อจ.-นักธุรกิจแนะรัฐบาล เร่งฉีดวัคซีน-อัดงบฟื้นศก.

อจ.-นักธุรกิจแนะรัฐบาล เร่งฉีดวัคซีน-อัดงบฟื้นศก.

หมายเหตุความเห็นจากนักธุรกิจและนักวิชาการ กรณีรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 รัฐบาลควรจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อเนื่อง เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว

สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง

Advertisement

สถานการณ์โควิดจะต้องอยู่กับเราอีกนานพอสมควร มีการประเมินว่าปลายปีนี้ปัญหาน่าจะทุเลาจากการระดมฉีดวัคซีน ขณะที่รัฐบาลพยายามจัดหาวัคซีนหลายยี่ห้อมาฉีดให้ครบตามเป้าหมายเพื่อหวังให้ตัวเลขการติดเชื้อลดลง แต่การคลายล็อกเพื่อให้มีรายได้จากการประกอบธุรกิจบางประเภท รัฐและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะต้องมีความเข้มงวดพอสมควรอย่าการ์ดตก เพื่อไม่ให้เป็นปัญหากลับมาซ้ำรอยในจุดเดิม

สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มลดลง หากจะต้องรอให้มั่นใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นจริง ก็ต้องฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 80% ของจำนวนประชากรภายในประเทศ อาจจะต้องรอไปถึงไตรมาสแรกของปี 2565 ดังนั้นต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจในไทยจะต้องเผชิญกับเรื่องการคลายล็อกที่ยังไม่สุด และสิ่งที่เห็นได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะมีเพียง 1% จากการตัดสินใจคลายล็อกในไตรมาสที่ 4

ปีหน้าถ้าปล่อยให้เศรษฐกิจเป็นไปตามยถากรรม การขยายตัวในปี 2565 อาจจะมีเพียง 2-3% ขณะที่ปี 2563 เศรษฐกิจติดลบ ดังนั้นการฟื้นตัวให้ได้เหมือนปี 2562 ก็จะต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปี เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่รัฐบาลจะต้องผ่อนคลายหลักเกณฑ์วินัยทางการเงิน การคลัง เมื่อถึงเพดานเงินกู้60% ของหนี้สาธารณะจากจีดีพี ก็จะต้องขยายเพดานกู้เพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนเพิ่มให้เพียงพออีก 200-300 ล้านโดส สำหรับฉีดเข็ม 4 ให้กลุ่มเป้าหมาย 55 ล้านคน หากมีปัญหาเชื้อกลายพันธุ์

Advertisement

ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้าเมื่อยังขยายตัวช้า ประชาชนมีความยากลำบาก ดังนั้นจึงต้องมีการใช้งบจากการขยายมาตรการเยียวยา และที่ผ่านมางบที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้านจากวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเดิม มีการนำงบไปบรรเทาความเดือดร้อนอีกแสนกว่าล้านบาท และบางส่วนนำไปใช้ในระบบสาธารณสุข

แต่ถึงที่สุดรัฐบาลจะต้องมีเงินเพียงพอ เพื่อซื้อวัคซีน จะต้องใช้เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณเงินกู้อีก 1 ล้านล้านบาท มาจากการขยายเพดานเงินกู้ ขณะที่บางประเทศขยายวงเงินกู้ไปถึง 100% และเมื่อมีการกู้เพิ่มแล้วรัฐบาลควรวางเป้าหมายให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตที่ 5-6% เป็นอย่างน้อย ทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ขอย้ำว่าต้องเพิ่มวงเงินกู้เพื่อนำมากระตุ้นให้ฟื้นตัวโดยเร็ว ทดแทนการให้เงินเยียวยาประชาชนอยู่ตลอดเวลา งบส่วนนี้มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ หากรัฐบาลไม่พยายามกระตุ้นก็จะเจอปัญหาเศรษฐกิจขยายตัวช้า

ขณะนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวช้าที่สุดในอาเซียน ประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ขยายตัวไปแล้วเฉลี่ย 4-5% แต่ในไทยอยู่ที่ 1% ปีที่แล้วก็เติบโตต่ำสุด รัฐบาลจึงควรตัดสินใจปรับวินัยทางการเงินการคลัง เพื่อเพิ่มทรัพยากรทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวเร็ว ไม่ให้ประชาชนที่เดือดจะต้องขอเงินจากรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา และรัฐจะต้องพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เตรียมพร้อมกับการแข่งขัน ทั้งการใช้เทคโนโลยี ความพร้อมจากโครงสร้างพื้นฐาน ไม่เช่นนั้นเมื่อประเทศฟื้นตัวจากโควิดแล้ว แต่เศรษฐกิจในภาพรวมจะอ่อนแอไปอีกระยะ

อภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร
และนายกสมาคมประมงนอกน่านน้ำไทย

สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครมีแนวคิดอยากจะเสนอกับภาครัฐฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสาครภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เรื่องแรกคือ การนำเข้าแรงงานอย่างน้อย 50,000 คน เพื่อนำมาให้กับภาคอุตสาหกรรมยังขาดแคลนอยู่ 2.การสนับสนุนค่าใช้จ่ายการทำ FAI ให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมโดยเฉพาะโรงงานขนาดเอสเอ็มอี เช่น การสนับสนุนจำนวนค่าจัดทำ FAI ต่อ 1 เตียงประมาณ 20,000 บาท ตามจำนวนที่ภาคอุตสาหกรรมได้ลงทะเบียนไว้กับทางจังหวัดสมุทรสาครและตามการใช้งานจริง 3.จังหวัดควรจะเพิ่มโรงพยาบาลสนามหรือจำนวนเตียงเพื่อรองรับกับการระบาดอาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะปัจจุบันจังหวัดมอบหมายให้เอกชนหรือประชาชนดูแลรับผิดชอบตนเองเป็นส่วนมาก ครั้งนี้นับว่ายังโชคดีที่เอกชนและประชาชนยังพอมีกำลังดูแลตนเองได้ แต่ในอนาคตเราไม่สามารถจะรู้หรือคาดการณ์ได้ว่าความรุนแรงของเชื้อจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด จึงต้องการให้ทางจังหวัดมีแผนรองรับ เตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ปัจจุบันเพื่ออนาคต ดูแลผู้ติดเชื้อทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคท้องถิ่น แทนการให้ภาคอุตสาหกรรมดูแลตนเองอย่างเช่นในปัจจุบันนี้ เพราะโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งมีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ จึงไม่เหมาะสมต่อการทำ FAI เพื่อการดูแลคนงานของตนเอง จึงต้องการให้ทางจังหวัดเพิ่มโรงพยาบาลสนามให้เพียงพอต่อจำนวนประชากรที่มีอยู่จริงในจังหวัดสมุทรสาคร โดยครอบคลุมทั้งผู้ที่มีชื่ออยู่จริงตามทะเบียนบ้าน ผู้มาทำงานในจังหวัดสมุทรสาคร และผู้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่

ส่วนข้อสุดท้ายคือ จังหวัดสมุทรสาครมีศักยภาพทำประมงนอกน่านน้ำไทย หรือการออกไปทำประมงต่างประเทศ จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลตรงนี้ด้วย เพราะการทำประมงนอกน่านน้ำถือเป็นการผลักดันเศรษฐกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของสมุทรสาครและของประเทศไทย ที่ผ่านมานั้นเราเคยมีเรือประมงกว่า 100 ลำ ออกไปทำการประมงต่างประเทศ สร้างรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนจำนวนมาก ต่อเนื่องไปถึงภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเรือทำประมงที่ต่างประเทศลดน้อยลงจนแทบไม่เหลือแล้วจึงอยากให้ภาครัฐฟื้นฟูการทำประมงต่างประเทศ เพื่อนำเรือออกไปจับสัตว์น้ำแล้วนำวัตถุดิบป้อนกลับมาให้อุตสาหกรรมภายในประเทศไทย

