โอไมครอนป่วนท่องเที่ยว ยกเลิก‘ระบบไม่กักตัว’

โอไมครอนป่วนท่องเที่ยว ยกเลิก‘ระบบไม่กักตัว’ หมายเหตุ - ความเห็นของนักธุรกิจ

หมายเหตุความเห็นของนักธุรกิจภาคการท่องเที่ยวถึงผลกระทบภายหลังที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นควรให้ยกเลิกมาตรการเข้าประเทศแบบระบบไม่กักตัว (Test&Go) หรือเทสต์ แอนด์ โก จากเหตุผลการระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

สถานการณ์หลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นตามลำดับ สะท้อนถึงสายการบินที่กลับมาทำการบินมากขึ้นประมาณ 20% จึงคาดว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะมีทิศทางการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยขณะนี้เป็นตลาดระยะไกลเป็นหลัก ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐ และฝรั่งเศส หากย้อนพิจารณาสถิติการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนของประเทศต้นทางเหล่านี้ จะพบว่ามีการระบาดในจำนวนที่สูงมากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจชะลอการตัดสินใจเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดโควิดโอไมครอนในประเทศของนักท่องเที่ยวเอง หรือประเทศต้นทางเหล่านั้น เพราะกังวลว่าหากเดินทางกลับไปแล้ว อาจต้องทำการกักตัวเพิ่มขึ้นหลายวัน จึงอาจเห็นแล้วโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงปลายปี 2564 ลดลงบ้าง

Advertisement

จากรายงานของ ททท.สำนักงานต่างประเทศ พบว่าตัวเลขยอดจองล่วงหน้าในเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ยังดีอยู่ หวังว่าเราจะผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ 2565 ไปได้ คาดการณ์ว่าตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งปี 2564 จะจบที่ 4 แสนคน สร้างรายได้ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท ตลาดไทยเที่ยวไทย เดินทางในประเทศ 90 ล้านคน หรือไม่ต่ำกว่าปี 2563 จะสร้างรายได้รวมทั้ง 2 ตลาดอยู่ที่ 5-6 แสนล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ที่มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท

จากมติที่ประชุม ศบค. ขณะนี้ยังไม่ได้สั่งปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศ โดยขออธิบายกระบวนการเข้าประเทศไทยของต่างชาติว่า ก่อนจะเดินทางเข้ามาจะต้องยื่นคำขอเข้าประเทศผ่านระบบไทยแลนด์ พาสก่อน ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเข้ามาในรูปแบบใด ได้แก่ 1.รูปแบบเทสต์ แอนด์ โก หรือตรวจหาเชื้อโควิด 1 ครั้ง ผ่านวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ จำนวน 1 ครั้ง หากไม่พบเชื้อใน 24 ชั่วโมง สามารถเดินทางเที่ยวได้ปกติ 2.รูปแบบแซนด์บ็อกซ์ และ 3.รูปแบบการกักตัว (เอคิว) ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางของตัวเอง ว่ามีความเสี่ยงในระดับใด

ซึ่งตัวเลขการยื่นคำขอในระบบไทยแลนด์ พาส มีประมาณ 6 แสนคน ผ่านการอนุมัติแล้วกว่า 4.7 แสนคนทำให้มีคนบางส่วนที่ได้รับการอนุมัติแล้วแต่ยังไม่ได้เดินทางเข้ามาได้ ประมาณ 2 แสนคน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้สามารถเดินทางเข้ามาได้ตามรูปแบบที่สมัครไว้ และเงื่อนไขต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ย้ำว่าสำหรับคนที่ได้รับการอนุมัติในระบบไทยแลนด์ พาสแล้ว

Advertisement

ขณะเดียวกัน ศบค.ขอให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดโอไมครอนในต่างประเทศก่อน เพราะในประเทศต้นทางมีการระบาดมากขึ้น อาจเป็นสาเหตุของการระบาดโอไมครอนในประเทศไทยได้ จึงชะลอการพิจารณาอนุมัติระบบไทยแลนด์ พาส ไปก่อนจึงย้ำว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบหรือวิธีการเข้าประเทศ โดยหลังจากนี้จะไม่มีการอนุมัติผ่านระบบไทยแลนด์ พาสอีก ยกเว้นผู้ที่ยื่นขอเข้ามาผ่านภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เท่านั้น ส่วนผู้ที่ได้รับอนุมัติเข้าประเทศไทยจากระบบไทยแลนด์ พาส ยังเดินทางเข้าประเทศไทยได้เช่นเดิม ตามรูปแบบที่เลือกไว้ ไม่ว่าจะเป็นเทสต์ แอนด์ โก แซนด์บ็อกซ์ หรือกักตัว

