บทนำวันจันทร์ที่24พฤษภาคม2564 : ทศวรรษที่สูญเปล่า

หลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น ในวาระครบ 7 ปี รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ที่ผ่านมา รวมถึง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า 7 ปี รัฐประหาร ประเทศไทยไม่ไปไหนเลย เกือบจะกลายเป็น 1 ทศวรรษที่สูญเปล่าของสังคมไทย หลายเรื่อง เช่น การศึกษา สุขภาพ หรือเศรษฐกิจปากท้อง ไม่ได้รับการพัฒนา งบประมาณใช้ไปกับกองทัพ และความมั่นคงทางการทหาร เด็กที่เติบโตในช่วงดังกล่าวรู้สึกสิ้นหวัง แม้ก่อนหน้านั้นมีรัฐประหาร 2549 แต่หากให้เวลา สังคมไทยจะหาทางแก้ปัญหาเองได้ เมื่อรัฐประหารอีกครั้ง สังคมไทยจึงไม่ไปไหน สะท้อนออกมาเป็นกรณีเกิดกลุ่มย้ายประเทศ ถ้าเราไม่อยากอยู่กับผลลัพธ์ของการรัฐประหาร ต้องออกจากโครงสร้างทางการเมืองที่เกิดจากรัฐประหาร

ขณะที่รัฐบาลเองยืนยันถึงความสำเร็จในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะในทางเศรษฐกิจ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายและบริการด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางรางและทางอากาศ โดยมีรายละเอียดตัวเลขเส้นทางต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเห็นว่ามีผลต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รัฐบาลยังยืนยันถึงการพัฒนา SMEs ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เติบโต สร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตร เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนด้วยโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ใช้ระบบสื่อสารสมัยใหม่พัฒนาระบบธุรกรรมการเงิน ระบบภาษี เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน พลิกโฉมประเทศไทยด้วยหลักการ Thai First คือ “ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน” เพื่อให้เกิดการสร้างงานและกระจายรายได้ ให้คนไทยทั้งประเทศได้รับประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม

เวลา 7 ปีที่ผ่านมา จะไม่ใช่ทศวรรษที่สูญเปล่า หากมีการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เกิดขึ้นจริงอย่างต่อเนื่องและรอบด้าน มีผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างแท้จริง การจัดการให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเป็นหน้าที่ของรัฐ ไม่เฉพาะจากเศรษฐกิจที่เป็นธรรม เสมอภาค ไม่เหลื่อมล้ำ เท่านั้น แต่ยังต้องการระบบการเมืองที่เสมอภาค เป็นธรรม ไม่เหลื่อมล้ำไปพร้อมกันด้วย ซึ่งภาคประชาชนได้สะท้อนปัญหามาตลอด การรัฐประหารทำให้รัฐบาลหลังจากนั้นสอบผ่านในโจทย์สำคัญเหล่านี้หรือไม่ จะต้องฟังเสียงตัดสินจากประชาชนด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image