เสียงสะท้อนถึง รบ. แก้วิกฤตโควิด-ฟื้น ศก.

เสียงสะท้อนถึง รบ. แก้วิกฤตโควิด-ฟื้น ศก.

หมายเหตุความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาอุตสาหกรรม หอการค้าไทย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มโรงแรม กรณีการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล

เกรียงไกร เธียรนุกุล
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

การที่รัฐบาลประกาศมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงบางจุด อาทิ แคมป์คนงาน ร้านอาหาร และจำกัดกิจกรรมที่เป็นการรวมตัว

Advertisement

มาตรการที่ออกมาครั้งนี้น่าเห็นใจร้านอาหารทั้งหลาย เพราะเป็นกลุ่มเอสเอ็มอีที่สะบักสะบอมจากโควิดในไทยตั้งแต่รอบ 1 รอบ 2 และรอบ 3 นี้ที่รุนแรงกว่า และใช้เวลานานกว่า

สำหรับมาตรการเยียวยาจากภาครัฐที่ใช้เงิน 7,500 ล้านบาท เป็นการเยียวยาลูกจ้างที่ต้องหยุดงาน โดยจ่ายแค่ 50% ของเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท หรือได้รับการชดเชยไม่เกิน 7,500 บาท และมีมาตรการเพิ่มจ่ายให้แรงงานอีก 2,000 บาท และช่วยนายจ้างอีกหัวละ3,000 บาท แต่สัดส่วนแรงงานไม่เกิน 200 คน ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่เพียงพอ ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ดีกว่าไม่ให้เลย

มีคำถามว่ากรณีปิดแคมป์แรงงานที่แจ้งล่วงหน้า คนงานรู้ตัว ย้ายกลับต่างจังหวัดจำนวนมาก ประเด็นนี้จะทำให้เชื้อระบาดไปทั่วประเทศได้

Advertisement

ขณะที่รัฐบาลมองว่าจะเป็นการระบายความแออัดของผู้ป่วยและเตียงในกรุงเทพฯที่ไม่เพียงพอ จึงมีคำถามว่าแล้วอนาคตทั้งประเทศจะรับมือไหวหรือไม่

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ประชาชนลำบากขึ้นในการใช้จ่าย ซื้ออาหาร ขณะที่แคมป์คนงานเวลานี้บริษัทผู้รับเหมาต่างๆ ก็ออกมาร้องเรียนถึงผลกระทบ เพราะไม่มีการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อน ทำให้งานที่กำลังก่อสร้างหยุดชะงักนานนับเดือน ซึ่งผู้รับเหมารายใหญ่กับงานราชการมีคำถามว่าขยับขยายเวลาหรือไม่

เพราะงานดีเลย์ออกไป และมีคำถามความห่วงใยต่อโครงการที่หยุดกลางทางจะเป็นอันตรายกับประชาชน ประเด็นนี้จะเรียกร้องกับใคร

เหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง มีมาตรการดูแล เยียวยา ชัดเจน ให้กับผู้ประกอบการ กับการกึ่งล็อกดาวน์ครั้งนี้

สำหรับแผนการเปิดประเทศของรัฐบาลภายใน 120 วัน หรือภายในกลางเดือนตุลาคม จากเดิมแผนการฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส รวม 50 ล้านคน กำหนดภายในสิ้นปีนี้จะต้องได้ ปริมาณการฉีดต้องได้ 4.8 แสนโดสต่อวัน

แต่ปัจจุบันการฉีดทำได้ต่ำกว่าเป้ามาก นอกจากนี้ ตามเงื่อนไขเดิมเปิดประเทศคือฉีดคนละ 2 โดส แต่มาตรฐานใหม่ของรัฐบาลระบุว่าจะฉีด 1 เข็ม 50 ล้านคนภายใต้ความเสี่ยง ซึ่งมาตรฐานนี้อาจไม่ได้ตามมาตรฐานโลกที่ฉีด 2 โดสต่อคน ดังนั้นรัฐบาลต้องมีมาตรการควบคู่เพื่อลดความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ในมุมของเอกชน 120 วันสนับสนุนอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องดี เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเร็วมากขึ้น แต่ก็มีคำถามว่าจะมีมาตรการอะไรคุมเข้มเพื่อลดความเสี่ยง ดูตัวอย่างอังกฤษที่เปิดประเทศ จัดคอนเสิร์ต ประชาชนฉีด 2 เข็ม แต่ล่าสุดคนติดเชื้ออีก