โดยมติ ศบค. มีดังนี้ คือ 1.ระงับการลงทะเบียนผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรประเภทเทสต์ แอนด์ โก และแซนด์บ็อกซ์เป็นการชั่วคราวไปก่อน ยกเว้นภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และการเข้ามาแบบกักตัว โดยจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ต่อไป 2.ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรประเภท เทสต์ แอนด์ โก ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ให้ดำเนินการเข้าราชอาณาจักรตามรูปแบบเดิมได้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ต้องมีมาตรการในการตรวจสอบสถานที่พำนัก มีการรายงานและเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อมีอาการ และตรวจหาเชื้อในครั้งที่ 2 เพิ่มด้วย 3.ผู้ที่ได้รับอนุมัติในระบบไทยแลนด์ พาสแล้ว ให้ใช้มาตรการเดิม แต่ปรับเพิ่มมาตรการตรวจหาเชื้อทั้งระบบเทสต์ แอนด์ โก และแซนด์บ็อกซ์เป็นการตรวจแบบอาร์ที-พีซีอาร์ 2 ครั้ง โดยรัฐรับผิดชอบครั้งที่ 2และเพิ่มมาตรการกำกับติดตามอาการ การเข้าพักในพื้นที่ ซึ่งการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ให้ได้ 100% และ 4.การระงับการลงทะเบียนเทสต์ แอนด์ โก และแซนด์บ็อกซ์จะมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคมเป็นต้นไป ยกเว้น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ส่วนการเข้ามาแบบกักตัว ยังสามารถลงทะเบียนเข้ามาได้ปกติ

เบื้องต้นผลกระทบตอนนี้ยังไม่มี เพราะว่ายังไม่ได้มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าประเทศ เป็นเพียงการระงับการอนุมัติเข้าประเทศผ่านระบบไทยแลนด์ พาสก่อน โดยเบื้องต้นขอประเมินในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ก่อน หากสถานการณ์ยังคงที่ไม่มีความเสี่ยงหรือไม่พบการระบาดโควิด-19 โอไมครอนที่เพิ่มสูงขึ้นจนสร้างความกังวล ก็อาจกลับมาเปิดระบบได้เหมือนเดิม เพราะขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการยกระดับคุมเข้มเพื่อควบคุมการระบาดโอไมครอน ซึ่งหากสถานการณ์ต่อจากนี้จนผ่านช่วงปีใหม่ 2565 ไม่น่ากังวลมากนัก ทุกอย่างก็อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่หากสถานการณ์ยุ่งยากกว่าเดิมหรืออันตรายกว่าเดิม ก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ซึ่งต้องดูสถานการณ์เป็นระยะๆ เพราะเป็นเรื่องในอนาคต

โดยคำขอที่อยู่ในระบบไทยแลนด์ พาส ที่อนุมัติแล้ว ยังสามารถเข้ามาได้ตามวิธีที่กำหนดไว้ แต่จะเคร่งครัดในการตรวจคัดกรองสูงสุด โดยขอให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ พนักงานโรงแรม คนขับรถจากสนามบินไปส่งที่โรงแรม รวมถึงพนักงานบริการทั้งหมด ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยแบบสูงสุด เพื่อป้องกันการระบาด เพราะหากไม่ช่วยกันดูแล อาจทำให้การระบาดรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะพิจารณาสถานการณ์ เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อคนไทยมากที่สุด

ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต

เงื่อนไขต่างๆ เราพร้อมถอยเป็นแซนด์บ็อกซ์แต่แซนด์บ็อกซ์คงเป็นหมุดหมายสุดท้ายจริงๆ เราคงถอยกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเชื่อมั่นว่าแซนด์บ็อกซ์เป็นนโยบายเปิดประเทศ ที่สร้างเศรษฐกิจควบคุมการระบาดได้ดี เชื่อมั่นในแซนด์บ็อกซ์ และเทสต์ แอนด์ โก มีความพร้อม อยากให้รัฐบาลพิจารณาเป็นพื้นที่ไปอย่าไปเหมาเข่งปิดทั้งประเทศ ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนในพื้นที่ ที่ควบคุมไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าภูเก็ตควบคุมได้

ขอฝากรัฐบาลดูพื้นที่ไหนมีความพร้อมอย่างไร แต่ละพื้นที่คงมีความพร้อมแตกต่างกัน แต่ภูเก็ตทำมาโดยตลอด ออกแบบบนพื้นฐานของความระมัดระวัง ความสมดุล มาตลอด เราเชื่อว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตถึงปัจจุบัน พิสูจน์ได้ว่าเราเดินต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเทสต์ แอนด์ โก หรือแซนด์บ็อกซ์ เราพร้อมในการเดินต่อไป

