคการเมืองขนาดใหญ่และขนาดกลางซึ่งเป็นคู่แข่งของรัฐทหารลงไป

ด้วยเหตุนี้กระบวนการของการสร้างฐานการเมืองระดับชาติจึงทำให้พรรคการเมืองกลายเป็นพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อทำไห้ไม่สามารถผลักดันนโยบายและมีการต่อรองทางการเมืองเพื่อแข่งขันกับรัฐทหารได้

ขณะที่ประชาธิปไตยท้องถิ่นที่เป็นรากฐานของประชาธิปไตยในระดับชาติ เมื่อรัฐทหารทำลายประชาธิปไตยในระดับชาติแล้ว เป้าหมายหรือเป้าประสงค์ในการกำหนดหลักเกณฑ์ทั้งหมด ทั้งพรรคการเมืองและการเลือกตั้งท้องถิ่นคือความพยายามที่จะกำจัดกลุ่มหรือใครก็ตามที่เข้ามาแข่งขันในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น ดังนั้น สิ่งที่เห็นได้จากการใช้กฎหมายกับคณะก้าวหน้าก็เป็นสิ่งที่ไม่เกินความคาดหมาย หลังจากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่

เมื่อพบว่ากลุ่มผู้นำเดิมยังมีพลังในการเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่น และเชื่อว่าผู้มีอำนาจยังมีเจตจำนงที่จะตามทำลายจนทำให้ไม่เหลือซากในสนามการเมือง ก็ชี้ชัดว่ากฎหมายที่ออกมาในยุคของ คสช.ทั้งหมดที่เกี่ยวกับกลไกทางการเมือง รวมทั้งกระบวนการของ กกต. น่าจะมีการเลือกปฏิบัติ เข้าข่ายจะมีเจตนาทำลายประชาธิปไตยของประเทศ

ในอนาคตเชื่อว่าชะตากรรมของคณะก้าวหน้าคงไม่แตกต่างจากพรรคอนาคตใหม่ ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของรัฐทหาร จากฐานการสนับสนุนของคนรุ่นใหม่ ทั้งที่การยุบพรรคอนาคตใหม่ที่ผ่านมาคือระเบิดที่ก่อให้เกิดการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 การใช้กระบวนการเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการชี้ให้เห็นถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการทำรัฐประหารคือการทำลายประชาธิปไตย

ขณะเดียวกันก่อนการวินิจฉัย ยอมรับว่ายังไม่เห็นหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติที่มาตรฐานในแนวทางเดียวกัน แต่เห็นว่าหากองค์กรอิสระจะเล่นงานใคร จะลงโทษใคร ก็มักจะมองไม่เห็นหลักการและเหตุผลที่แท้จริงที่จะนำไปประกอบ คล้ายกับกรณีที่นักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อ ซึ่งสังคมได้เห็น ส.ส.จำนวนมากหลุดรอดจากเงื่อนไขกฎหมาย

สำหรับผู้สมัครนายก อบจ.หรือ ส.อบจ.ในนามคณะก้าวหน้า น่าจะมีผลกระทบหากมีผลวินิจฉัย เพราะเชื่อว่าผู้มีอำนาจจะไม่ยอมให้ทีมงานของคณะก้าวหน้าเข้าไปบริหารท้องถิ่น เนื่องจากต้องการรักษาฐานการเมืองของบ้านใหญ่และเครือข่ายในระบบอุปถัมภ์แบบดั้งเดิม มากกว่าการยอมรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างประเทศให้เจริญกว่านี้

บรรณ แก้วฉ่ำ
นักวิชาการด้านกฎหมายกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น

กรณี กกต.มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบคณะก้าวหน้าว่าดำเนินกิจกรรมคล้ายพรรคการเมืองตามมาตรา 111 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 มีข้อพิจารณาคือ ตามมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติรองรับว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม สหกรณ์ สหภาพ องค์กร ชุมชน หรือหมู่คณะอื่น ดังนั้น การจัดตั้งคณะก้าวหน้าจึงได้รับการรับรองอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว

ขณะที่ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ทั้งฉบับกล่าวถึงเฉพาะการเมืองระดับชาติ ไม่มีบทบัญญัติใดกล่าวถึงการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น จึงเป็นกฎหมายที่มุ่งบังคับในการเมืองระดับชาติเท่านั้น และลักษณะการดำเนินกิจกรรมคล้ายพรรคการเมือง ซึ่งจะเป็นองค์ความผิดตามมาตรา 111 จะต้องเป็นกิจกรรมทางการเมืองในระดับชาติ เช่น ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

ดังนั้น ก่อนจะวินิจฉัยว่ากิจกรรมใดคล้ายกิจกรรมพรรคการเมือง ต้องพิจารณาก่อนว่า ลักษณะของกิจกรรมของพรรคการเมืองเป็นอย่างไร มีตัวอย่างในมาตรา 23 พ.ร.ป.พรรคการเมืองหลายเรื่อง เช่น ส่งเสริมให้สมาชิกและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้กล่าวถึงการส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น ประกอบกับปัจจุบันมีหลายหน่วยงานหลายองค์กรที่มีกิจกรรมในเรื่องดังกล่าว ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำเลียนแบบพรรคการเมืองก็จะต้องดำเนินคดีกับองค์กรต่างๆ คณะบุคคล ชมรม สมาคมต่างๆ ในประเทศนี้เป็นจำนวนมาก

ในการสมัครรับเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่ามีคณะบุคคลที่ตั้งขึ้นเพื่อส่งผู้สมัครในลักษณะเป็นทีมผู้สมัคร มีชื่อเรียกต่างๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีเพียงคณะก้าวหน้า เนื่องจากตามระเบียบ กกต.ไม่ได้กำหนดห้ามสมัครในนามคณะบุคคล ดังนั้น กกต.ควรจะตั้งกรรมการสอบสวนคณะบุคคลอื่นด้วยหรือไม่ เพราะนอกจากจะไม่เข้าองค์ประกอบความผิดอันสมควรตั้งกรรมการสอบแล้ว โดยปกติวิธีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจะต้องทำเป็นเรื่องลับ แต่กรณีนี้ กกต.ทำให้ปรากฏผ่านสื่อทุกช่องทาง ข่าวที่ปรากฏย่อมมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนว่าควรเลือกผู้สมัครที่ลงในนามคณะบุคคลที่กำลังถูก กกต.ตั้งกรรมการสอบสวนหรือไม่

มีข้อสังเกตว่า กกต.มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 34 และมาตรา 119 บัญญัติห้ามทั้งในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐและในฐานะ กกต.โดยตรง ไม่ให้กระทำการใดๆ โดยมิชอบด้วยหน้าที่และอำนาจอันเป็นการกลั่นแกล้งผู้สมัครใด หรือดำเนินการใดๆ ที่เป็นคุณเป็นโทษแก่ผู้สมัครใด จึงต้องติดตามว่าการกระทำที่น่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดดังกล่าว จะมีผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามคณะก้าวหน้าดำเนินคดีกับ กกต.ด้วยหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image