เปิดแผล ‘คอร์รัปชั่น’ สะเทือน’รบ.-เลือกตั้ง’

เปิดแผล ‘คอร์รัปชั่น’ สะเทือน ‘รบ.-เลือกตั้ง’ 

หมายเหตุ นักวิชาการวิเคราะห์ข้อมูลที่ฝ่ายค้านเปิดแผลคอร์รัปชั่นในประเด็นต่างๆ ในการอภิปราย ม.152 โดยไม่มีการลงมตินั้นจะส่งกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลและส่งผลกระเทือนต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งใหญ่อย่างไร

เอกชัย ไชยนุวัติ
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันที่ผ่านมา เป็นการอภิปรายทั่วไป แต่ไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 จึงเป็นในลักษณะการตั้งคำถามและมีข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะต้องมีการกล่าวหารัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนั้น จาก 2 วันที่ผ่านมา เท่าที่ฟังดูเห็นว่าพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคทำงานในการอภิปรายได้ดีมาก โดยมีทั้งการตั้งคำถามแรงๆ เช่น กรณีพรรคเพื่อไทยตั้งคำถามเรื่องเหตุกราดยิงโคราช พรรคก้าวไกลตั้งคำถามเรื่องตู้ห่าวและเรือหลวงสุโขทัย จริงอยู่แม้พรรคฝ่ายค้านจะไม่สามารถถามในลักษณะไม่ไว้วางใจได้ แต่การอภิปรายนั้นเป็นการอภิปรายเพื่อให้ประชาชนทุกคนสังคมโดยรวมได้ฟังและได้ตรึกตรองโดยเฉพาะอย่างยิ่งการครบอายุของสภานี้อีกไม่กี่เดือน จึงส่งผลกระทบแน่นอนต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะมีขึ้น

Advertisement

ส่วนการทำงานของฝ่ายค้านครั้งนี้เข้าเป้าหรือไม่ เรื่องนี้เข้าเป้า 100% เช่น นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.และโฆษกพรรคก้าวไกล อภิปรายเรื่องทุนจีนสีเทา หรือ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องทุนไทยสีเขียว ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย แต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นทำได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 สมัยประชุมเท่านั้น และเมื่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีตอบคำถามก็จะเห็นได้ว่ามีการตอบที่ตรงคำถามหรือไม่

สำหรับหมัดฮุกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ที่น่าจะแรงที่สุด คิดว่าการอภิปรายเรื่องการระบาดของยาเสพติดทำได้ดีมาก เพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมด คือ ส.ส.พื้นที่ ในขณะที่พรรคก้าวไกล เช่น นายรังสิมันต์อภิปรายเรื่องทุนจีนสีเทาก็ส่งผลกระทบแล้ว หรือกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่ม โดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ก็เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้ฟังข้อมูลจากการตรวจสอบว่าเหตุใดเรือรบหลวงถึงล่มได้ นอกจากนี้ น.ส.จิราพรได้อภิปรายความเกี่ยวพันที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย

ส่วนประเด็นที่นายรังสิมันต์อภิปรายในหัวข้อ “เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา” โดยกล่าวถึง ส.ว.ทรงเอ หรือ ส.ว. “อ.” ที่แต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลังการฟอกเงินค้ายาเสพติด ร่วมกับนายตุน มิน ลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา รวมถึง ส.ว. “อ.” ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับตึกที่ทำการของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วย เรื่องนี้ผมมองว่าพรรค รทสช.ต้องตอบคำถามให้ชัดว่าบุคคลท่านนี้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคมากน้อยเพียงใด และพรรคทราบหรือไม่ว่าข้อกล่าวหาที่เกี่ยวพันเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีแคนดิเดตคือนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน หรือ พล.อ.ประยุทธ์

Advertisement

สำหรับการตอบประเด็นข้อซักถามของ พล.อ.ประยุทธ์ บางเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบ เช่น ข้อซักถามของ น.ส.จิราพร สอบถามถึงความเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวข้อง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบ และบางเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ก็ตอบโต้พรรคฝ่ายค้านถึงเหตุการณ์ในอดีต ทั้งหมดนี้ต้องให้ประชาชนทุกท่านตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่าจะเลือกใครมาบริหารประเทศ นั่นคือการตัดเกรดพรรคการเมืองทุกพรรคได้ดีที่สุด

ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาชี้แจงประเด็นที่สมาชิกพรรคฝ่ายค้านอภิปราย กรณีพฤติกรรมของนายตู้ห่าว หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ และกล่าวตอนหนึ่งว่า อดีตรัฐมนตรีหลายคนก็มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่นติดคุกหลายคน ไปต่างประเทศก็มี แต่ตั้งแต่รัฐบาลปี 2557 ของตนยังไม่มีรัฐมนตรีติดคุกสักราย ประเด็นนี้ผมใช้คำว่าเป็นการตอบโต้พรรคฝ่ายค้านที่เคยเป็นรัฐบาลในอดีต คิดว่าประชาชนแยกแยะได้ว่าที่มาของการได้อำนาจของแต่ละรัฐบาลต่างกัน ก็ต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า

