ผ่า 4 สูตรตั้งรัฐบาล เลือกตั้งจบ-แต่เกมไม่จบ

หมายเหตุความเห็นนักวิชาการประเมินความเป็นไปได้ของสูตรการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้ 8 พรรคที่รวมกันทำเอ็มโอยูมีเสียงเพียง 312 ไม่เพียงพอสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ทำให้โอกาสยังเปิดกว้าง

ยุทธพร อิสรชัย
คณบดีสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

สูตรการจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้จะออกมาในรูปแบบใด เป็นไปได้ในหลายแนวทาง 1.สูตรที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แล้วก็ประกอบไปด้วยพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้มีการตกลง MOU กันไว้ 2.สูตรที่พรรคเพื่อไทยจะขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สูตรนี้อาจจะเกิดขึ้นเมื่อสูตรที่ 1 โหวตไม่ผ่าน เนื่องจากทางก้าวไกลนั้นมีแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว คือ ถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี โหวตไม่ผ่าน หรือติดประเด็นเรื่องของหุ้นสื่อ ซึ่งในจุดนี้เพื่อไทยอาจจะเคลียร์กับ ส.ว.ได้ง่ายกว่า

3.สูตรที่มีลักษณะของการจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายขั้วอำนาจเดิม ซึ่งอาจจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ แต่ปัญหาของสูตรนี้ คือ ถ้าเลือกนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จจะเดินต่ออย่างไร ในเมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร และเสียงข้างน้อยที่ว่ามันห่างจากเสียงข้างมาก 70-80 ที่นั่ง เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

Advertisement

สูตรที่ 4.การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว คือ อาจมีพรรคการเมืองทั้งสองขั้ว คือ ขั้วฝ่ายอำนาจเดิม กับขั้วที่มาจากการเลือกตั้ง ฐานเสียงข้างมากในครั้งนี้ แต่นั่นจะเป็นปัญหาต่อความชอบธรรมทางการเมืองสูงมาก เพราะประชาชนอาจจะคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยต่างๆ

ฉะนั้น ส่วนตัวเห็นว่าอาจจะมีความเป็นไปได้อยู่กับ 3-4 สูตรตรงนี้หรือแม้กระทั่งแนวคิดในการมีนายกรัฐมนตรีคนนอก ปลดล็อกตามมาตรา 272 มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะกฎหมายยังเปิดช่องให้ทำได้ แต่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก

ส่วนประเด็นทางฝั่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ที่รวบรวมเสียง ส.ส.ได้ 312 เสียง) เสียงยังไม่ถึงและอาจต้องไปดึงเสียงมาเพิ่ม ณ วันนี้ การมีเสียงจาก ส.ส.เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากเพราะก่อนหน้านี้ก็มีแนวคิดในเรื่องของการที่จะไปชวนพรรคการเมืองต่างๆ แม้ว่าจะไม่ร่วมรัฐบาล ให้มาโหวตเพื่อที่จะมาสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการปิดสวิตช์ ส.ว. แต่ท้ายที่สุดไม่มีเสียงตอบรับ

Advertisement

ณ วันนี้ฝ่ายขั้วอำนาจเดิมไม่มีสัญญาณตอบรับเลยว่าจะมาร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งการจะมาโหวตให้โดยไม่ต้องร่วมรัฐบาลก็ได้ ฉะนั้นการเอาเสียงจาก ส.ส. 376 คนเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.เกิดขึ้นได้ยาก ในขณะเดียวกัน ส.ว.อาจจะมีโอกาสมากกว่าถ้ากระแสสังคมกดดันสูงในการที่จะมาโหวตเลือกนายพิธา แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันเพราะวันนี้ก็ที่เราเห็น คือ ประมาณ 19-20 คน และถ้าไปถึงที่สุดก็จะได้เพิ่มมาอีกสัก 20 เป็น 40 คน ยังไม่พออยู่ดี

