เอกชนห่วงการเมืองไม่นิ่ง กระทบเชื่อมั่น-การค้า-ลงทุน

‘เศรษฐกิจ’ติดหล่ม การเมืองคือทางออก

จุลนิตย์ วังวิวัฒน์
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่

การจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง มีส่วนสำคัญต่อภาพลักษณ์ประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติ เป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารประเทศและนโยบายรัฐบาล หากการเมืองนิ่ง รัฐบาลมีเสถียรภาพ ย่อมส่งผลดีต่อประเทศ พร้อมเรียกความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในประเทศและต่างชาติมากขึ้นตามลำดับ ที่สำคัญการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ เคยมีผลงานที่เป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ดังนั้น นอกจากบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีกำกับดูแลนโยบายแล้ว ต้องมีทีมงานมืออาชีพช่วยสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายไปสู่เป้าหมาย เพราะรัฐมนตรีเพียงคนเดียวทำอะไรไม่ได้ ต้องมีทีมงานจากภาครัฐและเอกชนสนับสนุน ทั้งมีแผนส่งเสริมการลงทุนโดยผ่านบีโอไอทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างไร มีสิทธิพิเศษจูงใจนักลงทุนต่างชาติมากน้อยแค่ไหน อาทิ การลดหย่อนภาษี มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน แหล่งสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่อง

ถ้าจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าไม่ส่งผลดีต่อการค้า การลงทุน เพราะต่างชาติรอดูการแถลงนโยบายทางเศรษฐกิจต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นไปทิศทางไหน ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยังทะเลาะแย่งตำแหน่งประธานสภา หรือรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบบรรยากาศการลงทุน สร้างความไม่มั่นใจนักลงทุนต่างชาติ อาจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ ส่งผลให้เสียโอกาสการฟื้นเศรษฐกิจ และการแข่งขันในเวทีโลกด้วย

Advertisement

ดังนั้น รัฐบาลใหม่ต้องขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน และ ส.ส.แบ่งเขต 400 เขต รวม 500 คน แล้วโดยเร็วที่สุด เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก่อนแถลงนโยบายต่อสภา เพื่อให้สาธารณชนรับทราบว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจอย่างไร ถ้าตั้งรัฐบาลและเปลี่ยนผ่าน หรือถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปยังรัฐบาลนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ล่าช้า อาจสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับนานาประเทศ

ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลและมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ควรเสร็จสิ้นภายในกรกฎาคมนี้ ไม่ใช่สิงหาคม เพราะดูล่าช้าเกินไป

ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังขึ้นอยู่กับการตั้งรัฐบาล และได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นสำคัญ ทั้งนี้ มีสัญญาณเป็นบวกว่าการอุปโภคบริโภคประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ น่าเห็นชัดในไตรมาสสุดท้าย หรือฤดูท่องเที่ยวเชียงใหม่และภาคเหนือ ที่มีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องอาศัยทิศทางนโยบายรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชาติ ไปสู่เศรษฐกิจระดับท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย

Advertisement

อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ยังต้องติดตาม แต่จากภาพรวมเชื่อว่าอาจไม่ดีนัก เพราะมีปัจจัยที่ต้องจับตาหลายเรื่อง อาทิ ภาคการส่งออกที่ลดลง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวการจะเข้ามาเที่ยวไทยก็ต้องจับตาภาคการเมืองว่าจะราบรื่นหรือมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะสถานการณ์การเมืองมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว ตลอดจนนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ กกต.ได้รับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน และจะมีความชัดเจนในการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรในไม่กี่วันข้างหน้า หากขั้นตอนเดินหน้าราบรื่นประเทศไทยก็จะได้รัฐบาลเร็วขึ้น เพราะการรับรองร่นระยะเวลาลง และแน่นอนว่ารัฐบาลจะเร่งเดินหน้าบริหารเศรษฐกิจ แก้ปัญหาหลายเรื่องที่รออยู่ โดยเฉพาะด้านค่าครองชีพ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากปัจจุบันที่ค่อนข้างชะงัก

