สำรวจทิศทางการเมือง ห้วงเปิดสภาสมัยสุดท้าย

หมายเหตุเป็นความเห็นนักวิชาการประเมินทิศทางและสถานการณ์ในช่วงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสุดท้าย ที่จะหมดวาระในต้นปีหน้า เพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งทั่วไป

โอฬาร ถิ่นบางเตียว
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

การประชุมสภาสมัยสุดท้ายจะเป็นการประชุมความได้เปรียบระหว่างพรรคฝ่ายค้านกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะการผ่านกฎหมายสำคัญๆ การให้ผ่านและไม่ให้ผ่านกฎหมาย แต่เกมการเมืองที่สำคัญไปอยู่ที่การเลือกตั้ง จึงมีความจำเป็นจะต้องช่วงชิงความได้เปรียบ เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการหาเสียง โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญคือ พ.ร.บ.กัญชา หรือ พ.ร.บ.สุราเสรี ถือว่าเป็นกฎหมายที่น่าจับตามอง เพราะมีความได้เปรียบเสียเปรียบในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า

ขณะนี้ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว กลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปแล้ว เนื่องจากไม่ได้ตั้งประเด็นในเรื่องของสาธารณะที่จะทำให้กฎหมายเป็นประโยชน์กับประชาชน ตามจุดมุ่งหมายของนโยบาย แต่กลายเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบ เพื่อหวังผลในการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

Advertisement

หากแยกกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ในส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ถ้าไม่ผ่าน จะทำให้พรรคภูมิใจไทยเสียเปรียบในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า จะไปสื่อสารหรือสร้างนโยบายค่อนข้างยาก แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นผู้เริ่มต้นในเรื่องนโยบาย แต่พอมาถึงโค้งสุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย ทำให้มีข้อจำกัดในการหาเสียง ที่สำคัญอาจจะเกิดความไม่พอใจในการร่วมรัฐบาลสมัยหน้า โดยเฉพาะพรรคที่ยกมือในการล้มร่าง พ.ร.บ.กัญชา สมมุติว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย คิดว่าการต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาลหน้าจะกลายเป็นเงื่อนไข หากทั้ง 2 พรรคร่วมมือกันคว่ำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ซึ่งจะส่งผลต่อท่าทีในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า

ส่วนร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ถ้าไม่ผ่าน จะทำให้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่า รัฐบาลไม่เอาด้วย เพราะดูจากการสื่อสารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งสัญญาณว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่น่าจะเอาด้วย เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนที่มีอิทธิพลในการหนุนหลังพรรคการเมืองทั้งหมด จะทำให้พรรคก้าวไกลนำไปสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับนโยบายในการหาเสียง และสื่อสารทางการเมืองกับประชาชน และอาจจะมีผลต่อจำนวน ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีบทบาทมากขึ้นแม้จะเป็นฝ่ายค้านก็ตาม

สำหรับเคมเปญช่วงสุดท้ายของรัฐบาลก่อนหมดวาระ หากมองแต่ละพรรคจะพบว่า พรรคพลังประชารัฐจะต้องมองท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือจะไปพรรครวมไทยสร้างชาติ หากอยู่พรรคพลังประชารัฐจะเกิดความแตกแยกมากขึ้น เพราะกระทบทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ตามโครงสร้างหลักในขณะนี้ ทำให้นักเลือกตั้งประจำจังหวัดหาเสียงยากขึ้น เพราะข้างบนยังไม่สงสัญญาณ

Advertisement

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์หากดูกระแสในช่วงนี้ไม่ใช่เลือดไหลแล้ว ตับ ไต หัวใจไปหมดแล้ว เหลือแต่น้ำเหลืองและมะเร็ง การเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้าได้แค่ไหนก็ต้องยอมรับว่า ทั้งหมดเป็นความล้มเหลวในการวางยุทธศาสตร์ของกรรมการบริหารพรรคที่ผ่านมา

