รายงานหน้า2 : ตัดเกรด‘ฝ่ายค้าน-10รมต.’อจ.ประเมินศึกซักฟอก

หมายเหตุความเห็นนักวิชาการเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล 10 คน การทำหน้าที่ของพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งข้อมูล การตรวจสอบ และการชี้แจงของรัฐมนตรี ตรงประเด็น มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงคะแนนเสียงที่ลงมติจะนำไปสู่การปรับครม.หรือไม่อย่างไร

พนัส ทัศนียานนท์
นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การอภิปรายของฝ่ายค้านครั้งนี้ยิ่งกว่าสอบผ่าน ส่วนตัวให้คะแนนเต็ม โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคก้าวไกลทุกคนอภิปรายได้ดีมาก ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลอภิปรายสรุปได้ดีมีความโดดเด่นที่สุด
ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มี ส.ส.คนรุ่นใหม่ นำข้อมูลเหมืองทองมาพูดถือว่ามีข้อมูลแน่น ตรงประเด็น และ มีแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนนำเสนอข้อมูลได้ดีตามที่วางแผนไว้ ถ้าหากเทียบกับการอภิปรายครั้งที่แล้ว หมดปัญหาถูกตำหนิว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะมีข้อมูลที่น่าสนใจมากกว่าเดิม เช่น ข้อมูลจากการใช้ ไอโอ ของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ทำให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่าเก่งกว่าทหาร ก็ไม่ทราบว่าจะหมายความว่าอย่างไร เพราะดูเหมือนจะมีการรับสารภาพว่าทำจริง
สำหรับการตอบของรัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่ชัดเจน ไม่มีใครตอบได้ รัฐมนตรีบางคนทำเหมือนตัวเองทำหน้าที่คล้ายบุรุษไปรษณีย์ คำตอบส่วนใหญ่จึงไม่เป็นไปตามประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต แต่จะตอบเหมือนไปไหนมาสามวาสองศอกแทบทั้งหมด
สรุปว่าพยายามจะบ่ายเบี่ยงเพราะตอบไม่ได้ เนื่องจากคำถามเข้าเป้าทั้งหมดไม่รู้จะตอบอย่างไร
โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยก็มีลักษณะคล้ายกัน ดังนั้น ก็ต้องพยายามหาลูกเล่นมาแถกันไป เหมือนผู้ต้องหาส่วนใหญ่ที่โดนคดีก็จะบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ
ตราบใดคนที่กล่าวหายังไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ใช่เรื่องการหาหลักฐานมาพิสูจน์เพื่อลงโทษในคดี แต่เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาควรไปหาหลักฐานมาพูดเพื่อหักล้างให้ได้ แต่ถ้าไม่พูดอะไร ในทางคดีก็เหมือนกับการยอมรับสารภาพ
ส่วนตัวเห็นว่าการตอบส่วนใหญ่ไม่ใช่วาทะแต่เป็นวาแถ ขณะที่นายกรัฐมนตรีแทบจะไม่ได้ตอบอะไรสร้างความกระจ่างตามหัวข้อที่ถูกอภิปราย บอกแต่ว่าทำตามกฎหมาย รักทุกคน รักประชาชน
ทั้งที่เรื่องระเบียบหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการทำงาน ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ส่วนการเรียกร้องให้หาใบเสร็จเอามาพิสูจน์ เช่นการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ ใครจะเอาใบเสร็จมายืนยันได้
ขณะที่ปัญหาการลักลอบเปิดบ่อนฝ่ายค้านได้อธิบายสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเป็นอย่างไร คนก็รู้กันทั่วไปหมดแล้วยังหากินอยู่ได้อย่างไร เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเอาใบเสร็จมายืนยัน
แต่เป็นที่เข้าใจว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลเหนือกฎหมายจะทำกันได้อย่างไร
