9มิ.ย.ดีเดย์กัญชาเสรี เดินหน้าพืชเศรษฐกิจ-ตำรับยา

แฟ้มภาพ

หมายเหตุกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ส่งผลให้การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย เสพ หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งพืชกัญชาจะไม่มีความผิดอีกต่อไปนั้น

สิทธิชัย แดงประเสริฐ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือเจพี

จากการที่รัฐบาลเตรียมปลดล็อกกัญชาและกัญชง ออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ในวันที่ 9 มิถุนายนนั้น ส่งผลให้ผู้ปลูกทั้งกัญชาและกัญชง ขออนุญาตปลูกพืชดังกล่าวได้ง่ายขึ้น ผ่านแอพพลิเคชั่น ปลูกกัญพอผู้ปลูกทำได้ง่ายขึ้น โดยป้อนความต้องการของโรงงานผู้ผลิตสกัดได้ทั้ง ใบ กิ่ง ก้าน ราก และดอก ซึ่งในส่วนของบริษัท ที่เป็นหนึ่งในโรงงานสกัดสารจากพืช แม้จะเป็นโรงงานผลิตสกัดอยู่แล้ว ก็ต้องขออนุญาตในการผลิตสกัดสารจากกัญชา และกัญชง ซึ่งโรงงานอื่นๆ ก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน โดยต้องขออนุญาตในการครอบครองยาเสพติด หรือ ย.ส.5 อยู่ สำหรับหลักการต้องดูว่าเมื่อสกัดมาแล้วพบสาร Tetrahydroconnabinol (THC) เกินกว่าที่กำหนดไว้หรือไม่ หากเกินก็ยังถือว่าเป็นยาเสพติด แต่ถ้าไม่เกินก็ถือเป็นสมุนไพรทั่วไป สามารถผลิตเป็นยา อาหารเสริม หรือเป็นเครื่องสำอางได้ จึงเป็นโอกาสที่ดีให้กับโรงงานสกัดที่นำสารสกัดเหล่านี้มาผลิตเป็นวัตถุดิบขายให้กับโรงงานผลิตต่างๆ ได้ต่อไป

Advertisement

ทั้งนี้ เมื่อกัญชาและกัญชง ถูกปลดจากการเป็นสารเสพติดประเภทที่ 5แล้วต่อไปจะขอขึ้นทะเบียนได้ง่ายมากขึ้น ส่วนโรงงานสกัดที่จะนำสารสกัดไปใช้จะต้องไปขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) โดยจะต้องนำใบรับรองต่างๆ รวมถึงใบวิเคราะห์สารสกัด เพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ไปได้ คาดว่าจะได้เห็นการเติบโตของผลิตภัณฑ์ หรือสารสกัดที่มาจากกัญชาและกัญชง ได้ในช่วงปลายปี 2565 นี้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคได้มากขึ้น และนำไปสู่การส่งออกผลิตภัณฑ์แข่งขันกับต่างประเทศต่อไป

อย่างไรก็ดี การที่ไทยเพิ่งเตรียมปลดล็อกกัญชาและกัญชง ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ไม่ถือว่าช้าไป ต่างชาติมองไทยเซ็กซี่ด้วยซ้ำ เพราะต่างประเทศให้ความสนใจกับเรื่องกัญชาและกัญชงเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันห่วงโซ่อุปทานของต่างประเทศค่อนข้างมีปัญหา อาทิ ผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลต่อเรื่องการขนส่งและซัพพลายเชนค่อนข้างมีปัญหา ขณะที่ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาเหล่านั้น จึงทำให้ไทยมีโอกาสสูง อีกทั้งคนไทยก็ปลูกกัญชาและกัญชงเก่ง ดังนั้น จึงมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และสิ่งที่ไทยมีดีอีกอย่างคือภูมิปัญญาเรื่องแพทย์แผนไทย ถ้าเรานำแพทย์แผนไทยไปผสมกับสารสกัดต่างๆ คิดว่าจะมีหลายประเทศสนใจผลิตภัณฑ์ของไทยค่อนข้างเยอะ โดยกลุ่มประเทศแรกที่เราต้องการเจาะตลาดคือประเทศที่ยอมรับ และมีความต้องการกัญชาและกัญชง เช่น ยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐ เป็นต้น

นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้ปลูกส่วนใหญ่จะเน้นน้ำดอกกัญชาและกัญชง มาส่งโรงงาน ทำให้ต่อไป ใบ กิ่ง ก้าน และราก จะล้นตลาด จึงอยากเสนอให้นักวิจัย หรือผู้ประกอบการ มองเห็นถึงความสำคัญของใบ กิ่ง ก้าน และรากด้วย เพราะนอกจากการนำดอกมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ แล้ว พวกใบ กิ่ง ก้าน และราก ยังนำมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ได้ เนื่องจากไก่ สุกร หรือวัว ต่างมีความเครียด หากนำวัตถุดิบเหล่านี้มาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์จะช่วยให้สัตว์กินได้เยอะขึ้น เครียดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลผลิตในระยะยาวด้วย จึงอยากสนับสนุนให้นักวิจัย หรือผู้ประกอบการ ให้ความสนใจในส่วนนี้เพราะหากมีนักวิจัยนำใบ กิ่ง ก้าน และราก ของกัญชา และกัญชง ไปวิจัยและเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมา จะช่วยเพิ่มมูลค่าของกัญชาและกัญชงได้อย่างมหาศาลอีกด้วย

ส่วนมูลค่าทางตลาดของกัญชาในสหรัฐ จากข้อมูลของ The Global Competitiveness Report คาดการณ์ว่าในปี 2567 กัญชาจะมีมูลค่าทางตลาดมากกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าตลาดของกัญชง ข้อมูลจาก Alliance market research คาดว่าในปี 2570 มูลค่าตลาดกัญชง จะอยู่ที่ประมาณ 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่มูลค่าตลาดของกัญชาและกัญชงในประเทศไทย ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา พืชทั้ง 2 ชนิด มีมูลค่าอยู่ที่ 600 ล้านบาท แต่คาดว่าในปี 2568 มูลค่าจะเพิ่มเป็น 15,770 ล้านบาท เพราะความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศมีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปกัญชาและกัญชง จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาเที่ยวในไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินให้กับประเทศได้เพิ่มขึ้นต่อไป

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร
เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

งานของทาง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นงานที่ให้ความรู้กับประชาชน ให้ประชาชนใช้กัญชาในการดูแลตนเองได้ ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาด และเรื่องสงคราม ยิ่งตระหนักว่าต้องมีความมั่นคงเรื่องยา คือยาที่ประชาชนสามารถหยิบฉวยมาใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะกัญชา ตอบโจทย์ที่สำคัญในอาการปวดเมื่อย นอนไม่หลับ หากประชาชนพึ่งตนเองได้ เรียกว่าคงเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนระดับหนึ่ง โดยเฉพาะประชาชนอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล ถึงแม้จะมาโรงพยาบาลจะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ไม่รวมถึงค่าอาหาร ค่าเดินทาง อันนี้ไม่รวมถึงผู้ป่วยในระยะสุดท้ายก็ยิ่งมีความจำเป็น

