บทนำ : ยิ่งช้ายิ่งถ่วง

บทนำ : ยิ่งช้ายิ่งถ่วง 

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับนักลงทุนกว่า 80 กองทุนจากทั่วโลก ในที่ประชุมนักลงทุนสอบถามถึงสถานการณ์บ้านเมืองและนโยบายรัฐบาลชุดใหม่เป็นหลัก ซึ่งได้ชี้แจงว่าทางพรรคเพื่อไทยอยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุด โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อประเทศและเศรษฐกิจจะได้เดินไปข้างหน้าได้

นักลงทุนต่างชาติอยากให้มีรัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าจะมาลงทุนหรือไม่ เพราะปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งการลงทุนที่สำคัญ แต่ประเทศไทยยังมีคู่แข่ง ทั้งประเทศอินโดนีเซียกับเวียดนามที่อยากได้ต่างชาติตั้งโรงงานในประเทศเขา ประเทศไทยต้องระมัดระวัง ถ้าไม่รีบตั้งรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งหรือถ้าตั้งรัฐบาลช้าไป ประเทศเพื่อนบ้านจะมาแย่งการลงทุนไป ทำให้เศรษฐกิจเราไม่ดี

ก่อนหน้านี้ทีดีอาร์ไอ โดย น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการ TDRI Economic Intelligence Service (EIS) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประเมินผลว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2566 ขับเคลื่อนโดยการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก แต่ความเสี่ยงก็มีหลายปัจจัย ได้แก่ 1.การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แน่นอน หากตั้งช้ากว่าเดือนสิงหาคม เช่น ล่าช้าไป 1 เดือน จะกระทบต่อความมั่นใจ หากตั้งล่าช้าออกไปถึง 5-6 เดือน นักลงทุนจะตัดสินใจไปลงทุนในประเทศอื่น และ 2.หากการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อจะทำให้การจัดสรรงบประมาณปี 2567 ล่าช้า

Advertisement

ปัญหาการเมืองโดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้ากลายเป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจ เพราะนักลงทุนต่างรอคอยความแน่นอน ขณะที่การขัดขวางและต่อสู้ในการจัดตั้งรัฐบาลยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง เริ่มมีคำร้อง มีการตอบโต้ มีเอกสารที่ส่อพิรุธ และมีความพยายามจะไม่ยอมรับผลเลือกตั้งโดยใช้ผลจากกฎหมายมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งล้วนสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองให้เกิดขึ้น แม้ทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามกรอบเวลาของกฎหมาย แต่สถานการณ์ในขณะนี้ชี้ชัดว่ายิ่งตั้งรัฐบาลช้า ยิ่งเป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจและกระทบต่อการเติบโตของประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image