จึงต้องกลับมาดูว่าไทยจะรับมือได้หรือไม่หากจะฉีดแค่ 1 เข็ม ขณะที่ต่างประเทศฉีด 2 เข็มแล้วเปิดประเทศแต่ยังเอาไม่อยู่

วันนี้สิ่งสำคัญคือ ต้องรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะเดลต้าของอินเดีย เพราะการฉีดวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้าของไทย อาจรับมือไม่ได้ คล้ายเสื้อเกราะอ่อน วันนี้เชื้อใหม่คล้ายกระสุนทะลุเสื้อเกราะของไทยได้

อยากเสนอให้เร่งนำซิโนฟาร์มและโมเดอร์นาเข้ามาเร็วขึ้น รวมทั้งอยากให้รัฐบาลเร่งนำเข้าวัคซีน มาฉีดภายใน 120 วันที่เตรียมตัวเปิดประเทศ วัคซีน 155 ล้านโดส สามารถฉีดวัคซีนได้สูง 7-8 แสนโดสต่อวัน เร่งระดมฉีด 2 เข็ม เหมือนเสื้อเกราะ 2 ชั้น จะช่วยปกป้องประชาชนได้ สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และจะกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ประเทศให้กลับมาได้แน่นอน

วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา
รองประธานกรรมการหอการค้าไทย

ก่อนรัฐบาลประกาศกึ่งล็อกดาวน์ได้รับข้อมูลมาจากหลายฝ่าย สาเหตุหลักมาจากจำนวนเตียงในโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอการจัดการไซต์งานก่อสร้างคงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว

แต่เรื่องสำคัญคือเมื่อสั่งปิด หรือหยุดการทำงาน ต้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาแบบทันที ให้ประชาชนได้มีเงินใช้ชีวิตต่อไปได้

ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือ 7,500 ล้านบาทมาแล้ว ช่วยแรงงานในระบบประกันสังคม และนอกประกันสังคม ในจำนวนเงินที่อยู่รอดได้สำหรับตัวแรงงานคนเดียว แต่คงใช้ไม่พอในระดับครัวเรือน

แต่ว่าในส่วนของผู้ประกอบการอาจจะเหนื่อยมากกว่า เพราะเจอการล็อกดาวน์หลายรอบมาแล้ว ปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการตอนนี้คือเรื่องของการขาดสภาพคล่อง เนื่องจากแทบจะไม่มีรายได้เข้ามาปีกว่าแล้ว

เรื่องที่ผู้คนสนใจกันเยอะ คือ การสั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน คาดหวังไว้ว่าคงจะมีการพิจารณาจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เป็นระยะๆ ว่าจังหวะไหนที่เริ่มจะกลับมาเปิดนั่งทานที่ร้านได้

เชื่อว่าทาง ศบค.จะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการห้ามนั่งทานที่ร้านได้เร็วๆ นี้

ทั้งนี้ ยังมีความมั่นใจในเรื่องการฉีดวัคซีนของรัฐบาล โดยเดือนมิถุนายนนี้ ยอดสะสมการฉีดก็จะครบ 10 ล้านโดส แม้ว่าวัคซีนจะได้มาอย่างล่าช้าบ้าง

แต่ก็หวังว่าในเดือนต่อๆ ไป ถ้ารัฐบาลจัดหาวัคซีนได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านโดส จะเป็นคำตอบที่แท้จริงที่สามารถทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มมีความหวังกลับมาอีกรอบหนึ่ง