การที่ปลดล็อกกัญชา จะทำให้ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงจะปลูก-เข้าถึงนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายๆ มิติ ทั้งในเรื่อง การใช้ทำอาหาร ใช้เป็นยาทั้งยาคน-ยาสัตว์ ใช้เป็นเครื่องสำอาง ก็จะทำให้ประชาชนได้ฟื้นฟู สิ่งที่มีอยู่ในสังคมไทย สังคมไทยใช้ประโยชน์จากกัญชา ตั้งแต่ดอก ดอกก็มีสารเมาเป็นสิ่งนันทนาการ คล้ายเหล้า บุหรี่ เราเองไม่ได้ส่งเสริม แต่ให้เห็นว่าในอดีตเราเคยมีประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกับกัญชามายาวนาน รู้ว่าจะใช้อย่างไร อะไรทำให้เมา อะไรทำให้ไม่เมา อย่างกรณีดอกใช้สูบ ไม่ใช้ทำกับข้าว แต่จะใช้เล็กน้อยในแกงเขียวหวาน เราใช้ใบ กิ่ง ก้าน เป็นเครื่องปรุงรสในน้ำซุป ไม่ได้เสพจนเมากันทั้งเมือง

ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ จึงเป็นอะไรที่ประชาชนรอ! ไม่ได้รอกัญชา เพื่อรอสูบ รอเสพติด แต่รอเพื่อในการได้ใช้ประโยชน์จากสมุนไพรตัวหนึ่งทำอย่างไรให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากสมุนไพร กัญชา ตัวนี้ได้อย่างถูกต้อง กัญชาเป็นพืชสมุนไพรที่มีความสามารถสร้างสารเคมีได้แรง ก็อาจจะส่งกระทบเหมือนกันหากใช้ไม่เป็น

เราจะใช้เป็นเหมือนกับปู่ ย่า ตายาย ที่เคยอยู่กัน อีกทั้งร่องรอยของภูมิปัญญาดั้งเดิม ข้อมูลความรู้องค์ความรู้สมัยใหม่ เราก็จะทำหน้าที่ทำอย่างไรให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากกัญชา อย่างปลอดภัยอย่างเหมาะสม เตรียมการให้กัญชาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไว้รองรับสภาวะวิกฤต อย่างเช่น ใช้ฟ้าทะลายโจรในช่วงวิกฤตโควิด-19 กัญชาจะเป็นสมุนไพรตัวหนึ่ง ต้องเตรียมพร้อมให้ประชาชนใช้ให้เป็น

ขณะเดียวกันก็จะต้องเตรียมเป็นตำรับกัญชา ให้มีการใช้ในส่วนต่างๆ ใน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีการศึกษาวิจัยเก็บข้อมูลเพื่อให้กัญชาเป็นยาอันหนึ่งใช้ได้ ทั้งยาหมอแผนไทย และยาหมอแผนปัจจุบัน รพ.เราเป็นเหมือนสถานที่ ที่จะเกิดภาคปฏิบัติของกัญชาใช้ได้จริงกับประชาชนได้จริงในการสร้างความเชื่อมั่นขึ้นเรื่อยๆ

ในส่วนทางมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็ต้องพัฒนาศักยภาพ จะต้องแข่งขันกับตลาดโลก รากต้องหยั่งลึก มีฐานข้อมูล โชคดีที่ประชาชนเคยมีการใช้มายาวนาน อาจขาดช่วงไปบ้างแต่พอตามร่องรอยได้ นำกัญชามาใช้ในการแข่งขันกับในตลาดโลก พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์-บริการต่างๆ โดดเด่นเป็นสง่าสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ประชาชนนำมาปรุงอาหารอย่างปลอดภัย มีความรู้ความเข้าใจ

ทั้งนี้ต้องผลักดันการใช้กัญชา ต้องมีการปลูก-ใช้ อย่างเสรีอย่างเข้าใจ เพราะว่าความกลัวที่จะเกิดนำไปใช้ทางที่ผิด หรือยาเสพติด เฉกเช่นปรากฏการณ์กระท่อม ไม่ใช่ว่าเปิดเสรีกระท่อม และกระท่อมเต็มเมืองคนเสพติดทั้งเมืองเป็นต้น กัญชาก็เช่นกัน เป็นพืชที่มีอยู่แล้วในบ้านเมือง การที่ผู้คนปลูกกัญชาได้ ไม่ได้เป็นการสร้างความเชื่อผิดๆ ไม่มีแรงจูงใจ เห็นว่ากัญชาต้องเฝ้าระวังยาเสพติดเพื่อศึกษา ถ้าจะติดมีมุมที่เขาจะติดอยู่แล้ว