เรื่องที่ว่าตามครรลองที่ถูกต้อง การมีเสียงเพียงเท่านี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถตั้งรัฐบาลได้แล้ว เห็นว่าแน่นอนตามครรลองประชาธิปไตยมันต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าในสภาวะการเมืองปกติทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้ว ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย แต่เผอิญว่ากติกาที่มันถูกออกแบบ คือรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2560 มันเป็นกติกาที่ทำให้เกิดโครงสร้างของรัฐสภาที่มันบิดเบี้ยวไปจากเจตจำนงของประชาชน

พูดง่ายๆ ก็คือว่า อาจจะได้นายกฯไม่ตรงปก คือ ประชาชนเลือกคนหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นอีกคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้คุณค่าของประชาธิปไตย ความหมาย และความสำคัญของการเลือกตั้งมันถูกทำลายลงไป

ยอดพล เทพสิทธา
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

สูตรรัฐบาลตอนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็เป็น 8 พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรที่น่าจะพลาด ถึงที่สุดแล้วต้องถามว่า สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะไม่โหวตตามสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎรที่เลือกมาเลยหรือ คิดว่ายังอยู่ในรูปแบบที่คุยกันไว้ตั้งแต่แรกที่ทำ MOU การที่พรรคก้าวไกลยังมีเสียงไม่ถึงและต้องไปดึงเสียงเพิ่มมองว่า คงเป็นอย่างที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเคยพูดไว้ว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่า ส.ว.จะเข้าใจในประเด็นนี้หรือไม่ สุดท้ายแล้วไม่สามารถที่จะดึงดันตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ มีสิ่งที่เรียกว่า convention (ข้อตกลง) คือ พรรคที่ชนะการเลือกตั้งมีสิทธิได้ตั้งรัฐบาลก่อน และทั้ง 8 พรรคก็ทำ MOU กันเรียบร้อย ซึ่งเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เกิน 250 ไปแล้ว ต้องถามว่า ส.ว.จะสวนมติตรงนี้จริงหรือ

ท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นว่า มีรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่บริหารประเทศ ซึ่งไม่มีในโลก นึกไม่ออกว่าถ้ามีจะเป็นในรูปแบบไหน ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะหันมาเป็นแกนนำรัฐบาลเอง มองว่าไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทยอยู่ในการเมืองมานานคิดว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษพอ ร่วมหัวจมท้ายมาแล้ว

พรรคเพื่อไทยจะไปรวมกับใครอันนี้คือคำถามที่ต้องตอบ แต่ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ดึงดันที่จะหักกับ MOU ที่ไปเซ็นมา ซึ่งมองในแง่ดีก่อน ถ้าหักแล้วจะเป็นผลเสียในระยะยาวกับพรรคเอง แกนนำพรรคเพื่อไทยก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ และคงจะไม่ทำแบบนั้น ส่วนโอกาสที่รัฐบาลเดิมจะไปซื้อเสียง ส.ส. คือเป็นไปได้ มีคนออกมาพูดขอไม่เอ่ยชื่อว่าใครที่บอกว่า ต้องการอีกแค่ 60 เสียง ทีแรกตั้งใจใช้เงิน 2 หมื่นล้าน ไปๆ มาๆ ใช้แค่ 6-7 พันล้าน ประเทศเราจะเอาแบบนี้กันจริงๆ หรือ ถามว่ามีใครมีเงินสดอยู่ในมือถึง 2-6 หมื่นล้านที่พร้อมจะจ่ายซื้อตัว ส.ส.บ้าง เพราะกระสุนส่วนใหญ่ถูกใช้ไปตอนเลือกตั้งหมดแล้ว คิดว่าไม่มีใครกล้าทุ่มเพื่อซื้อตัวมา

อีกอย่างหนึ่ง ประสบการณ์น่าจะสอน ส.ส.และอดีต ส.ส.แล้วว่า การเป็นงูเห่าไม่ได้การันตีอะไรเลย ไม่ได้การันตีว่าจะได้รับการเลือกตั้งในสมัยหน้า ถ้าดู ส.ส.งูเห่าพรรคก้าวไกลในรอบที่แล้ว ไม่มีใครได้รับเลือกเลย แต่ถ้าสมมุติพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล มีการแปรพรรคไปเป็นงูเห่า คิดว่า ส.ส.ต้องคิดให้มากว่าเป็นงูเห่าเอาเงินแล้วจบที่สมัยเดียวหรือจะอยู่กันยาวๆ ถ้าใช้สูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อยจริง คิดว่าคงตายตั้งแต่วาระแรกของการบริหารราชการ จะบริหารอย่างไรรัฐบาลเสียงข้างน้อยยังนึกภาพไม่ออก รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เพราะท้ายที่สุดแล้วการเป็นรัฐบาลต้องเป็นเสียงข้างมาก แต่จะทำอย่างไรให้เป็นเสียงข้างมากก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่ากังวลมากกว่า

