‘ภาคเอกชน’สะท้อน ‘ปัญหา-อุปสรรค’เปิด ปท.

ภาคเอกชน’สะท้อน ‘ปัญหา-อุปสรรค’เปิด ปท. หมายเหตุ - ความเห็นของ

หมายเหตุความเห็นของผู้ประกอบการและภาคเอกชนภายหลังรัฐบาลไฟเขียวเปิดประเทศ 1 พ.ย. รับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวภายใต้เงื่อนไข คลายล็อกมาตรการต่างๆ รวมถึงประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

ประภัสสร รังสิโรจน์
นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด

หลังจากรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ และคลายล็อกมาตรการต่างๆ รวมถึงประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีจากการสำรวจพบในส่วนของร้านอาหารเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลที่ได้มีการเพิ่มวงเงินอีก 1,500 บาท ไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสามารถเข้ามาช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับร้านอาหารที่เงียบเหงาไปในช่วงก่อนหน้านี้ให้กับมาคึกคักได้อีกครั้ง

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะมีการกำหนดระยะเวลาให้ร้านอาหารที่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ หรือร้านที่มีมาตรฐานในการควบคุมโรค หรือ SHA จำหน่ายได้ถึงเวลา 21.00 น.เท่านั้น มองว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ควรดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปดีที่สุด หรืออาจจะมีการพิจารณาทุก 15 วัน หากในช่วงดังกล่าวสามารถควบคุมได้ดี ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อาจจะมีการขยายให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงเวลา 23.00 น.ต่อไป

ส่วนมาตรการในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น ในส่วนของร้านอาหารและที่พัก ขณะนี้หลายสถานประกอบการมีความพร้อม และมีการประชาสัมพันธ์มาตรการการดูและต่างๆ ลงไปในกลุ่มของโครงการท่องเที่ยวแล้ว ทั้งในเรื่องของการให้บริการ อาทิ สถานที่การให้บริการมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้ออยู่เสมอ และพนักงานผู้ให้บริการทุกคนฉีดวัคซีนครบโดสที่กำหนดแล้ว เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้จะได้เห็นการพัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้น แต่จากการตื่นตัวของทั้งภาคท่องเที่ยวและบริการ มาตรการต่างๆ ที่เรามีก็ต้องรัดกุมเช่นกัน เพราะหากดูแลไม่ดีก็อาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ในส่วนของความกังวลนั้น ในเบื้องต้นหากทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังกลุ่มที่ทำนอกกฎระเบียบที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจจะมีจำนวนไม่มาก แต่ถ้าพลาดขึ้นมาก็จะสร้างผลกระทบให้กับกลุ่มที่อยู่ในกฎระเบียบได้ดังนั้น ในช่วงนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน และหวังว่าสิ้นปี 2564 นี้ จะได้เห็นทิศทางของเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวมากขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดลดลง และคาดหวังว่าจะได้เห็นประชาชนได้รับวัคซีนครบตามจำนวนประชากรมากขึ้นอีกด้วย

Advertisement

ส่วนภาพรวมการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารในปัจจุบันนี้ เริ่มเห็นประชาชนเริ่มกลับมานั่งทานที่ร้านอาหารเพิ่มขึ้นแล้ว ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีรายได้มากขึ้น แต่การดำเนินการทุกอย่างก็ต้องติดตามผลรายสัปดาห์ หรือรายเดือนไปก่อน ดังนั้น การ์ดอย่าตกร้านไหนที่มีความแออัดเกินไปต้องมีการรักษาระยะห่างให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นลง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศในช่วงนี้ที่ฤดูฝนยังไม่ผ่านพ้นไป อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ก็มีผลกระทบต่อการออกมานั่นทานที่ร้าน และกระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็กที่ขายตามพื้นที่ต่างๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ดี ในส่วนของของการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารในช่วงแรกของการกลับมาให้บริการคาดว่าตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ จะได้เห็นการฟื้นตัวเพิ่มอีกประมาณ 20-30% ในช่วงแรกอาจจะยังฟื้นตัวได้ไม่มากเนื่องจากในปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการประสบกับปัญหาราคาสินค้าที่แพงขึ้นถึง 4-5 เท่า แต่ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทำให้เห็นเพียงการฟื้นตัวของยอดการสั่งซื้อ แต่รายได้ที่ผู้ประกอบการได้รับยังไม่ตอบรับกับรายจ่ายที่ต้องเสียไป จึงอยากให้ภาครัฐ หรือกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแล และคุมราคมสินค้าโดยด่วน เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหารต่อไป นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยในเรื่องของการเข้าถึงที่ตรวจโควิด-19 (เอทีเค) ที่ตอนนี้ยังมีราคาสูงกว่า 100 บาท/ชิ้นอยู่ จึงอยากขอให้เข้ามาดูแลในเรื่องของราคาให้ถูกลงและเอื้อประโยชน์ต่อภาคประชาชนและผู้ประกอบการได้เข้าถึงได้มากที่สุดต่อไป

