วราวุธแม่ทัพใหม่‘ชทพ.’ ทวงคืน ส.ส.พื้นที่เก่า-ล่า 30 เก้าอี้
หมายเหตุ – นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดใจกรณีรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หลังที่ประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2565 พรรค ชทพ. มีมติคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่พรรคชาติไทยมาถึงพรรค ชทพ.เราทำงานกันมา 48 ปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมือง ปีนี้ผมอายุ 49 ปี เรียกว่าเติบโตเคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคตั้งแต่พรรคชาติไทยมา สิ่งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีทำมา การลงไปรับฟังความเดือดร้อนประชาชน ไม่มีใครสงสัยคนชื่อบรรหาร เพราะรับฟัง ทำจริง แก้ปัญหาจริงซึ่งเป็นค่านิยมที่เราให้ความสำคัญและปฏิบัติมาถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ นายบรรหารดูแลสมาชิกทุกคน โดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรค ดูแลเหมือนครอบครัวตัวเอง อบอุ่น จริงใจ จะดุและให้กำลังใจเหมือนกับคนในครอบครัว เป็นสิ่งที่ทำให้ ส.ส.มีกำลังกายและกำลังใจในการจะออกทำงานให้กับประชาชน นายบรรหารให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เพราะการดูแลครอบครัวให้อบอุ่นนั้น ท้ายที่สุดคนในครอบครัวจะเป็นคนที่มีคุณภาพสังคม เช่นเดียวกัน ถ้าพรรคอบอุ่นจะทำให้ ส.ส.เป็นบุคลากรที่สำคัญของประเทศชาติ เป็นแนวปฏิบัติที่ถ่ายทอดมาถึงทุกวันนี้ และยังจะสืบสานปณิธานนี้ต่อไป
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านตั้งแต่พรรคชาติไทยจนถึง พรรค ชทพ. พรรคไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง บางคนอาจจะบอกว่านี่ไงพูดไม่ขาดคำเปลี่ยนจากพี่สาวมาเป็นน้องชาย แต่อยากให้ดูว่าก่อนศิลปอาชาเป็นตระกูลอะไรพรรคชาติไทย พรรค ชทพ.แต่ละช่วงเวลาจะมีบ้านใหญ่ดูแล ก่อนนายบรรหาร มี พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มาวันนี้เป็นศิลปอาชา ในอนาคตจะเป็นของใครเราตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ พรรค ชทพ.ไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เราทำงานด้วยเหตุผล รับฟังทุกฝ่าย ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เคยมีใครและไม่มีคนไหนจะมาครอบคลุมบงการการทำงานของ ชทพ.ได้
การเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะรับฟัง และทำจริงไม่ได้โม้ไปวันๆ เพราะต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรค ส.ส.และกรรมการบริหาร เพื่อทำงานตอบสนองประชาชน ประเทศไทยเผชิญปัญหาที่ใหญ่กว่าน้ำท่วมและเศรษฐกิจคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่กระทบต่อชีวิตมนุษย์ ทั้งความเป็นอยู่ เศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น ต้องทำเพื่อให้ประชาชนดีขึ้น
ที่ผ่านมา พ่อบรรหารดุด่า สั่งสอนให้กับลูกชายคนนี้ วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่า พ่อบรรหารเตรียมไว้ให้กับลูกชาย เตรียมไว้ให้นายวราวุธในวันที่พ่อบรรหารไม่อยู่แล้ว ทำอย่างไรให้นายวราวุธได้ทำงานให้กับ ชทพ. และประเทศ แต่นายวราวุธคนนี้คงไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การจะเดินไปข้างหน้าได้จำเป็นต้องมีทีมงาน ชทพ. ต้องทำงานร่วมกัน เชื่อมั่น มีศรัทธาในการทำงาน เรามีความแข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกร้าว มีความอ่อนน้อม ไม่เคยมีปัญหากับใคร เราศรัทธาเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ไม่มีอะไรที่คนไทยทำไม่ได้ ร่วมมือทำงานด้วยกัน จึงจะเป็นจริงได้ เพื่อพัฒนาก้าวย่างต่อไป
ขณะนี้พรรคกำลังเร่งดำเนินการในหลายพื้นที่ หาตัวผู้สมัคร พร้อมทั้งกำชับผู้สมัครที่เปิดตัวไปแล้ว ทำงานให้รอบคอบในทุกๆ พื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ตามนโยบายรับฟังความจริง ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมาของพรรค ชทพ.ที่ร่วมรัฐบาล เป็นการทำงานที่ไม่หยุดนิ่งและทำงานอย่างเป็นรูปธรรม