สำหรับผลคะแนนที่โหวตหลังการอภิปราย เชื่อว่านายกรัฐมนตรีหัวเด็ดตีนขาดก็คงไม่ยอมทิ้งเก้าอี้ ส่วน ส.ส.ซีกรัฐบาลก็ต้องยกมือแทบทั้งหมด เพราะถูกผูกมัดตราสังไว้แน่นหนาที่สุด ดังนั้น ผลคะแนนเรื่องของตัวเลขจึงไม่มีความหมายอะไรมากนัก แต่อาจจะมีรัฐมนตรีบางรายได้คะแนนไม่เท่ากัน เหมือนครั้งที่แล้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้คะแนนมากที่สุด ส่วนตัวมองว่าการยกมือจะใช้ปัจจัยอย่างอื่นที่อาจจะไม่ใช้เหตุผลเท่าที่ควร
แต่ใช้สิ่งที่เป็นเหมือนมนต์สะกด
การยกมือจึงเป็นไปตามอัตโนมัติตามที่มีการสะกดไว้ และคงไม่มีการปรับ ครม.ในทันที เพราะผู้มีอำนาจต้องหยั่งเชิงหรือประเมินสถานการณ์ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะทำความเสียหายได้มากน้อยแค่ไหน
แต่การปรับ ครม.ต้องมี และอาจจะต้องมีแพะ แต่สุดท้ายจะนำไปสู่ความแยกของพรรคร่วมรัฐบาลกันเองหรือไม่เป็นสิ่งที่ต้องรอดูกันต่อไป

สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

Advertisement

การอภิปรายครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านสอบผ่าน ทำได้ชัดเจนกว่าครั้งที่แล้วที่ทำให้คนส่วนใหญ่หวาดระแวง และการภิปรายครั้งนี้ไม่ถึงกับเกินความคาดหมาย
แต่ถือว่าสมราคา เพราะมีหลักฐานมาแสดง ไม่ได้มโนหรือมีจินตนาการ ส่วนที่ผู้โดดเด่นมากที่สุดในการอภิปราย เป็นชุดข้อมูลที่นำมาอภิปรายสรุปของหัวหน้าพรรคก้าวไกล สามารถพูดสรุปได้สละสลวย เร้าอารมณ์คนฟัง กล้าพูดในสิ่งที่เชื่อว่าพูดแล้ว คาดว่าจะต้องถูกประท้วงมากมาย แต่ไม่มีการประท้วงทำให้ได้รับฟังต่อเนื่อง ทำให้ดูเหมือนว่าการลุกขึ้นประท้วงจากการพูดในบางเรื่องน่าจะมีข้อตกลงกันไว้ เพื่อให้การอภิปรายจบในเวลาที่กำหนด
แต่ส่วนตัวเห็นว่าการประท้วงที่ผ่านมา เป็นเรื่องน่ารำคาญเหมือนเดิม บางครั้งมีการประท้วงไปก่อนโดยคาดว่าจะมีการพูดในบางเรื่อง
การอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านทำให้ประชาชนเห็นหลักฐาน เห็นการเชื่อมโยง จี้จุดจากเรื่องที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมชัดเจน ครั้งนี้เท่าที่คิดตามรัฐมนตรีส่วนใหญ่พยายามตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา เหมือนที่รองประธานสภาบางคนพูดนำทางเอาไว้ว่าสมัยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ยังเคยพูดสั้นๆ หรือมีคนยกตัวอย่างว่าสมัยนายชวน หลีกภัย ยังเคยนำประวัติส่วนตัวมาพูดกลบเนื้อหาอภิปราย ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ลุกขึ้นมาตอบก็ไม่มีอะไรมากกว่า การตอบว่าไม่จริง เหมือนที่เคยตอบสื่อมาตลอดในระยะเวลาที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้นผู้ฟังก็ต้องชั่งน้ำหนักหลังฝ่ายค้านถามและซีกรัฐบาล คำตอบใครจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เช่น ฝ่ายค้านบอกว่ามีการใช้อิทธิพลแทรกแซงการแต่งตั้ง อ้างถึงหลักฐานเอกสาร แต่มีคำตอบว่าการพิจารณาเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แค่นี้ก็นึกภาพไม่ออกแล้ว เพราะผู้เกี่ยวข้องตอบคำถามให้ดูเหมือนว่าตอบแล้ว เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และดูแล้วไม่มีรัฐมนตรีรายไหนตอบชัดเจน
ขณะที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถือว่ามีความเก๋า มีประสบการณ์ก็ตอบไม่ตรงเท่าไหร่ ไม่เหมือนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในอดีต ลุกขึ้นยืนอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ดีกว่านี้
ในภาพรวมรัฐมนตรีทั้งหมดน่าจะตอบหรือชี้แจงได้ดีกว่านี้ ยกเว้นคำตอบดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหาย เพราะส่วนตัวยังมีความเคลือบแคลงใจ ทั้งที่การบริหารงานที่ผ่านมามีการแทรกแซง มีการใช้อำนาจที่อวยให้กับอีกฝ่าย หรือเป็นเพราะว่าส่วนตัวจะมีความลำเอียง ตั้งแต่ก่อนฟังการอภิปราย
ส่วนคำถามในบางเรื่องที่ไม่มีคำตอบและดูเหมือนว่าจบแล้ว แต่อาจจะถูกนำไปขยายผลขุดเพิ่มในเวทีนอกสภาอย่างแน่นอน