พัลลภ แซ่จิว
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่

ในมุมมองของผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยวก็ต้องบอกว่า นี่คือสัญญาณเชิงลบสำหรับเรา เพราะทิศทางการท่องเที่ยวกำลังไปได้สวยอยู่ในขณะนี้ แต่อีกทางหนึ่งเราก็ต้องฟังสาธารณสุข เพราะมีโอกาสที่จะส่งผลต่อคนเป็นหมื่นเป็นแสนคนในประเทศ ก็รู้สึกไม่สบายใจ หากเราจะเห็นแก่เรื่องของการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ตอนนี้คือกำลังหาวิธีกันอยู่ คงตอบเองไม่ได้ว่าจะต้องตัดสินใจและทำอย่างไร เพราะเราต่างมีความรู้ในเรื่องโอไมครอนน้อยมาก การแสดงความคิดเห็นใดๆจึงทำได้ยาก

ตอนนี้คือเหมือนเดินขึ้นศาล ก็ต้องฟังโจทก์ มีจำเลย แสวงหาข้อมูลมาหักล้างมาวิเคราะห์ เพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจนำไปพูดคุยและต่อรอง เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีผลต่อจังหวัดท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ สมุย พัทยา และกรุงเทพมหานคร

ความจริงตอนนี้เชียงใหม่กำลังดี มีฝรั่งชาวต่างชาติมากันเต็มเมือง แม้จะไม่เหมือนก่อน แต่ก็ทำให้ผู้ประกอบการอย่างเราดีอกดีใจ เรียกว่า ไพร่ฟ้าหน้าใสแต่ก็เป็นเวลาที่น้อยมาก มาเจอโอไมครอนอีกก็จะทำให้ทุกอย่างหยุด ต้องบอกว่า 3 ปี เราเจอปัญหาตอนปลายปี ตอนไฮซีซั่นตลอดเลย ก็คงต้องรอฟัง หาบทความต่างประเทศมาอ่าน เพราะทุกอย่างใหม่หมดเลย ตอนนี้ยังไม่มีการเรียกหารืออะไร เพราะความจริงเราพึ่งคุยกันไปได้ไม่กี่วัน

เรื่องการจัดงานเคาต์ดาวน์ ที่เราจะจัดตั้งแต่วันที่ 27-31 ธันวาคมนี้ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เพราะมีพื้นที่กว้างโล่ง จำกัดจำนวนคนเข้าออกได้ ทราบว่าจะมีการออกร้าน จุดพลุเฉลิมฉลอง มีคอนเสิร์ตจากนักร้องชื่อดัง 4-5 คน เช่น ปาล์มมี่ ตอนนี้เมื่อมีสัญญาณเชิงลบออกมาก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรกัน

รัชชพร พูลสวัสดิ์
นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย

ในเดือนธันวาคม มีนักท่องเที่ยวจองห้องพักแล้วกว่า 8,000 ห้อง ขณะที่การพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมคอน ผลกระทบยอดการจองห้องพักยังมีไม่มากนัก แต่หากมีการยกเลิกรูปแบบเทสต์ แอนด์ โก ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบจากรายได้ตามมาจากการสอบถามภาคเอกชน ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารหลายแห่ง ต่างให้ความเห็นว่าจะได้รับผลกระทบหากยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก เนื่องจากเกาะสมุยมีข้อจำกัดของท่าอากาศยานและการเดินทางเข้าเกาะสมุย การที่มีเทสต์ แอนด์ โก ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาได้หลากหลายเส้นทางทั้งจากกรุงเทพฯ ภูเก็ต ผู้ประกอบการก็ไม่อยากให้มีการยกเลิก แต่ให้หันกลับมาหาข้อบกพร่องหรือข้อชี้แนะตรงไหน เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุง

สำหรับเกาะสมุยช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเฉลี่ยวันละ 1,500-2,000 คน เศรษฐกิจของเกาะสมุยกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ทางสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย ได้มีการอบรมกำชับผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ประกอบการภาคขนส่ง ให้มีความเข้มงวดในการรับนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศในวันแรกจะให้เช็กอินภายในห้องพักแทนการเช็กอินที่หน้าล็อบบี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงสัมผัสต่อพนักงาน ลูกค้าคนอื่น

ขณะนี้ยอดจากจองห้องพักในช่วงเดือนธันวาคม เฉพาะรูปแบบเทสต์ แอนด์ โก ที่เข้าทางเกาะสมุยมีประมาณ 8,000 คน ไม่รวมนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางกรุงเทพฯ จ.ภูเก็ต และนักท่องเที่ยวชาวไทย ก็ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย เพื่อเปิดการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image