ท้ายที่สุดมองว่ารัฐบาลที่ได้จัดตั้งคือ 8 พรรคหน้าเดิมที่ทำ MOU กันไว้ อย่างที่บอกว่ามองในแง่ดี ถึงที่สุดแล้ว ส.ว.เองไม่น่าที่จะกล้าขัดเสียงของสภาล่าง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการปกครองแบบประหลาดแล้วบอกว่าเป็นประชาธิปไตยซึ่งไม่ใช่ คำถามเกิดขึ้นแน่ว่า จะให้เลือกตั้งทำไมถ้าทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ส.ว. และ ส.ว.เองกลับพูดว่าก็ไปหาเสียงอีก 300 กว่าเสียง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในยุคนี้ จริงๆ ส.ว.ควรเคารพฉันทามติของประชาชน

โอฬาร ถิ่นบางเตียว
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

หากให้มองสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น หากยึดตามหลักการ 8 พรรคร่วมที่กำลังจะเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลถือว่าเป็นแนวทางแรก แต่แนวทางนี้จากการดูท่าทีของตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล อาจจะมีอุปสรรคแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีการถือหุ้นไอทีวี ที่อยู่ในกระบวนการ และขั้นตอนของ กกต. รวมทั้งท่าทีของ ส.ว. อาจจะมีความยากลำบากมากขึ้น แต่ก็มีพันธะในเรื่องของหลักการ ที่ทำให้พรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทยมีแรงกดดันมาก คิดว่าพรรคเพื่อไทยรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร เพราะเดินเกมพลาดหมดทุกทาง

กรณีที่มองพลาดคือ อย่างที่เคยกล่าวไว้แล้วว่า พรรคอันดับ 1 และพรรคอันดับ 2 ที่ได้คะแนนไล่เลี่ยกัน ส่วนมากจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกัน แต่พรรคเพื่อไทยต้องการเสียงจากมวลชน จึงคิดจะร่วมกับรัฐบาลพรรคก้าวไกล พอพรรคเพื่อไทยตัดสินใจร่วมกับพรรคก้าวไกลไปแล้วจึงดิ้นไม่หลุด จึงต้องรอให้พรรคก้าวไกลไปไม่ถึงฝั่งฝันจริงๆ และยังมีการพลาดครั้งที่ 2 คือ ยอมรับเงื่อนไขเสียงข้างมากที่จะให้พรรคก้าวไกลเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร พอจะมาพลิกเกม จะเอาประธานสภา คนก็ก่นด่า นี่คือความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทยที่ไม่ยอมแข่งขัน จัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่ต้น แต่มาอยู่ภายใต้กลเกมการเมืองของพรรคก้าวไกลที่กุมอำนาจไว้ทั้งหมด

เพราะฉะนั้นเมื่อพรรคก้าวไกลไปต่อไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมที่จะจัดตั้งรัฐบาลในฐานะอันดับ 2 แต่ถ้า ส.ว.ไม่ยกมือโหวตให้ เพราะพรรคเพื่อไทยยังผูกมัดไว้กับพรรคก้าวไกลก็ไปไม่รอดเหมือนกัน ทั้งที่พรรคอันดับ 2 มีความชอบธรรมที่จะตั้งรัฐบาล แต่ไปผูกติดกับพรรคก้าวไกล จึงไปไม่ได้เช่นกัน

