สถานีคิดเลขที่12 : จาก ถุงดำ สู่ หลุมดำ

ผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 1 นายกรัฐมนตรี 5 รัฐมนตรี “ผ่าน” ไปตามคาดหมาย

และคงเป็นไปตามคาดหมาย อีกเช่นกันว่า โหวตแล้ว “ไม่จบ”

โดยเฉพาะคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกมารองบ๊วย

มิได้เป็น “ไข่ในหิน” ที่ทุกคนต้องช่วยกันปกป้อง

Advertisement

ซึ่งต้องจับตาว่า จะเป็นแนวโน้มที่สะเทือนเข้าไปถึง ฐานรากของ 3 ป. และ “ระบอบประยุทธ์” หรือไม่

เดิม ตอนแรกคาดว่าศึกซักฟอกครั้งนี้ จะอยู่แค่การต่อรองเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี

เมื่อสมประโยชน์กันแล้ว เรื่องก็คงจบ

Advertisement

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าเหนือความคาดหมาย

ด้วยเห็น “สัญญาณ” อย่างที่บอกตอนต้น นั่นคือความร้าวลึกมันลงไปสู่ฐานรากแห่งอำนาจ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนตลอด 7 ปี ของ “ระบอบประยุทธ์”

“3 ป.” ไม่เคยตกเป็นเป้าเขย่า จนสั่นสะเทือนเช่นนี้มาก่อน

ใครจะคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พยายามรวบอำนาจเอาไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ จะเจอการท้าทายหนักถึงขนาดจะเปลี่ยนตัวผู้นำเช่นนี้

ใครจะคิด ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งอยู่ในเซฟโซนมาตลอด ถูกดึงออกมายืนกลางสมรภูมิแห่งการช่วงชิงอำนาจ

ใครจะคิดว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ว่ากันว่ามากบารมีในทางการเมือง จะกลายเป็นหนังหน้าไฟ ที่ร้อนระอุ ระหว่างกองไฟของน้องพี่บูรพาพยัคฆ์ กับกองไฟของเหล่านักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ

สิ่งที่เกิดขึ้น “ก่อน-ระหว่าง-หลัง” ศึกซักฟอก ครั้งนี้ “3 ป.” มิได้ดำรงความเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องอีกแล้ว

ตรงกันข้าม ความมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่เคยเป็นจุดแข็ง ได้กลายเป็นจุดอ่อน

เมื่อถูกตั้งคำถามจาก “นักการเมือง” ว่า 3 ป. เคยยื่นมือ ยื่นผลประโยชน์ มาถึงฝ่ายพวกตนหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ ที่พยายามทำตนลอยเหนือนักการเมือง

ถูกมอง-ถูกวิจารณ์ ว่าเป็นเจ้าขุนมูลนายที่เข้าไม่ถึง

และวันนี้ เจอปฏิกิริยาของคนระดับเลขาธิการพรรคแกนนำรัฐบาล ที่ไม่คุยด้วย จะคุยเฉพาะกับหัวหน้าพรรคที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น

แม้จะอ่อนลงในตอนหลังเมื่อมีการพยายามเคลียร์กัน

แต่มันสะท้อนให้เห็น ถึง “ระยะห่าง” ที่ขยายออกไปเรื่อยๆ ของทั้งสองฝ่าย

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็ถูกมองเป็นอนุมูลอิสระที่ตอบสนองเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ของตน ไม่คำนึงถึง นักการเมือง หรือพรรค ที่เป็นฐานอำนาจให้

ภาระจึงตกหนักที่พี่ใหญ่ คือ พล.อ.ประวิตร ซึ่งวันนี้ ไม่รู้ว่าลึกๆ แล้ว สายสัมพันธ์ในระหว่างพี่น้อง 3 ป. จะช่วยต้านฝ่ายการเมืองได้ขนาดไหน

ด้วยฝ่ายนักการเมือง ก็พยายามชู พล.อ.ประวิตร ขึ้นมาเป็น “ตัวเชิด” ในฝ่ายตน ถึงขนาดพร้อมจะดันให้พี่ใหญ่ ขึ้นนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์

ซึ่งก็เท่ากับดันให้ พล.อ.ประวิตร ชนกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยปริยาย

พล.อ.ประวิตร จึงบริหาร “การเมือง” อย่างอึดอัด เพราะหากอุ้มกระเตงน้องโดยไม่สนใจนักการเมืองก็คงนำในพรรคได้ยากลำบาก

อย่าลืมว่า “ปฏิกิริยา” ที่คนในพรรคพลังประชารัฐ แสดงออกตอนนี้ ชัดเจนว่าไม่ได้หงอ หรือยอมเป็นมือเป็นเท้าให้เหมือนเดิมอีกแล้ว

แน่นอน นี่ย่อมไม่ใช่สัญญาณที่ดี สำหรับ 3 ป. และ “ระบอบประยุทธ์”

ด้วยเพราะ นี่มันไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ “ถุงดำการเมือง” ที่ปฏิบัติการณ์คลุมหัวฝ่ายตรงข้ามการเมืองบางคนบางฝ่ายเท่านั้น

แต่อาจจะบานปลายไปเป็น “หลุมดำ” การเมือง

ที่ดูด ขั้วอำนาจ 3 ป.-ระบอบประยุทธ์ ให้กลืนหายไปตามสัจธรรมการเมือง ที่ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image