คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ประชุมพิจารณามาตรการความปลอดภัยทางถนน ศึกษากรณีการคุ้มครองผู้ใช้ทางข้าม หรือทางม้าลาย โดยเชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุม นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา รองประธาน กมธ. ให้สัมภาษณ์ว่า กรณี พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย ถูกรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชน บริเวณทางม้าลายเสียชีวิต ทาง กมธ.เกรงว่าเรื่องจะเงียบหายไป จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุมและให้ข้อมูล
นายนิกรระบุว่า เชิญ สตช.มาคุยเรื่องคดี การบังคับใช้กฎหมาย การใช้ทางม้าลาย รวมถึงกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป้าหมายคือจะแยกประเภทใบขับขี่บิ๊กไบค์ เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหามาก อีกส่วนคือกรุงเทพมหานครจะทำอย่างไรต่อไป เพราะทางม้าลายที่เหลือที่ยังไม่ได้ดำเนินการปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนการเพิ่มบทลงโทษ นายนิกรกล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรเป็น 4 เท่า จากเดิมปรับ 1,000 บาท เป็นปรับ 4,000 บาท ซึ่งกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของที่ประชุมวุฒิสภาในวันที่ 31 มกราคมนี้ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะส่งกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎร จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป คาดว่าจะบังคับใช้ได้ประมาณเดือนกรกฎาคม อีกเรื่องคือ การเพิ่มมาตรการตัดแต้มเกี่ยวกับเรื่องทางม้าลายด้วย ส่วนการเปลี่ยนปรับพื้นที่จุดทางม้าลายโดยทาสีให้มีความชัดเจนขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่กรุงเทพมหานคร และ นปถ.เป็นผู้ดำเนินการ แต่ กมธ. เสนอให้มีเป็นสัญญาณไฟกดอัตโนมัติ ไม่ใช่ให้คนวิ่งเสี่ยงเอาข้างหน้า
การเสียชีวิตของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย ทำให้เห็นปัญหาหลายประการและหลายมิติ ทำให้ประเทศและสังคมต้องสูญเสียบุคลากรที่จะยังทำประโยชน์ให้สังคมได้อีกมากไปอย่างน่าเสียดาย การที่ กมธ.พยายามหาทางนำเอากรณีที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนเพื่อมิให้เกิดเหตุขึ้นอีกจึงเป็นเรื่องที่ดี การใช้ยานพาหนะที่มีอันตรายสูงอย่างบิ๊กไบค์ ควรแยกประเภทใบขับขี่ และมีข้อจำกัดในการนำมาใช้ รวมถึงวินัยในการใช้รถใช้ถนนที่น่าจะต้องมีการปรับปรุงกันครั้งใหญ่
