จังหวะก้าวของ “ราษฎร” ในการปล่อยประกาศ “รวมพลคนไม่มีจะกิน” อันตามมาด้วย “ตีหม้อไล่เผด็จการ” พร้อมกับติด #ม็อบ10กุมภา
ถูกตีความว่าเป็น “ยกที่ 1” โดยอัตโนมัติ
ความหมายของคำว่า ยกที่ 1 ถูกโยงไปยังการปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” ณ บริเวณอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม
นั่นย่อมเป็น ยกที่ 1 ของปี 2563
การปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 แทบไม่มีใครนึกคาดว่าจะนำไปสู่ปรากฏการณ์ “คณะราษฎร 2563” ในเดือนตุลาคม
เช่นเดียวกับคำประกาศของ “ราษฎร” ต่อ “#ม็อบ10กุมภา”
เพราะเป็นคำประกาศในขณะที่มีความเชื่อภายในของรัฐบาลอันสะท้อนผ่านเครือข่ายปฏิบัติการ IO ว่าม็อบฝ่อลง ม็อบแผ่วลง
จึงท้าทายว่าฝ่อลง แผ่วลง จริงละหรือ
การนำเสนอคำว่า “ยกที่ 1” ออกมาสะท้อนให้เห็นว่า นี่ย่อมเป็นบาทก้าวที่ 1 หากมองจากปฏิบัติการเคลื่อนไหวผ่านนามของ “ราษฎร”
ที่ผ่านมา จึงเสมอเป็นเพียงการเคลื่อนไหว “ย่อย”
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังหน้ากระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังหน้ากระทรวงสาธารณสุข
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล
ที่นัดหมาย#10กุมภานี้ต่างหากที่เป็น “ยกที่ 1” อย่างแท้จริง
การนัดหมาย ณ สถานีรถไฟฟ้า MBK แยกปทุมวัน จึงเท่ากับเป็นการนำเอาบทเรียนของแฟลชม็อบจากเมื่อปี 2563 มาประสานเข้ากับความเป็นจริงในปี 2564
เน้นจุดไปยัง “รวมพลคนไม่มีจะกิน”
ขณะเดียวกัน ก็เอาประเด็นในทาง “เศรษฐกิจ” ผนวกเข้ากับเป้าหมายใหญ่ในทางการเมือง นั่นก็คือ “ตีหม้อไล่เผด็จการ”
ที่สำคัญมีภาพ “หม้อ” ภาพ “ไม้ตี”ครบครัน
พลันที่เห็นภาพหม้อวางเรียงเคียงกับคำประกาศที่ว่า “ตีหม้อไล่เผด็จการ” หลายคนย่อมบังเกิดนัยประหวัดไปยังการเคลื่อนไหวใน “พม่า”
นั่นก็คือ ปรากฏการณ์ “อนารยะขัดขืน” อันทรงพลัง
จึงเด่นชัดเป็นอย่างยิ่งในความสัมพันธ์และส่งผลสะเทือนซึ่งกันและกันระหว่างการเคลื่อนไหวที่พม่ากับการเคลื่อนไหวในไทย
เริ่มจาก “ชู 3 นิ้ว” ตามมาด้วย “ริบบิ้น”
หากปิดเสียงเพลงและการเปล่งคำขวัญและมองผ่านเครื่องแต่งกายก็แทบแยกไม่ออกว่าเป็นการเคลื่อนไหวในไทย หรือการเคลื่อนไหวที่อื่น
อย่าได้แปลกใจหาก “ราษฎร” จะ “ตีหม้อไล่เผด็จการ” บ้าง
นี่คือลักษณะ “ร่วม” ในทางการเมืองซึ่งสะท้อนไม่เพียงแต่ 1 ต่อต้านการรัฐประหาร หากที่สำคัญ 1 คือการต่อต้านการแทรกแซงการเมืองโดย “ทหาร”
นี่คือการบรรจบ ประสบกันในทางการเมือง
สถานการณ์การเคลื่อนไหวในพม่าไปไกลอย่างยิ่ง นั่นก็คือ การออกมาชุมนุมโดยไม่หวั่นเกรงต่อคำขู่จากประกาศและเสียงปืนจากกองทัพ
เด่นชัดว่า “กองทัพ” ตกเป็นเป้า
เนื่องจากจากจำนวน “มวลชน” ยืนยันผล “การเลือกตั้ง” ได้อย่างเป็นรูปธรรม และที่สำคัญถึงทหารจะปล้นชิงอำนาจไปได้แต่ก็ไม่แน่ว่าจะปกครองหรือบริหารได้
ของพม่าเป็นเช่นนั้น ของไทยจะเป็นเช่นใด