สิ่งที่คาดหวังไว้เพิ่มเติมคือการจัดหาวัคซีนทางเลือก ที่มาแล้วตอนนี้คือวัคซีนของบริษัทซิโนฟาร์ม แต่ถ้าในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนมีวัคซีนมาเสริมช่วยได้เร็วขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ 1-2 เดือน อย่างวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา ที่มีกำหนดมาในเดือนตุลาคม ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจได้อย่างมหาศาล

พรระวี สีเหลืองสวัสดิ์
ประธานสมาพันธ์ผู้ประกอบการ เอส.เอ็ม.อี. ประจวบคีรีขันธ์

ความผิดพลาดในการตัดสินใจสั่งปิดแคมป์คนงานใน กทม. แต่ปล่อยให้คนงานเดินทางกลับบ้านล่วงหน้าไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ น่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว

ดังนั้นภาครัฐต้องวางแผนให้ชัดเจน มีการบูรณาการทำงานร่วมกันทั้ง เทศบาล อบต.หน่วยงานในระดับอำเภอหรือจังหวัด เพื่อติดตามประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงที่เดินทางเข้าชุมชน หรือหมู่บ้าน

จากนั้นต้องวางมาตรการเข้มเพื่อกักตัวกลุ่มเสี่ยง 14 วัน เพื่อควบคุมโรคในแต่ละพื้นที่ให้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

การติดเชื้อโควิดกว่า 70% ติดจากบุคคลในครอบครัว ขณะที่การติดเชื้อในครอบครัวที่ด้อยโอกาส หรือมีฐานะยากจนจะเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องเข้าไปดูแลเร่งด่วน

ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขควรประเมินแนวทางการปฏิบัติหรือการจัดทำสื่อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขอให้เป็นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารที่เข้าใจง่ายเหมาะสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ควรให้เจ้าหน้าที่ อสม.ช่วยทำงานเชิงรุกให้เต็มศักยภาพตามจำนวนที่มีอยู่จริงในแต่ละพื้นที่

ขณะที่รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณให้เทศบาล อบต. เร่งทำงานเพื่อตรวจหาเชื้อเชิงรุกให้ได้ผลในทางปฏิบัติ

หากรัฐบาลตัดสินใจจะปิดธุรกิจบริการกลุ่มเสี่ยงประเภทใด ก็ต้องชัดเจนว่าปิดแล้วต้องหาจ่ายเงินชดเชยให้เหมาะสม ควรสำรวจว่าหากร้านอาหารแห่งใดมีใบรับรองมาตรฐานคุณภาพจากกระทรวงสาธารณสุข ควรจ่ายกำหนดวงเงินเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจผลักดันให้ร้านอาหารแห่งอื่นสนใจปรับปรุงคุณภาพ

สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ในตลาดขนาดใหญ่ ภาคอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงจะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ก็ควรได้รับการจัดสรรวัคซีนป้องกันให้เพียงพอ

ขอย้ำว่ารัฐบาลจะต้องมีวิธีคิดและประเมินล่วงหน้าจากทีมนักวิชาการมืออาชีพ โดยเฉพาะด้านระบาดวิทยาเพื่อควบคุมโรคติดต่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ต้องทำงานเชิงรุกมากกว่าการตั้งรับ ต้องกล้าบอกความจริงกับประชาชนเพื่อลดความหวั่นวิตกจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

วันนี้ขอให้กำลังใจรัฐบาล แต่ต้องจัดหาวัคซีนมาฉีดให้เพียงพอ รัฐบาลต้องทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

ขณะที่ภาคเอกชนยังต้องการสนับสนุนภาครัฐเพื่อจัดหาวัคซีน โดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ประสบปัญหาอย่างหนัก ทั้งที่ทำรายได้หลักให้ประเทศมาอย่างยาวนาน