สำหรับผลการโหวตรัฐบาลชนะแน่นอน แต่ต้องดูเกมการเมืองภายในของพรรคพลังประชารัฐจะมีความเคลื่อนไหวเพื่อบีบคั้นให้มีการสับเปลี่ยนเก้าอี้หรือไม่ เพราะรอบที่แล้วการปรับ ครม.ไม่ได้เกิดจากการอภิปราย
แต่เป็นปัญหาทางการเมืองภายในพรรค ขณะที่การปรับ ครม.คงไม่ปรับทันที เพราะอาจจะต้องรอดูผลการเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วน ส.ส.จากบางพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ออกมาแสดงความเห็นพูดเป็นพระเอกว่าจะไม่โหวตด้วยหลักการเหตุผลบางประการก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ควรรอดูผลที่ปลายทาง ซึ่งก็มีความชัดเจนในระดับหนึ่งจากผลโหวต และหลังจากนี้ต้องดูความเคลื่อนไหวของการเมืองนอกสภาอาจจะนำบางเรื่องจากการอภิปรายในสภาไปสร้างสีสันเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่การเคลื่อนไหวจะเน้นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก

โอฬาร ถิ่นบางเตียว
นักวิชาการภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ภาพรวมพรรคฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้ดีกว่าครั้งที่ผ่านมา เข้าใจว่าคงมีการถอดบทเรียนจากการอภิปรายครั้งก่อนว่าจุดอ่อนอย่างไรในแง่ของข้อมูล เอกสารหลักฐาน
แต่ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลเอกสาร ที่นำมาใช้ถูกตั้งคำถามว่าเป็นเฟคนิวส์หรือไม่ เชื่อว่าจะต้องมีการพิสูจน์หลังจากนี้เป็นต้นไป
แม้ว่าฝ่ายค้านจะแพ้โหวตสภา แต่สามารถนำข้อมูลที่ปรากฏไปร้อง ป.ป.ช. หรือหน่วยงานทำหน้าที่ตรวจสอบได้
หากมั่นใจว่าข้อมูลเอกสารที่นำมาใช้เป็นของจริง ในที่สุดก็อาจจะนำไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ สำหรับชุดข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาใช้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลทราบดี เพราะการอภิปรายครั้งนี้หลายเรื่องมีการต่อขยายจากการอภิปรายครั้งก่อน เช่น เหมืองทอง กองทัพใช้ ไอโอ การใช้งบในกองทัพ การโยกย้ายตำรวจอย่างมีนัยยะสำคัญ การใช้อำนาจบางอย่างเข้าไปแทรกแซง ปัญหาปากท้อง
สำหรับซีกรัฐบาลมีปัญหาในการสื่อสารกับประชาชนค่อนข้างมาก มีข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเนื่องจากตอบไม่ตรงประเด็น ตอบไม่ตรงคำถาม ภายใต้ความเชื่อมั่นว่าจะชนะเสียงโหวตข้างมาก
โดยเฉพาะการโหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้คะแนนอันดับ 1 หลังโดนฝ่ายค้านอภิปรายแบบเร่าร้อนพอสมควร ทำให้มีข้อสังเกตว่ารัฐสภาไทยควรขบคิด เพราะสภาคือเวทีอภิปรายที่ถกแถลงด้วยข้อมูลและเหตุผล
แต่ขณะนี้ไม่มั่นใจว่าการอภิปรายจะมีการใช้วาทศิลป์ในการโน้มน้าวจากข้อมูลที่เกินความเป็นจริง บวกกับวิธีการประท้วงของ 3 ประสานทั้ง สิระ เจนจาคะ ไพบูลย์ นิติตะวัน ปารีณา ไกรคุปต์ ได้ทำลายบรรยากาศของสภา ทั้งที่การเมืองไทยน่าจะก้าวข้ามพ้น
ดังนั้น สังคมควรกดดันและเรียกร้องให้ผู้อภิปรายต้องมีมารยาทในการสื่อสาร ให้เกียรติสภา ผู้ประท้วงควรทำตามหลักการ ไม่ควรทำเพื่อทำลายสมาธิของผู้อภิปรายและผู้ตอบคำถามก็ควรตอบให้ตรงประเด็น อย่าใช้เกมในสภาโดยไม่คำนึงหลักเกณฑ์ของระบบรัฐสภา
สำหรับประเด็นที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อภิปรายด้านเศรษฐกิจ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้การพูดแบบก้าวร้าว ปลุกระดม แต่พูดด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ข้อมูลชัดเจน แต่ไม่มีคำตอบที่ชัดถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล
ดังนั้น ฝ่ายค้านควรนำไปขยี้ต่อ แม้ว่าจะล้มรัฐบาลไม่ได้ แต่ต้องทำต่อเพื่อให้ประชาชนเห็นข้อบกพร่อง รับรู้และเข้าใจ ที่สำคัญรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ เนื่องจากติดกระดุมเม็ดแรกผิดในกระบวนการเริ่มต้นแก้ปัญหา
หากมองว่ารัฐมนตรีคนไหนตอบคำถามได้ดี ขอเรียนว่าให้น้ำหนักที่นายอนุทิน หลายคนบอกนายอนุทินตอบไม่ตรงคำถาม แต่ต้องมองในลักษณะการตอบที่มีการควบคุมอารมณ์หลังโดนแรงกระแทกอย่างหนักจากผู้อภิปราย
แต่ไม่มีอาการมือสั่นเหมือนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ภายใต้การตอบที่เหมือนกัน นายอนุทินตอบคำถามโดยไม่ผลักภาระให้บุคคลอื่น สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำ แม้ว่าตอบแล้วไม่ตรงใจประชาชน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีลูกเล่นแพรวพราวมากขึ้น แต่หลังจากโดนกดดันหนักก็จะรองรับอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ส่วนตัวแทนสำหรับผู้อภิปรายฝ่ายค้าน ให้คะแนน ส.ส.เชียงใหม่ บุตรชายของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดถึงปัญหาเศรษฐกิจได้น่าสนใจ ส.ส.รุ่นใหม่ของเพื่อไทยที่พูดถึงเหมืองทอง ส.ส.ก้าวไกลที่อภิปรายงบกองทัพ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลพูดสรุปก่อนปิดอภิปราย ใช้คำพูดที่ร้อยเรียงภาษาได้ดีไม่จำเป็นต้องพูดก้าวร้าว
แต่หลังการโหวตมี 4 ส.ส.ก้าวไกล โหวตให้นายอนุทิน อย่ามอง ส.ส.กลุ่มนี้เป็นงูเห่า แต่ด้วยสามัญสำนึกอาจจะคิดได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรที่ไม่เหมาะสม จากมีปัญหาที่ ส.ส.พรรคเดียวกันอภิปรายนายอนุทิน
หลังการอภิปรายมีการปรับ ครม.แน่นอน เนื่องจากใกล้ครบ 2 ปีการทำงานของรัฐบาล จึงต้องมีการเขย่าทางการเมือง
แต่จะปรับอย่างไรต้องจับตาไปที่พรรคประชาธิปัตย์ กับการปรับรัฐมนตรีศึกษาธิการที่ได้คะแนนโหวตน้อยที่สุด เหตุผลมาจากนายจุรินทร์ตอบคำถามไม่ได้ทั้งหมด ตอบโดยผลักภาระให้ข้าราชการ แม้ผลโหวตยังอยู่ลำดับต้นๆ นายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ตอบปัญหาไม่เคลียร์ในเรื่องที่สังคมจับตามองอุตสาหกรรมจะนะ แต่ผลคะแนนยังน่าพอใจ แสดงว่าได้รับความร่วมมือจาก ส.ส.พลังประชารัฐและภูมิใจไทย อาจมองว่ารัฐบาลยังมีเอกภาพ
แต่ลึกๆ ยังมีเงื่อนไขต่อรองที่เข้มข้นเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ขั้วหนึ่งพยายามที่จะกดดันให้นายจุรินทร์ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล สังเกตจากนายเทพไท เสนพงศ์ ออกมาแสดงความเห็น บวกกับปัญหาการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครศรีธรรมราช
นอกจากนั้น ยังมี ส.ส.ภาคใต้ขอโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้นอาจมองว่าพลังประชารัฐโหวตช่วยประชาธิปัตย์แล้ว
ดังนั้น ในพรรคประชาธิปัตย์ควรควบคุมให้ดีอย่าให้ใครออกวิจารณ์รัฐบาลอีก และอาจยอมสละพื้นที่เลือกตั้งซ่อมให้พลังประชารัฐ ส่วนตำแหน่งที่ควรจะเสียสละให้ ส.ส.ภาคใต้คือรัฐมนตรีศึกษา เนื่องจากนาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้คะแนนโหวตน้อยที่สุด
นายณัฏฐพลเป็น ส.ส.สาย กปปส.ซึ่งเป็นภาพลบของรัฐบาล นายณัฏฐพลเป็นโจทย์ที่กลุ่มนักเรียนเลว คนหนุ่มสาวต้องการไล่ออกจากตำแหน่ง ดังนั้น การปรับนายณัฏฐพลออกจะทำให้นายกรัฐมนตรียิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทำให้เห็นว่าลุงตู่ปรับเพื่อคนรุ่นใหม่แล้วเหมือนรับฟังเสียงจากกลุ่มเยาวชน เป็นการลดอิทธิพลกลุ่ม กปปส.ที่ไม่มีบารมีในพรรค
พลังประชารัฐ
จึงไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.ภาคใต้ได้โควต้า ทำให้ทุกอย่างลงตัวในความสัมพันธ์และผลประโยชน์ทางการเมือง ตามหลักการของรัฐบาลที่อ่อนนอกแต่แข็งใน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image