แต่หากสุดท้ายสถานการณ์เปลี่ยนอย่างพลิกผัน ทั้งการเลือกนายกรัฐมนตรี หรือจำนวน ส.ส.ไม่ใช่ 312 เสียง จนขั้วอำนาจเก่ากลับมา ทุนใหญ่ยังครอบงำเหมือนเดิม เรื่องนี้น่าจะกังวลมาก อาจเกิดความวุ่นวายตามมา ต้องติดตามใกล้ชิด

ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)

ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2566 ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปภายใต้กรอบจีดีพี 3% มีการฟื้นตัวในบางเซ็กเตอร์ คือ ภาคการท่องเที่ยวและบางอุตสาหกรรมที่จะได้รับการอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตของโรงงานขนาดใหญ่จากประเทศจีนมายังประเทศไทย

โดยปีนี้จะมีภาคการท่องเที่ยวเป็นพระเอกขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ทดแทนภาคการส่งออกที่เริ่มแผ่ว ดูจากการเข้าพักในโรงแรมและเรตค่าห้องพักกระเตื้องขึ้นสูงมาก หลังเปิดประเทศและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ้าหากสายการบินมีความพร้อมมากกว่านี้ จะทำให้การท่องเที่ยวคึกคักมากกว่านี้ คาดว่าปลายปี 2566 เป็นช่วงไฮซีซั่นจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากยิ่งขึ้น เมื่อต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมาก จะส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในส่วนของตลาดต่างชาติกลับมา โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯและภูเก็ต ที่ฟื้นตัวชัดเจน ล่าสุดเริ่มมีเอเยนต์สิงคโปร์เข้ามาแล้ว หลังประเทศสิงคโปร์มีการจำกัดต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ ทำให้มีนักลงทุนในเอเชียเริ่มมองการซื้ออสังหาฯในไทย อย่างคอนโดมิเนียมของไซมิสที่พระราม 9 เฉพาะเดือนมิถุนายนเดือนเดียวมีต่างชาติมาซื้อถึง 20 ยูนิต มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 6 ล้านบาทต่อยูนิต โดยเป็นชาวสิงคโปร์เป็นหลัก

นอกจากนี้ จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นก็เป็นปัจจัยส่งผลต่อกำลังซื้อทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคฝืดเคือง เพราะคนไม่มีรายได้เพิ่ม และส่งผลต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยอดกู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน โดยเฉพาะกลุ่มระดับกลาง-ล่าง มียอดปฏิเสธสูงถึง 50% อย่างไรก็ตาม ถ้าหากรัฐบาลใหม่มีนโยบายอัดฉีดเม็ดเงิน เพิ่มรายได้ให้ประชาชน เช่น เพิ่มค่าแรงแบบเป็นขั้นบันได จะช่วยทำให้คนมีรายได้เพิ่มและเพิ่มกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลใหม่มีการสนับสนุนในภาคของอสังหาริมทรัพย์ เช่น ให้คนที่อยากมีบ้านกู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้ต่างชาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกตัวที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ทั้งนี้ทั้งนั้นเศรษฐกิจของไทยในปี 2566 จะดีหรือไม่ดีอยู่ที่สถานการณ์การเมืองด้วยเช่นกัน เพราะจากความไม่แน่นอน เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนและภาคเอกชนมีข้อกังวล โดยเอกชนเองต้องการความชัดเจน ความแน่นอน หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลมาจากขั้วไหน ขอให้ยอมรับกติกา และคนที่ได้คะแนนมากบริหารประเทศไป ไม่พอใจ ครั้งต่อไปอย่าเลือกอีก ไม่อยากเห็นการชุมนุมหรือดึงคนมาลงถนน เพราะเราไม่อยากกลับไปสู่
วังวนเดิมๆ อีก

สิ่งที่เป็นข้อกังวลในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คือด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด อยากให้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามานั้น เข้าใจเศรษฐกิจ ดูแลเศรษฐกิจได้จริงๆ ซึ่งเชื่อว่าพรรคการเมืองชนะการเลือกตั้ง น่าจะมีความรู้ ความสามารถผลักดันนโยบายการบริหารที่นักลงทุนต่างชาติยอมรับ น่าจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น ยิ่งหากไม่มีการชุมนุม ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา จะทำให้การลงทุนจะกลับมายังประเทศไทย และทำให้เศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ดีขึ้น ทุกอย่างต้องใจเย็น อย่าใจร้อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image