สุดท้ายนี้ อยากวิงวอนให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐภาคเอกชน และภาคประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ไทยกลับมาเป็นประเทศแรกที่นักท่องเที่ยวเลือกที่จะมา ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ที่เคยพึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทั้งหากเกิดการแพร่ของโควิด-19 กลับมารุนแรงอีกครั้ง เชื่อว่าจะได้เห็นธุรกิจน็อกและล้มหายตายจากไปอีกจำนวนมากแน่นอน จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายดูและตัวเอง เพื่อในเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้กลับมาเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทยจริงๆ

สุกานดา พันธุ์เสือ
นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย

หลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ปัญหาที่ตนมองเห็นคือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่างๆ เช่นที่พักไม่ได้ผ่านมาตรฐาน SHA เป็นต้น ซึ่งในส่วนของจังหวัดหนองคายเอง มีผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกือบ 60 ราย ตอนนี้ได้รับมาตรฐาน SHA ประมาณ 30 รายเท่านั้น ที่เหลือยังขาดความเข้าใจ เพราะหากผู้ประกอบการไม่มีมาตรฐาน ก็จะทำให้ขาดความเชื่อถือจากลูกค้าที่จะเข้าไปใช้บริการ ในเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในการเตรียมความพร้อม เข้าไปแนะนำชี้แจงแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในพื้นที่นำร่อง ซึ่งจังหวัดหนองคาย มีอยู่ 4 อำเภอ คือ อำเภอสังคม, อำเภอศรีเชียงใหม่, อำเภอท่าบ่อ และอำเภอเมืองหนองคาย นอกจากเรื่องของมาตรฐาน SHA แล้ว ยังต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชน ผู้นำชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย พร้อมๆ กับการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้

จังหวัดหนองคายยังไม่เห็นมีอะไรที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เนื่องจากจังหวัดมีความเกี่ยวพันกับ สปป.ลาว มากกว่าประเทศอื่นๆ ดูได้จากการที่มีการปิดด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 และปิดจุดผ่อนปรนไม่ให้ประชาชนข้ามไป-มาแล้ว ได้ส่งผลกระทบกับจังหวัดหนองคายโดยตรง ทั้งผู้ประกอบการค้าชายแดน ห้างร้านต่างๆ ทั้งในจังหวัดหนองคายและอุดรธานี ยอดหายไปไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ยิ่งในเรื่องของการท่องเที่ยวยอดหายไปทั้งหมดเลย ซึ่งปกติก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีผู้ที่ผ่านไป-มา โดยใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 2-3 ล้านคน และมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคายไม่ต่ำกว่าปีละ 5-6 ล้านคน

สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาให้การช่วยเหลือและส่งเสริมหลังจากที่มีการเปิดประเทศนี้ ในส่วนของพื้นที่จังหวัดหนองคายเองนั้น อยากให้ระดับรัฐบาลได้มีการร่วมกันหาแนวทางกับ สปป.ลาว ในการเปิดประเทศโดยใช้เส้นทางบก คือผ่านด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย แทนการเดินทางโดยเส้นทางทางอากาศ หากประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยผ่านเส้นทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาวได้ เศรษฐกิจของจังหวัดหนองคายก็จะค่อยๆ ฟื้นกลับมาดีขึ้นแม้จะไม่เต็มร้อยเหมือนเดิม แต่ก็คงจะดีกว่าในขณะนี้มากหากรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ก็จะเป็นการตอบโจทย์กับความเป็นจริงของจังหวัดหนองคาย

เอกวิทย์ ภิญโญธรรมโนทัย
ผู้บริหารกลุ่มพีชลากูน่า รีสอร์ท กระบี่

ยอดการจองห้องพักตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ จ.กระบี่ ยังไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร อยู่ที่ร้อยละ10-20% เท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก ส่วนหนึ่งคาดว่าอาจมาจากความไม่มั่นใจ ด้านมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มียังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อต่อเนื่องในพื้นที่ และบรรยากาศตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ร้านค้าสถานประกอบการ บาร์เบียร์ สถานบันเทิงต่างๆ ยังปิดให้บริการ เช่น ที่บนเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือกระบี่ ดูเหมือนเกาะร้าง ช่วงกลางคืนแสงสว่างไม่เพียงพอ ซึ่งนักเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการพักผ่อนดื่มกิน สนุกสนาน ส่งผลให้ไม่อยากเดินทางมาเที่ยว อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานภาครัฐเพิ่มความเข้มงวดมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้มากขึ้น เช่น การจำกัดจำนวนคน เข้าให้บริการตามห้างสรรพสินค้า การเว้นระยะห่าง การบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัย ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนครบโดสมากที่สุด เป็นต้น