เพราะฉะนั้นหากภาคการท่องเที่ยวต้องการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานในภาคธุรกิจบริการให้มากที่สุด รัฐก็ควรเร่งดำเนินการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามามีความเชื่อมั่น ก็ต้องดูว่าในพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องที่จะเปิดเมืองจะมีโอกาสสร้างรายได้จริงหรือไม่ ส่วนเป้าหมาย 120 วันจะเปิดประเทศ ก็ต้องขอให้รัฐบาลฉีดวัคซีนต่อวันให้ได้ตามที่วางแผนไว้ ขอให้กำลังใจทำให้สำเร็จเพื่อทุกคนจะรอดไปด้วยกัน

อุดม ศรีมหาโชตะ
อุปนายกสมาคมโรมแรมไทย

หลังจากประกาศปิดร้านอาหารแบบฉุกเฉินสร้างความเสียหายในธุรกิจ ปิดแคมป์คนงานใน กทม.ทำให้เหมือนผึ้งแตกรัง ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะรัฐควรวางแผนได้ดีกว่านี้ด้วยการจัดการภายในของแต่ละแคมป์ หากมีผู้ป่วยก็กระจายไปรักษาในสถานที่ที่กำหนด แต่เมื่อสั่งแล้วมีการปฏิบัติจึงถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่รัดกุม ไม่คำนึงถึงผลกระทบกับประชาชนในต่างจังหวัด

ส่วนตัวต้องบอกตามตรงว่ารัฐบาลสอบตกในเรื่องนี้

สำหรับการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา น่าแปลกใจว่าไม่มีสำนักโพลแห่งใดออกไปสำรวจความเห็นจากประชาชนเพื่อสะท้อนไปถึงรัฐบาล แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่จะให้คะแนนติดลบ จากการบริหารงานที่ผิดพลาดหลายครั้ง

การจัดหาวัคซีนไม่เป็นตามแผนงานที่กำหนด โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน พลาดเป้าหมายไปมาก เมืองท่องเที่ยวหลายจังหวัดก็ไม่ได้รับวัคซีนตามตัวเลขที่ประเมินไว้ และเชื่อว่าการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าหมายช่วงกลางเดือนตุลาคม 2564 คงยากมาก

ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่ได้เสนอแผนงานให้เห็นชัดเจนว่ามีวิธีการไปถึงปลายทางตามโรดแมป 120 วันได้อย่างไร

ที่ผ่านมาตัวแทนภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมได้ได้สะท้อนปัญหาขอให้รัฐช่วยเหลือด้านงบประมาณเพื่อแบ่งจ่ายค่าแรงพนักงาน หรือโคเพย์เมนต์ แต่ยังไม่มีผล การช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ผ่านการอนุมัติ

เพราะฉะนั้นหากรอถึงกำหนดเป้าหมายเปิดประเทศ 120 วัน หากเปิดได้จริง แต่เมื่อถึงวันนั้น ถ้าผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศที่เหมือนคนป่วยนอนในห้องไอซียูมานานนับปี ต้องล้มหายตายจากไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร

หากไม่ต้องการเห็นภาพธุรกิจหลายภาคส่วนล่มสลาย ต้องดูว่าแผนการจัดการ หรือการกระจายวัคซีนหลังจากนี้จะสร้างความเชื่อมั่นได้จริงหรือไม่ ทั้งที่การเปิดโอกาสให้นำเข้าวัคซีนทางเลือกควรทำให้รวดเร็วและมีมากกว่านี้

แต่ยังหวังว่ารัฐบาลคงไม่ทำงานผิดพลาดเหมือนช่วงที่ผ่านมา หากการบริหารในไตรมาส 3 ยังไม่ประสบผลตามเป้าหมายอีก

ผู้ประกอบการในธุรกิจบริการจะต้องปิดกิจการเพิ่ม คนตกงานมีมากขึ้น เรื่องนี้จึงน่าจะเป็นโจทย์ใหญ่พอสมควรที่รัฐบาลต้องเร่งทำงานให้ภาคธุรกิจและประชาชน รู้สึกได้ว่าจะมีโอกาสพ้นจากสภาวะความสิ้นหวังจากสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อยาวนาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image