ทางออกอีกทางหนึ่งคือ พรรคก้าวไกลจะต้องเปิดทางให้กับพรรคการเมืองอีกฝั่งหนึ่ง เพราะพรรคเพื่อไทยจะต้องยึดกับพรรคก้าวไกล เพราะไปไหนไม่ได้ นอกเสียจากพรรคเพื่อไทยจะต้องเปิดประตูหลังบ้าน ให้สมาชิก หรือ ส.ส.ส่วนหนึ่งยกมือโหวตให้กับผู้นำทางการเมืองอีกฟากหนึ่ง ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเห็นชัด ถ้าหากทฤษฎีนี้ หรือสมมุติฐานนี้จะเป็นจริงขึ้นมา จะดูได้จากการเลือกประธานสภาที่จะเกิดขึ้นในต้นเดือนกรกฎาคม ถ้าประธานสภาเป็นของพรรคเพื่อไทย แล้วมีเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นอีกฝั่งหนึ่ง แสดงว่ามีการหักหลังเกิดขึ้นจากพรรคร่วมที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาล เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมความพร้อมที่จะจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ คือ ไม่เอาพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม คิดว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไปได้ แต่พรรคเพื่อไทยไปไม่ได้ เพราะว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องรักษาฐานของมวลชนเอาไว้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยวางยุทธศาสตร์ผิดตั้งแต่ต้น ถ้าจะออกมาทั้งพรรค จะส่งผลให้พรรคเพื่อไทยเสียความชอบธรรมและฐานคะแนนความนิยม

ส่วนสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ที่ดูอยู่ก็จะมีสูตรของพรรคก้าวไกล สูตรของพรรคเพื่อไทยเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีเสียเอง และอีกสูตรอาจจะมาอยู่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรืออาจจะเป็นพรรคอันดับ 3 ก็ได้คือ พรรคภูมิใจไทย หากดูไปแล้วพรรคภูมิใจไทยมีนัยยะแปลกๆ ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ที่สำคัญอาจจะมี ส.ส.ส่วนหนึ่งย้ายเข้ามาพรรคภูมิใจไทย หลังจากการเปิดประชุมสภา หากช่วงนี้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยอาจจะเป็นพรรคอันดับ 1 ขึ้นมา ซึ่งในช่วงนี้จะอยู่ในสมการที่พรรคเพื่อไทยตั้งเอาไว้ด้วย

ประกอบกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยสามารถย้ายไปพรรคภูมิใจไทยได้ทั้งหมดเลย หมายถึงไปร่วมรัฐบาลได้ทั้งพรรค เพราะไม่อยู่ในเงื่อนไข “ไม่มีลุง ไม่มีเรา” หมายถึงไม่ไปอยู่พรรคของลุงตู่ ลุงป้อม เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้อยู่ในหลักการของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด จะทำให้พรรคภูมิใจไทยจะมีเสียง ส.ส.ในสภาเกินพรรคก้าวไกล รวมทั้ง ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติอาจจะย้ายมารวมอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยได้เหมือนกัน

ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะยุบพรรคของตัวเอง เชื่อว่าคงไม่ยุบ ถ้าหาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยมารวมกับอีกฝั่งจะปล่อย ส.ส.ไป ส่วนพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่กับพรรคก้าวไกล เพื่อไม่ฝืนกระแสสังคม โดยเฉพาะการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะไปพรรคภูมิใจไทยนั้นไปได้สะดวก เพราะไม่อยู่ในเงื่อนไขที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศไว้ คือ ไม่มีประยุทธ์ ไม่มีประวิตร ซึ่งจะส่งผลให้พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.เป็นพรรคอันดับ 1

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะให้ ส.ส.ไปอยู่กับพรรคอื่นเหมือนกัน คาดว่าอาจจะมี ส.ส.ไปพรรคพลังประชารัฐบางส่วน เพราะบางคนอาจจะมีความขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส่วนที่เหลือก็อาจจะไปพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ ส.ส.ที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์