เป็นการควบคุมการแพร่ระบาด ลดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อลงได้เชื่อว่าหลังจากช่วงปีใหม่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวกระบี่เพิ่มขึ้นแน่นอน

ละเอียด บุ้งศรีทอง
นายกสมาคมโรงแรมไทย (ภาคเหนือตอนบน)

ประเมินภาพรวมตลาดการท่องเที่ยวในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของตลาดในประเทศ ปรับตัวดีขึ้นเป็นหลัก เนื่องจากเห็นคนไทยออกเดินทางมากขึ้นแล้ว การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แบบไม่กักตัว และไม่จำกัดพื้นที่ในการท่องเที่ยว ที่เน้นผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว มาจากประเทศเสี่ยงต่ำทั้ง 63 ประเทศขณะนี้ต้องยอมรับว่า ยอดจองโรงแรมห้องพักของตลาดต่างประเทศยังเป็นศูนย์อยู่ เนื่องจากวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นวันแรกของการเปิดประเทศ และการเปลี่ยนมาใช้ระบบไทยแลนด์ พาส (Thailand Pass) ผ่านเว็บไซต์ www.tp.consular.go.th แทนการยื่นขอใบอนุญาตขอเดินทางเข้าราชอาณาจักร (ซีโออี) จากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อยื่นเอกสารประกอบการเข้าประเทศไทย จึงคาดว่าในวันที่ 1-7 พฤศจิกายนนี้น่าจะยังไม่เห็นการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านสนามบินเชียงใหม่ เพราะเป็นช่วงเริ่มจอง แต่จะเห็นในกรุงเทพฯ และภูเก็ตแทน ซึ่งเชียงใหม่ยังคาดหวังว่าเราจะได้อานิสงส์จากกรุงเทพฯ และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
มากกว่าการเข้ามาผ่านสนามบินเชียงใหม่โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจมากกว่านักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

ยอดจองในตอนนี้ยังเห็นเป็นไข่ต้มอยู่เลย แต่ก็เข้าใจว่ายังอยู่ในช่วงการวางแผนและการจองตามขั้นตอนต่างๆ โดยเรายังคาดหวังว่าในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยเติบโตขึ้น ส่วนจะสามารถเห็นจำนวนในหลักพันคนต่อวันได้หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ใจมากนัก เนื่องจากต้องรอประเมินสถานการณ์เพื่อดูความชัดเจนอีกสักระยะ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวตลาดเกาหลี ที่เป็นนักกีฬากอล์ฟหรือกลุ่มคนเล่นกอล์ฟ มีความคึกคักมากเป็นพิเศษ โดยคาดว่าจะเข้ามาในรูปแบบกอล์ฟควอรันทีน ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเข้ามาจำนวนมากน้อยเท่าใด แต่จากข้อมูลพบว่าจะมีเข้ามาแน่นอน แต่ไม่ได้พักในเชียงใหม่ เพราะจะเดินทางไปพักที่โรงแรมในจังหวัดลำพูน เพื่อใช้สนามกอล์ฟในลำพูนแทน

สำหรับตลาดในประเทศ ขณะนี้เราเห็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ถือเป็นช่องทางการขายที่ดีมาก เพราะราคาห้องพักในตอนนี้ปรับลดลงมาถูกสุดสุด เหมือนโรงแรมของตัวเองที่ทำโปรโมชั่นราคาขายไม่ถึง 2,000 บาทต่อคืน ทั้งที่เป็นห้องพักระดับ 5 ดาว และราคานี้สามารถพักได้ 2 คน รวมอาหารเช้าแล้ว ทำให้การจัดทำโปรโมชั่นเพื่อแข่งขันในส่วนของราคาห้องพักโรงแรม น่าจะไม่สามารถทำให้ต่ำลงไปมากกว่านี้ได้แล้ว แม้อยากกระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางเข้ามาใช้บริการมากกว่านี้ก็ตาม โดยสิ่งที่อยากเห็นการทำกิจกรรมเพิ่มเติม เพื่อดึงดูดและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของตลาดในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงวีคเดย์และการจองในช่วงนาทีสุดท้าย หรือการจองห้องพักเที่ยวช่วงสุดท้ายก่อนเดินทางจริง รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่สะท้อนให้เห็นว่า บรรยากาศเชียงใหม่ในช่วงนี้ พ้นปลายฝนต้นหนาวแล้ว ภาพเป็นแบบไหน

จึงอยากให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ช่วยประชาสัมพันธ์ตลาดเชียงใหม่ รวมถึงตลาดภาคเหนือ และตลาดระยะไกลต่างๆ เพิ่มเติม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image