นอกจากนี้เนื่องจากสมุทรสาครมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดจึงอยากให้ส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ภายใต้ระบบและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เหมาะต่อการทำเกษตรกรรม ใช้จำนวนพื้นที่เท่าเดิม แต่ได้ประสิทธิภาพการทำเกษตรกรรมเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าและผลผลิตให้แก่เกษตรกรได้นั่นเอง

แนวทางทั้งหมดนี้เชื่อได้ว่าหากรัฐบาลหรือภาครัฐของไทยให้ความสำคัญ ก็จะสามารถช่วยกันพลิกฟื้นคืนเศรษฐกิจทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศให้กลับคืนมาได้อย่างแน่นอน

วีระยุทธ สุขวัฑฒโก
ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ

จริงๆ แล้วเราคาดการณ์กันไว้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะเปิดเมืองในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เรียกว่า ชาร์มมิ่ง เชียงใหม่ (Charming Chiang Mai) ในพื้นที่ 3-4 อำเภอ คือ เมือง แม่ริม ดอยเต่า และสันกำแพง หรือพื้นที่สนามกอล์ฟ สิ่งที่ต้องทำคือ จังหวัดเชียงใหม่ต้องตรวจสอบความจริงก่อนว่าทั้ง 3-4 อำเภอดังกล่าว ประชาชนในพื้นที่ฉีดวัคซีนครบจริงหรือยังว่าได้ 70% ตามที่ต้องการแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามา ทั้ง 3-4 อำเภอ จะเริ่มต้นได้จริง เพื่อนำร่องไปยังพื้นที่อื่นๆ ไล่ไปตามอำเภอต่างๆ ในกลางเดือนตุลาคม

สิ่งที่ทราบคือ รัฐบาลจะดำเนินการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในหลายจังหวัดพร้อมกัน เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ และ 15 ตุลาคม รวมทั้งเดือนมกราคมปีหน้า ดังนั้นวัคซีนต้องจัดเต็ม หากจะรอให้วัคซีนมาในไตรมาสที่ 4 จะไม่ทันการณ์ หากประเทศไทยยืนยันให้ได้ว่าเราฉีดวัคซีนได้ครบหรือเกิน 70% เชื่อว่านักท่องเที่ยวมาแน่ แล้วเราจะเริ่มสตาร์ตได้ จะทำอะไรก็ง่าย

ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินด้วย เพราะเม็ดเงินที่จะใช้จ่าย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือ อปท. ดำเนินการ ขณะนี้ก็สามารถจัดซื้อได้เองแล้ว ไม่ว่าจะเงินรัฐบาล หรือ อปท. ก็มาจากที่เดียวกัน กระเป๋าเดียวกัน ให้ อปท.ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนฟรีไปเลย จัดสรรให้ได้ 70% ไม่ต้องไปรอลุ้นจากรัฐบาล แต่ทำให้ง่าย ให้เร็ว ทราบว่าตอนนี้มีบางพื้นที่ เช่น เทศบาลช้างเผือก จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มมาฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ฟรีแล้ว ถือว่าดีมาก

การเปิดเมืองแม้จะเพียงแค่ 3-4 อำเภอ เป็นเรื่องดีที่ได้เริ่มต้น เมื่อมีนักท่องเที่ยวมาสายการบินเปิดให้บริการแล้ว กิจกรรมต่างๆ ก็จะตามมาเอง กิจการร้านค้าก็จะเริ่มเปิดกันใหม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะเริ่มต้นขึ้นตามไปด้วยจากการใช้จ่ายต่างๆ ตอนนี้ผ่านไปทางไหนก็ปิดกันหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าย่านไนท์บาซาร์ แหล่งท่องเที่ยว ย่านธุรกิจปิดเงียบกันหมด แต่หากเปิด Charming Chiang Mai ก็จะเกิดการหมุนเวียน มีการนำเงินมาต่อชีวิต หาทางออกกันได้ เชื่อว่าจะดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image