ธเนศวร์ เจริญเมือง
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ประเมินสถานการณ์การประชุมสภาสมัยสุดท้าย ก่อนรัฐบาลครบวาระมีนาคมปีหน้า ภาพรวมพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต้องชิงไหวชิงพริบการพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญ คือ กัญชา และสุราก้าวหน้า หรือสุราพื้นบ้าน ที่สภาได้ผ่านการพิจารณาวาระที่ 1 แล้ว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว มีผลต่อการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่เสนอร่างกฎหมายกัญชา และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เสนอร่างสุราก้าวหน้า ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ตอบรับกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเป็นทางเลือกประกอบอาชีพ และเพิ่มรายได้ชุมชน โดยนำวัตถุดิบใน

ท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญสามารถฟื้นเศรษฐกิจฐานรากให้กลับมาเข้มแข็ง และคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น

การประชุมสภาสมัยสุดท้าย ฝ่ายค้านต้องอภิปรายเรื่องสำคัญ ที่ประชาชนสนใจติดตามเป็นพิเศษ กรณีคณะรัฐมนตรีมีมติให้ต่างชาติสามารถใช้เงินลงทุน 40 ล้านบาท ซื้อที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ เพื่อส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ต่างชาติ

สามารถกว้านซื้อที่ดินจากคนไทยได้ง่าย ส่งผลให้ที่ดินแพงขึ้น ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ยากจน ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง อาจไม่สามารถกลับมาซื้อที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย หรือเป็นที่ดินทำกินในอนาคตได้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ฝ่ายค้าน ต้องอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญ ปี’60 โดยเฉพาะที่มาของนายกรัฐมนตรี และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คนที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้มาจากประชาชน อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเสนอชื่อของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และได้เป็นนายกฯ 8 ปี จากเสียงข้างมาก ส.ว. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจนิยม หรือเผด็จการซ่อนรูป ที่มาจากเศษเสี้ยวประชาธิปไตยเท่านั้น รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มระดับความรุนแรง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายและอาวุธปืน เพื่อป้องกันการก่อเหตุยิงกราดผู้บริสุทธิ์ สร้างความสะเทือนใจประชาชน และการจับกุมเด็ก เยาวชน ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง โดยจับขังไว้ก่อน ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของศาล เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงการปราบปรามอย่างรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจเลือก ส.ส.สมัยหน้า ก่อนนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในอนาคต

ในขณะที่รัฐบาลต้องปรับกลยุทธ์การเมืองและการหาเสียงใหม่ อาจชูนโยบายเป็นรัฐสวัสดิการ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้มั่นคง แข็งแรงมากขึ้น พร้อมสนับสนุนร่างกฎหมายกัญชา และสุราพื้นบ้าน โดยไม่คว่ำกฎหมายดังกล่าวเพื่อประโยชน์นายทุนหรือผู้ผลิตรายใหญ่เท่านั้น ส่วน พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาจใช้กลยุทธ์วิชาตัวเบา

ไม่ตอบคำถามเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชน ซึ่งสังเกตจาก พล.อ.ประยุทธ์ หลายครั้งพยายามหลีกเลี่ยงคำตอบ และถนัดเดินหนี เพราะไม่ต้องการให้เป็นกระแส หรือส่งผลกระทบต่อรัฐบาลมากขึ้น

ถ้ารัฐบาลสนับสนุนร่างกฎหมายกัญชา และร่างกฎหมายสุราพื้นบ้าน อาจลบรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านได้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์และโอกาสจากกฎหมายดังกล่าว หากสภาลงมติคว่ำกฎหมายที่เสนอจากพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน อาจส่งผลให้รัฐบาลพ่ายแพ้เลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้าได้ เพราะเกิดปฏิกิริยาแรงสะท้อนกลับ นำไปสู่จุดจบรัฐบาลได้ จากการพิพากษาของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากไม่ตอบสนอง หรือตอบโจทย์ประชาชนส่วนใหญ่

