ผู้พิพากษาแจงผลทาง กม. หลังปลดล็อก ‘กัญชา’ ปล่อยนักโทษ-คืนของกลาง

ผู้พิพากษาแจงผลทาง กม. หลังปลดล็อก‘กัญชา’ ปล่อยนักโทษ-คืนของกลาง

หมายเหตุนายสันติ ผิวทองคำ ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยอง ให้ข้อมูลถึงผลทางกฎหมายทั้งเรื่องคดีความ นักโทษ ของกลาง และการแปรรูปจากกัญชา หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ให้กัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งจะมีผลในวันที่ 10 มิถุนายนนี้

สันติ ผิวทองคำ
ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยอง

ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.2565 ฉบับลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งออกตามความในมาตรา 29 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 120 วันนับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 กำหนดให้เฉพาะ “ตัวสารสกัด” จากกัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดเท่านั้น โดยจะมีผลในวันที่ 10 มิถุนายน 2565 นี้

Advertisement

ประกาศฉบับดังกล่าวส่งผลให้ นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 กัญชา ซึ่งรวมตลอดถึงเปลือก ลำต้น ใบ เส้นใย กิ่งก้าน ราก กาก วัตถุ หรือสารต่างๆ เช่น ยาง น้ำมัน ที่อยู่ในพืชกัญชา “ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ” ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และกัญชา ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดตามกฎหมายอีกต่อไป ยกเว้นสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาเท่านั้นที่ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่สารสกัดดังกล่าวไม่รวมถึงสารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากกัญชาที่ปลูกภายในประเทศ และสารสกัดจากเมล็ดกัญชาที่ปลูกภายในประเทศ

คดีความผิดเกี่ยวกับกัญชาที่มีการจับกุมโดยเจ้าพนักงานตำรวจ การสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน การพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการ หรือพิจารณาคดีของศาล และการบังคับโทษตามคำพิพากษาในคดีความผิดเกี่ยวกับกัญชาของกรมราชทัณฑ์ ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 มิถุนายน 2565 จึงไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายที่จะต้องสอบสวน ฟ้องร้อง พิจารณาคดี หรือคุมขังบังคับโทษอีกต่อไป

ฉะนั้น นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

Advertisement

1.การปลูกกัญชา การมีกัญชาไว้ในครอบครอง หรือการเสพกัญชา (ที่ไม่ใช่การสกัด หรือการมีสารสกัด หรือการเสพสารสกัดจากกัญชา) ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอีกต่อไป เจ้าพนักงานตำรวจไม่อาจจับกุมผู้ปลูกกัญชา ผู้มีไว้หรือครอบครองกัญชา ผู้เสพกัญชา อีกต่อได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง

2.คดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา ข้อหาผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการเสพกัญชา ที่อยู่ “ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน” ถือว่าการกระทำของผู้ต้องหาไม่เป็นความผิดอีกต่อไป พนักงานสอบสวนจะต้อง “ปล่อยผู้ต้องหาไปทุกกรณี” เช่น หากพนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ระหว่างสอบสวน หรือขอให้ศาลขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน ก็ต้องปล่อย หรือขอให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องหา แล้วสรุปสำนวนการสอบสวนทำความเห็นทางคดีเห็น “ควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 93มาตรา 148 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.2565 พร้อมทั้งต้องคืนกัญชาของกลางให้แก่ผู้ต้องหา (ถ้าหากมี) และทำเรื่องลบหรือถอนประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาออกจากสารบบการดำเนินคดีอาญาและกองทะเบียนประวัติอาชญากร ตาม ป.อาญา มาตรา 2 วรรคสองอีกด้วย

3.คดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา ข้อหาผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการเสพกัญชา ที่อยู่ “ระหว่างการพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการ” ว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ถือว่าการกระทำของผู้ต้องหาไม่เป็นความผิดอีกต่อไป และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 39(5) พนักงานอัยการจะต้อง “ปล่อยผู้ต้องหาไปทุกกรณี” เช่น หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวชั้นอัยการก็ต้องแจ้งคืนหลักประกัน หากผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกศาลสั่งขังระหว่างสอบสวน ก็ต้องยื่นคำร้องขอยุติการฝากขังต่อศาล แล้วทำออกคำสั่ง “ไม่ฟ้องผู้ต้องหา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 93 มาตรา 148 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.2565 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5) พร้อมทั้งต้องสั่งให้พนักงานสอบสวนคืนกัญชาของกลางให้แก่ผู้ต้องหา (ถ้าหากมี) และแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องให้ผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนทราบเพื่อทำเรื่องถอนประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาออกจากสารบบ การดำเนินคดีอาญาและกองทะเบียนประวัติอาชญากร ตาม ป.อาญา มาตรา 2 วรรคสอง

4.คดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา ข้อหาผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการเสพกัญชา ที่อยู่ “ระหว่างการพิจารณาของศาล” และคดียังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอีกต่อไป และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปภายหลังพนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแล้วตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 39(5) ศาลต้อง “ปล่อยจำเลยไปทุกกรณี” เช่น หากอยู่ระหว่างการประกันตัวชั้นศาลก็ต้องแจ้งคืนหลักประกัน หากอยู่ระหว่างการควบคุมขังระหว่างพิจารณา ศาลก็ต้องออกหมายปล่อยตัวจำเลยไป แล้ว “พิพากษายกฟ้อง” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 93 มาตรา 148 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.2565 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5)

