รายงาน : เส้นสน กลใน คำประกาศ 10 สิงหาคม ยอกย้อน สับสน
ทั้งๆ ที่ “คำประกาศ 10 สิงหาคม” ของ นายทักษิณ ชินวัตร จากฮ่องกงมากด้วยความมั่นใจ เปี่ยมด้วยความฮึกเหิม
เป็นดั่ง “ไฟเขียว” ตลอด “เส้นทาง”
แล้วเหตุใดเมื่อประสบเข้ากับการตั้ง “ข้อสังเกต” จาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประสานเข้ากับโพสต์ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สังคมจึงต้อง “ล้างหู” น้อมรับฟังอย่างพร้อมเพรียง
แม้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร จะสวนกลับด้วยอัตราส่วนอันแหลมคม เผ็ดร้อน
ผ่านคำว่า “เพ้อเจ้อ”
กระนั้น ความโน้มเอียงของ “สังคม” ก็ยังให้น้ำหนักไปทาง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อย่างเหลือเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร
ระหว่างลักษณะทุบโต๊ะ ฟันธง ทางการเมืองของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ มาจากรากฐานอันต่างกัน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ มาจาก “ประสบการณ์” และ “ความจัดเจน”
เป็นประสบการณ์ที่มีสายสัมพันธ์อยู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร มาอย่างยาวนาน 29 ปี อันแข็งแกร่งและมั่นคง
เป็นสายสัมพันธ์ในลักษณะ“ขายชีวิต” ให้ด้วย “ความภักดี”
ขณะเดียวกัน จากกระบวนการเคลื่อนไหวเพื่อ “รับใช้” เป้าหมายทางการเมืองของ นายทักษิณชินวัตร ได้สะสม “ความจัดเจน”อันอุดมสมบูรณ์
อ่าน “กระบวนการ” ความพยายาม 20 ครั้งทะลุ
ทะลุไปถึง “ตัวตน” อันก่อให้เกิดการตัดสินใจในทางการเมือง ทะลุไปถึง “บทเรียน” อันสะสมครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่ย่อมต่างไปจากกรณีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
พื้นฐานของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มิได้มาจากสถานะแห่งการเป็น “บริวาร” เหมือนกับกรณีของ นายจตุพร พรหมพันธุ์
1 เป็นนักธุรกิจ 1 เป็นนักการเมือง
เส้นทางของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เหมือนกับเส้นทางของ นายทักษิณ ชินวัตร นั่นก็คือ เริ่มจากธุรกิจ แล้วจึงเข้าสู่การเมือง
เพียงแต่ นายทักษิณ ชินวัตร รุ่งโรจน์ มากกว่า
เพียงแต่ธุรกิจของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นธุรกิจสัมปทาน เป็นธุรกิจเทคโนโลยี ไต่ไปบนปลายบนสุดแห่ง “คลื่นลูกที่ 3”
เพียงแต่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็น “ธุรกิจสีเทา”
เพียงแต่โดยการขับเคลื่อน “ธุรกิจสีเทา” ก็เป็นเส้นทางเดียวกันกับ “ธุรกิจสัมปทาน” คือต้องรู้จักทหาร รู้จักนักการเมือง
ตรงนี้คือความได้เปรียบของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ต้องยอมรับว่าในที่สุดแห่งการนำเสนอ “บทสรุป” เมื่อประมวลแต่ละการเคลื่อนไหวขึ้นมาก็ขึ้นอยู่กับ “การข่าว”
เป็นข่าว “วงใน” เชื่อมต่อไปยัง “ตัวการ”
ที่สำคัญก็คือ สัมพันธ์กับคนที่มีบทบาทในการเป็น “ตัวกลาง” เพื่อสร้างเส้นทางให้กับการเข้ามาของ นายทักษิณ ชินวัตร
ยิ่งเจาะถึง “ตัวการ” แห่ง“การดีล” ได้ยิ่งทรงความหมาย