ในการหาเสียงครั้งต่อไป ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ดำเนินการตามกรอบคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างเคร่งครัดในการดูแลประชาชนให้เต็มที่ ขณะนี้เกิดอุทกภัยหลายพื้นที่การช่วยเหลือประชาชนต้องระมัดระวัง รวมทั้งผม และนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทำงานอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้
การทำนโยบายต้องให้ตอบโจทย์ที่จะนำพาให้พรรคเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก และความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ประเทศไทยต้องยืนอยู่บนขาของตัวเอง และทำให้ประชาชนทุกระดับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่ชาวนา รวมไปถึงนักธุรกิจแต่ละพื้นที่ยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองได้ และจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยของเราเดินไปข้างหน้าใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด ทำให้เงินในกระเป๋ามีเพิ่มมากขึ้น
⦁ที่มีขยายกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จาก 29 คน เป็น 39 คน เพื่อรองรับขนาดของพรรค ชทพ.ที่จะใหญ่ขึ้น
ที่ผ่านมาพรรค ชทพ.เป็นพรรคขนาดกลางถึงขนาดเล็ก ไม่ว่าเราจะเป็นพรรคขนาดกลางเสมอไป จากนี้ไปก้าวใหม่ของพรรค ชทพ.เราจะไปทวงคืนพื้นที่ในหลายพื้นที่ที่พรรคชาติไทยเคยปักธงเอาไว้ และจะทำให้พรรค ชทพ.เติบโต มั่นคง ช้าๆ แต่ได้พร้าเล่มงาม ส่วนเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค ชทพ.ตั้งเป้าไม่เกิน 25-30 ที่นั่ง วันนี้พรรค ชทพ.มี 12 ที่นั่ง ถ้าเราโตเร็วเกินไปมันจะเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เราไม่สามารถบริหารจัดการดูแล ส.ส.ได้อย่างเต็มที่ จึงมั่นใจว่าเราสามารถทำได้
⦁พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกฯ จะส่งผลกระทบต่อพรรค ชทพ.
ในวันที่ 6 ตุลาคม จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อหารือกันอีกครั้ง ส่วนจุดยืนของพรรค ชทพ.หลังเลือกตั้งจะจับมือกับใครนั้น เมื่อทุกฝ่ายผ่านการเลือกตั้งเข้ามาแล้ว หากมาบอกว่าฝ่ายนั้นฝ่ายนี้คงจะเร็วไปที่จะตัดสิน ท้ายที่สุดแล้วการจัดตั้งรัฐบาลล้วนแล้วเป็นสมการบวกเลขกัน ถึงตอนนี้ต้องมาดูหลังการเลือกตั้งก่อนว่าเป็นอย่างไร
คะแนนเสียงทุกคะแนนเสียงมีค่า ฉะนั้นพรรค ชทพ.จะบอกว่าเอากลุ่มนั้นกลุ่มนี้เป็นพิเศษดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติจนเกินไป ผมคิดว่าการทำงานของพรรค ชทพ.จากนี้จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้ทุกกลุ่มท่านใดมีศักยภาพทำงานร่วมกัน เพื่อให้พรรค ชทพ.มีความมั่นคง คงไม่มีพรรคไหนให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าว่ารอบหน้าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือไปถามนักการกีฬาว่าจะเป็นที่สามที่สี่ คงอยากได้เป็นที่หนึ่งกันหมด
⦁กรณีที่มีคลิปไวรัลกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ผู้ว่าฯกทม. ตอบคำถามสื่อมวลชนเป็นภาษาอังกฤษในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม. จนเป็นที่ชื่นชอบในโลกออนไลน์นั้น
คลิปที่เกิดขึ้นผมและนายชัชชาติ ต้องขอขอบคุณที่ให้เกียรติทำงานร่วมกับ กทม. ไม่เคยคิดว่าจะออกเป็นกระแสไวรัล แต่หัวใจสำคัญที่พวกเราทำงานเอาเครื่องมืออุปกรณ์ไปช่วยประชาชนใน กทม. หาก กทม.ขัดสนอะไร เราก็ยินดีสนับสนุน และก็ถือว่าเป็นโบนัสที่ประชาชนให้ความสนใจกับการทำงานของผม และเน้นที่การทำงานมากกว่า
⦁กระแสการเปรียบเทียบความนิยมของพรรค ชทพ.รุ่นนี้
ความนิยมไม่สามารถส่งผ่านกันได้ คนที่ชื่อบรรหาร ศิลปอาชา ทำงานตั้งแต่ปี 2475-2559 แต่คนที่ชื่อวราวุธทำงานมา 3 ปี เพราะฉะนั้น การทำงานของพรรคการเมือง และเส้นทางการเมืองไม่สามารถเร่งอะไรได้ สำคัญที่สุดคือความนิยมและบารมี ก็ส่งต่อกันไม่ได้ เพราะอยู่ที่ตัวของตัวเอง และคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าจะเร่งสร้างศรัทธาและสร้างผลงานให้ถูกใจประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนมากกว่า เอาผลงานเป็นตัวชี้วัด
⦁ประเมินกระแสคนรุ่นใหม่ของตัวเอง จะสู้กระแสคนรุ่นใหม่พรรคอื่นได้หรือไม่
ผมคิดว่าการทำงาน 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้อาจจะไม่เก่งกว่า แต่คิดว่าผมไม่แพ้ใครเหมือนกัน