คำพิพากษายกฟ้องของศาลส่งผลให้คำขอให้ริบกัญชาของกลาง (ถ้าหากมี) ของพนักงานอัยการตกไปพนักงานอัยการต้องสั่งให้พนักงานสอบสวนคืนกัญชาของกลางให้แก่ผู้ต้องหา และแจ้งผลคำพิพากษาให้พนักงานสอบสวนทราบเพื่อทำเรื่องถอนประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาออกจากสารบบ การดำเนินคดีอาญาและกองทะเบียนประวัติอาชญากร ตาม ป.อาญา มาตรา 2 วรรคสอง

5.คดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา ข้อหาผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการเสพกัญชา ที่อยู่ “ระหว่างการบังคับโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล” และจำเลยอยู่ระหว่าง “ถูกจำคุกหรือถูกกักขังแทนค่าปรับหรือถูกโทษอื่นใด” เช่น การควบคุมเยาวชน ของสถานพินิจในคดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอีกต่อไป และจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดนั้น

กรมราชทัณฑ์หรือสถานพินิจ หรือผู้บังคับโทษต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ “ออกหมายปล่อยและปล่อยตัวผู้ต้องขังไปทุกกรณี” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 93, มาตรา 148 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.2565 กรณีเช่นนี้ พนักงานสอบสวนต้องติดตามผลคดี และทำเรื่องถอนประวัติอาชญากรของจำเลยหรือผู้ต้องหาออกจากสารบบการดำเนินคดีอาญาและกองทะเบียนประวัติอาชญากร ตาม ป.อาญา มาตรา 2 วรรคสอง

6.คดีความผิดเกี่ยวกับกัญชา ข้อหาผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และการเสพกัญชา ที่ “บังคับโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเสร็จสิ้นแล้ว” และจำเลยพ้นโทษไปแล้ว ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอีกต่อไป และจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิด กรณีเช่นนี้ พนักงานสอบสวนต้องทำเรื่องถอนประวัติอาชญากรของจำเลยหรือผู้ต้องหาออกจากสารบบ การดำเนินคดีอาญาและกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือจำเลยหรือผู้ต้องหาอาจร้องขอให้พนักงานสอบสวนทำเรื่องถอนประวัติอาชญากรของจำเลยหรือผู้ต้องหาออกจากสารบบ การดำเนินคดีอาญาและกองทะเบียนประวัติอาชญากรก็ได้เช่นกัน ตาม ป.อาญา มาตรา 2 วรรคสอง

7.การนำกัญชามาใช้ประโยชน์ แม้กัญชา ซึ่งหมายรวมถึงเปลือก ลำต้น ใบ เส้นใย กิ่งก้าน ราก กาก วัตถุหรือสารต่างๆ เช่น ยาง น้ำมัน ที่อยู่ในพืชกัญชา จะมิใช่ยาเสพติดให้โทษ ประชาชนมีสิทธิโดยชอบที่จะนำกัญชามาใช้เพื่อประโยชน์แห่งตน เช่น การปลูก การครอบครอง การเสพ เป็นต้น ซึ่งไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดก็ตาม แต่ “กัญชา” โดยสภาพยังเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง การนำพืชกัญชาไปแปรรูปเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อการค้า ในลักษณะเป็นอาหาร เป็นยารักษาโรค ยังตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายเกี่ยวกับอาหาร ยาแผนโบราณ และพืชสมุนไพร ดังต่อไปนี้

(1) การทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ การเปลี่ยนรูปพืชกัญชา เช่น การต้มกัญชา หรือต้มกัญชาแล้วผสมกับวัตถุชนิดอื่น เป็นเครื่องดื่ม เข้าข่ายเป็นการผลิต “ผลิตภัณฑ์สมุนไพร” ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ หากนำออกขายหรือมีไว้เพื่อขายจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 มาตรา 4 มาตรา 58(4) มาตรา 106 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(2) การทำ ผสม ปรุง หรือแปรสภาพพืชกัญชา สำหรับใช้ในบำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรค หรือความเจ็บป่วยของมนุษย์ เข้าข่ายเป็นการผลิต “ยา” ที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา หากนำออกขายหรือมีไว้เพื่อขายจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 4มาตรา 72(4) มาตรา 122 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ หากมีกฎหมายออกมาควบคุมกัญชาโดยเฉพาะ เช่น พ.ร.บ.กัญชง กัญชา พ.ศ. … การปลูก ผลิต ครอบครอง จำหน่าย หรือเสพ กัญชา ก็ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศกฎหมายควบคุมกัญชาโดยเฉพาะ คงมีเพียง “ร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชา พ.ศ. …” ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

อย่างไรก็ตาม แม้มีกฎหมายออกมาควบคุมกัญชาภายหลังวันที่ 10 มิถุนายน 2565 และกฎหมายที่ออกมาควบคุมกัญชานั้นมีการกำหนดโทษทางอาญาเอาไว้ ก็ไม่อาจมีผลย้อนหลังไปเอาผิดกับการกระทำเกี่ยวกับการปลูก ผลิต ครอบครอง จำหน่าย หรือเสพ กัญชา ก่อนวันที่กฎหมายควบคุมกัญชาจะมีผลบังคับใช้ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image