หากมามองดูจังหวะก้าวของพรรคภูมิใจไทย จะเห็นว่าจะมีการสงวนท่าทีมาโดยตลอด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้กับพรรคก้าวไกล แต่ระยะหลังจะพบว่าพรรคภูมิใจไทยเริ่มขยับบ้างเหมือนกัน เพราะต้องให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล หากทำไม่ได้ต้องเป็นพรรคอันดับ 2 หรือ 3 จัดตั้งรัฐบาลถึงจะถือว่ามีความชอบธรรม ซึ่งพรรคภูมิใจไทยรู้ดีว่า การจัดรัฐบาลครั้งหน้าไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ เหมือนกับมีการเบรก พลเอก ประยุทธ์กลายๆ ว่าอย่าทำ เพราะจะพังหมด มีทางเดียวเท่านั้นจะต้องรวมเสียงให้ได้กึ่งหนึ่งคือ 250 เสียงขึ้นไป

สัญญาณนี้ชัดเจนมากจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่กล่าวว่าใครก็ได้ที่รวมเสียงได้เกิน 250 เสียงจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้ จึงต้องไปเอางูเห่าจากพรรคร่วม และพรรคการเมืองที่เหมาะที่สุด และมีงูเห่ามากที่สุดก็คือ พรรคเพื่อไทย เพราะคนของพรรคเพื่อไทยก็คือคนของพรรคพลังประชารัฐแทบทั้งสิ้น และการโยนหินถามทางเกี่ยวกับประธานสภา ก็คือคนของพรรคพลังประชารัฐ ที่ไปอยู่ในพรรคเพื่อไทย และไม่มีเสียงปฏิเสธด้วย คิดว่าสูตรนี้มีความพยายามให้เกิดขึ้นก็คือ นายสุชาติ ตันเจริญ นั่งตำแหน่งประธานสภา

ส่วนเสียงข้างน้อย หากต้องการจัดตั้งรัฐบาล มองว่าทำได้แต่บริหารไม่ได้ หากเป็นได้ก็ต้องยืมมือ ส.ว.ให้มายกมือเลือกนายกรัฐมนตรี และมาฟอร์มรัฐบาล แต่บริหารไม่ได้เลย สูตรที่จะเกิดขึ้นคือ พรรคภูมิใจไทยจะต้องเก็บ ส.ส.ให้มากที่สุด เพื่อให้กลายเป็นพรรคอันดับ 1 และหากนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะลดปัญหาหลายๆ อย่างได้ จะส่งผลให้กลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองคลายความกังวลใจ คงต้องดูช่วงของการเลือกประธานสภา หาก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยยกมือโหวตนายสุชาติ ตันเจริญ ผลที่ตามมาก็คือ เมื่อขัดกับมติพรรค ทางพรรคก็มีความชอบธรรมที่จะไล่ ส.ส.เหล่านั้นออกไป เพื่อสังกัดพรรคภูมิใจไทย และจะทำให้พรรคภูมิใจไทยมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะย้ายไปเกือบทั้งหมด ก็เหลือแต่พรรคเท่านั้น

ถ้ามองทางด้านประชาชนเชื่อว่าคงพูดไม่ออก และมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ผิด มีเพียง ส.ส.เท่านั้นที่ไป และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับพรรคเพื่อไทยได้รีโนเวต (RENOVATE) พรรคอีกด้วย โดยทำให้เห็นว่ายังยืนอยู่เคียงข้างประชาชน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐา ทวีสิน, ภูมิธรรม เวชยชัย, จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเป็นนักประชาธิปไตยจะไม่ไปจากพรรคเพื่อไทย

การจัดตั้งรัฐบาลหากยืดเยื้อออกไป มองว่าจะเกิดผลกระทบต่อทางความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจแน่นอน ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นประธานสภา จริงๆ และลากยาวจนกระทั่ง ส.ว.หมดอายุ ทำได้ แต่จะเกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจชนิดเกินความคาดหวังของนักธุรกิจและนักลงทุน อาจจะส่งผลต่อตลาดทุนได้

ถ้าให้มองว่าพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ขั้นตอนต่อไปจะต้องดำเนินการทางการเมืองต่อไป แต่จะต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา เพราะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ได้ จึงต้องชนะด้วยกติกาถือว่าเป็นความชอบธรรมทางการเมือง และจะไปกดดันกลุ่มคนที่จะลงถนน หากพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เชื่อว่าจะมีคนลงถนนแน่นอน แต่เมื่อลงถนนไปแล้วก็ไม่มีเหตุผล เพราะว่าทุกพรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองภายใต้กฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image