สำหรับการที่ พล.อ.ประยุทธ์พุ่งเป้าตอบโต้โดยกระทบไปยังพรรคเพื่อไทยเป็นความตั้งใจหรือไม่ เพื่อหวังผลการเลือกตั้งครั้งหน้า เรื่องนี้แน่นอน พรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก่อตั้งขึ้นในอดีต การตอบโต้พรรคเพื่อไทย ก็คือการตอบโต้นายทักษิณโดยตรง

ส่วนไฮไลต์สีสันในการอภิปรายครั้งนี้ อย่างเช่น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ก้มกราบสภาและประกาศลาออก เรื่องนี้ ส.ส.ทุกคนกลัวที่สุดคือสอบตก ดังนั้นทุกคนก็ต้องทำหน้าที่หรือทำให้เกิดภาพจำที่เกี่ยวกับท่านนั้น เช่น การก้มลงกราบของนายมงคลกิตติ์ ซึ่งไม่ได้ผิดข้อบังคับหรือกฎหมาย ก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่สังคมจดจำได้ นอกจากนี้ ภายหลังจากการอภิปรายมีกระแสการยุบสภาที่โหมขึ้นมาอีกครั้งในช่วงใกล้เลือกตั้งนี้ เรื่องนี้คิดว่าในเดือนมีนาคมน่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ ส.ส.ต่างๆ มีการย้ายพรรคได้สะดวกมากขึ้น ความจริงก็เป็นการได้เปรียบท่วงท่าทางการเมือง แต่จะย้ายไปพรรคไหนไม่สำคัญ ถ้าประชาชนไม่เลือก

ยอดพล เทพสิทธา
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

จากผลการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 หากถามว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านนั้นจะส่งผลสะเทือนอะไรหรือไม่ ถ้าตอบตรงๆ แบบโลกไม่สวยก็คือไม่มีผล เพราะมันเป็นกลไกหนึ่งในระบบรัฐสภาที่สุดท้ายแล้วพรรคฝ่ายรัฐบาลก็คุมเสียงข้างมากในสภาไว้ได้ แต่ผลที่กระทบนั้น ผมมองว่าฝ่ายค้านทำส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกร่วมของสังคมมากกว่าที่เป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงบางอย่าง คิดว่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง (ถ้ามี) มากกว่า ส่วนประเด็นที่มีการพูดว่าที่ทำการของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตั้งอยู่บนพื้นที่ของอดีต ส.ว.คนหนึ่งนั้น คิดว่าไม่กระทบอะไรกับฐานเสียงพรรค รทสช. เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าฐานเสียงของคนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงกลุ่มคนที่ก็สนับสนุน ส.ว.ด้วย ถ้ามองในแง่ทางการเมืองคือไม่มีอะไร แต่มองในแง่ของสิ่งที่เรียกว่าความเหมาะสมก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คือ ส.ว.ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองอันไปเช่าที่ดิน ใช้ประโยชน์จากที่ดินของ ส.ว. จึงต้องตั้งคำถามต่อไปว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน เพราะเราไม่ต้องการให้ ส.ว.มาเกี่ยวกับพรรคการเมือง

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากการเลือกตั้งปี 2562 ต้องถามว่ามีอะไรบ้างที่ชี้แจงแล้วเคลียร์บ้าง มีหลายครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์เองไม่ได้ชี้แจงแล้วเดินหนีไปเลย ผมไม่แน่ใจว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลพูดเรียกว่าการชี้แจงหรือไม่ แต่ผมคิดว่าฐานเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลก็จะมีกลุ่มของเขาตามโซเชียลมีเดีย ถึงแม้ว่าบางทีเราจะเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ชี้แจงอะไรเลยอาจจะเดินหนีด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีกองเชียร์ที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำถูกแล้วไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไรเหล่านี้ อย่างที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดว่า ฝ่ายค้านมีการอภิปรายแบบน้ำท่วมทุ่ง แต่จริงๆ คือมันจะท่วมทุ่งหรือไม่ท่วมทุ่งก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลหรือรัฐมนตรีมีหน้าที่ที่ต้องตอบและชี้แจงให้เคลียร์ บางทีมันไม่เคลียร์เลยทั้งเรื่องกลุ่มทุนหรือเรื่องที่ทำการพรรค แต่กลับเบี่ยงประเด็นว่าที่ทำการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ก็ไปเช่าที่ดินของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผมว่ามันไม่ใช่การชี้แจงที่ถูกต้อง ผมเห็น พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าฝ่ายค้านพูดเรื่องเดิมๆ มาแทบจะทุกครั้งที่มีการอภิปราย ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องถามนายกฯมากกว่าว่าชี้แจงได้เคลียร์ทุกเรื่องหรือเปล่า และเนื้อหาไม่ใช่ว่าเดิมๆ หรือไม่เดิม แต่อยู่ที่ว่าตอบคำถามได้เคลียร์หรือเปล่า ส่วนเนื้อหาจะเดือดหรือไม่เดือด ผมมองว่าฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลมาได้ค่อนข้างดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image