ฐิติพล ภักดีวานิช
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

การเมืองช่วงประชุมสภาสมัยสุดท้าย จากการอภิปรายที่ผ่านมาโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลทำหน้าที่ได้ดีและมีประสิทธิภาพ ในการนำข้อมูลหลายประเด็นมาให้สังคมได้รับรู้ในเรื่องต่างๆ ซึ่งคิดว่าคงไม่ได้มองในรอบสุดท้ายเท่านั้น เพราะเมื่อไปดูการประชุมสภาที่ผ่านมาตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้ มีการให้ข้อมูลต่อสาธารณะที่เป็นเรื่องนี้น่าจะส่งผลดีต่อการเลือกตั้งของพรรคฝ่ายค้าน เช่น เรื่องของมาตรการที่ใช้งบประมาณในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เพื่อสร้างคะแนนนิยมรัฐบาล สิ่งพวกนี้ถ้าดูในการศึกษาการเมืองหลายๆ ประเทศ เป็นแค่ช่วงการเมืองก่อนการเลือกตั้งที่รัฐบาลจะใช้งบประมาณในการหาเสียง แน่นอนว่าไม่ยุติธรรมกับพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคที่ได้งบประมาณน้อยในเชิงพื้นที่ ส่วนตัวมองว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น

ถ้ามองการทำงานของพรรคก้าวไกลมีความโดดเด่นและชัดเจนกว่าในแง่ของการอภิปราย เห็นความชัดเจนของอุดมการณ์ทางการเมืองด้วย และพรรคก้าวไกลก็ประกาศจุดยืนชัดเจน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สังคมตั้งคำถามมานาน อาทิ เรื่องเกณฑ์ทหาร เพราะฉะนั้นคิดว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านทำในเชิงการหาเสียง น่าจะมีผลมากกว่าการเปิดอภิปรายที่กำลังจะถึง

ขณะที่การตั้งรับของรัฐบาลควรที่จะโปร่งใส ตรงไปตรงมา แต่อย่างที่เห็นอยู่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาทุจริตหรือผลประโยชน์ซับซ้อน ทั้งที่เคยพูดไว้ว่าจะเข้ามาแก้ปัญหา แต่กลับมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรต่างๆ มากมาย ซึ่งเรื่องประเภทนี้รัฐบาลควรจะดำเนินการ และตอบปัญหาสังคมให้ได้ แต่คิดว่าคงไม่น่าจะเห็นอะไรมากมาย เพราะเวลามีการตั้งคำถามบุคคลที่ใกล้ชิด เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเอง หรือใครที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยถูกตอบเลย ประเด็นเหล่านี้ยังเป็นข้อกังขาต่อสังคมและยังคงถูกตั้งคำถาม ตรงนี้เป็นประเด็นที่รัฐบาลควรจะต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง

ส่วนกรณีร่าง พ.ร.บ.กัญชาที่ดูเหมือนมีความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล คิดว่าสุดท้ายไม่น่าจะมีปัญหามาก และน่าไม่น่าจะเป็นประเด็นนำไปสู่การยุบสภาขึ้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องการเวลาในการหาเสียงอยู่ เพราะฉะนั้นการยุบสภาไม่น่าจะเป็นทางเลือกของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ผ่านมาก็ได้เห็นการเจรจาต่อรองแต่ในที่สุดไม่เห็นมีการแตกหัก เพราะสุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องใช้ประโยชน์ในช่วงเวลานี้ในการนำงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาหาเสียงในพื้นที่มากกว่าที่จะแตกหักกัน จึงไม่มีประเด็นในการนำสู่การให้เร่งยุบสภา หรือเร่งให้มีการเลือกตั้ง

ส่วนเรื่องที่ฝ่ายค้านเตรียมเสนอญัตติด่วน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน กรณีเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู เรื่องนี้หลายประเด็นเป็นปัญหาอยู่แล้ว ในเรื่องความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน การที่ฝ่ายค้านยื่นประเด็นเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่น่านำไปสู่การสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาก็มีการกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อปี 2563 และสุดท้ายไม่ส่งผลอะไรต่อรัฐบาล แต่ประเด็นนี้อาจเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้คนได้เห็นความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลมากขึ้น

สุดท้ายมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลคงต้องการอยู่ร่วมรัฐบาลจนครบวาระ อาจจะมีเพียงแค่นำไปสู่การต่อรองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า นำไปสู่การแตกหักเพื่อยุบสภา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image