ฉะนั้นหลัง 9 มิถุนายนนี้ จะเป็นมิติใหม่อีกอย่างหนึ่ง ที่ประเมินแล้วว่าระหว่างสิ่งจะได้จากกัญชาเสรี มันจะทลายกำแพงบางอย่าง เช่น แต่ก่อนการขอปลูกยาก-นาน การลงทุนมหาศาล ชาวบ้านได้ประโยชน์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร สามารถใช้ศักยภาพที่มีในการพัฒนา เราเองมีหน้าที่ให้ความรู้ สอน-ฝึกอบรม พัฒนาสู่ยา สู่การแข่งขัน เป็นหน้าที่ของทาง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้นำร่องสมุนไพรกัญชาให้เกิดขึ้น

วาทิช ธนาวรัทนนท์
กรรมการผู้จัดการ ฟาร์ม โกลเด้นลีฟ ศรีราชา

หากวันที่ 9 มิถุนายน มีการปลดล็อกกัญชาจริง ก็จะทำให้ประชาชนได้มีโอกาสสัมผัสกัญชาได้ที่บ้าน และลองใช้ในการรักษาตัวเองหรือนำมาปรุงอาหารรับประทาน แต่ห้ามจำหน่ายแจกจ่าย เพราะผิดกฎหมาย การปลูกกัญชาเพื่อรักษาตัวเอง ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด อาทิ ทำเป็นน้ำชา นำมาปรุงอาหารรับประทาน ซึ่งรัฐบาลกำลังเกรงในเรื่องการใช้กัญชาไม่ถูกวิธีมากกว่า โดยสารที่ทำให้เกิดความมึนเมา จะควบคุมไม่ได้มากกว่า เพราะสาร THC ที่เกี่ยวข้องเพราะทำให้เกิดอาการมึนเมา หากใช้เกินอาจทำให้เกิดโทษได้ อาทิ นำไปใส่คุกกี้ เยลลี่เมื่อรับประทานมากๆ อาจทำให้หลับได้ หากนำมาใช้ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าใช้ปริมาณที่เหมาะสมก็รักษาโรคต่างๆ ได้ อาทิ โรคเกาต์ โรคพาร์กินสัน

ในส่วนการออกกฎหมายมาควบคุมกัญชา อยากให้ออกให้เร็วที่สุดเพราะไม่ทันปลดล็อกจะทำให้เกิดสุญญากาศ ทำให้หลายคนไม่รู้แนวทางปฏิบัติ และไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี แม้กระทั่งฟาร์มกัญชาของผมนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน พระราชกำหนดเกี่ยวกับกัญชาก็ยังไม่ออก กฎกระทรวงก็ยกเลิก ทำให้มีแต่การคาดเดาทั้งนั้น หากจะลงทุนอะไรกับกัญชาในเชิงธุรกิจ ควรรอดูทิศทางให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่าเพื่อลดความเสี่ยง หากลงทุนไปแล้ว หากกฎหมายไม่เป็นไปตามที่ลงทุนไป อาจจะเกิดความเสียหายได้

ส่วนการร้องศาลปกครองไม่อยากให้ปลดล็อกกัญชา ในเรื่องนี้อาจจะเป็นการมอง 2 มุม การที่ร้องศาลปกครองอาจจะมองว่า หากไม่มี พ.ร.บ.ควบคุม อาจจะเกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย อีกมุมหนึ่งก็มองว่ากัญชาเป็นราชาสมุนไพร มีแต่คุณไม่มีโทษ ไม่จำเป็นจะต้องออกกฎหมายก็ได้ ช่วงนี้ก็ต้องรอเวลา หากวันที่ 8 มิถุนายน ศาลปกครองไม่มีคำสั่งใดๆ คิดว่าการปลูกกัญชาจะเดินหน้าต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image