‘ครม.เศรษฐา’ โชว์ป๋า ‘ลดค่าไฟ-น้ำมัน-พักหนี้-แก้รัฐธรรมนูญ’

หมายเหตุ นสพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน มีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรการทางเศรษฐกิจ ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน แก้ปัญหาหนี้สิน ฯลฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 กันยายน

เรื่องที่ 1 ที่ประชุม ครม.มีมติจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งจัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเพื่อเฉลิมพระเกียรติให้
สมพระเกียรติ โดยมอบหมายให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการ

เรื่องที่ 2 การแก้ปัญหาความเห็นต่าง เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ครม.มีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ส่วนจะแก้ไขอย่างไรให้เป็นไปตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ที่พรรคเพื่อไทยเคยยื่นแก้ไขไปแล้วสองวาระ แต่ติดคําสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้เอากลับไปฟังความเห็นของประชาชน ดังนั้น ในรอบนี้จึงจะต้องทำประชามติ ให้ประชาชนมีส่วนแสดงความเห็น ว่าประชามติควรมีคำถามอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่าเราคิดเอง แต่ประชาชนต้องมีส่วนร่วม เมื่อได้แนวทางแล้ว จึงจัดทำประชามติ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีข้อสังเกตว่าการแก้ไขนี้ต้องมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และต้องไม่แก้หมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์

เรื่องที่ 3 การผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่าซอฟต์เพาเวอร์เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยได้เล็งโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งเราได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ผู้ที่จะประสานงานคือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

Advertisement

ส่วนโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) นายกรัฐมนตรีได้ให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเจ้าภาพ และกำหนดเวลานำเสนอโดยเร็วที่สุด พร้อมมอบหมายกระทรวงการคลังหารือสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวทางรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเร่งจัดทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้กับประเทศ

เรื่องที่ 4 การเปลี่ยนบทบาทภาครัฐจากการเป็นผู้กำกับดูแล เดี๋ยวก็ออกกฎระเบียบออกมา ทำให้การทำมาหากินของชีวิตผู้คน รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจเจออุปสรรคซํ้าซ้อน นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการว่า ข้อที่ 1 ให้ไปดูในทุกกระทรวงที่ผ่านมาว่ามีมติ ครม.อะไรบ้าง ที่ตั้งคณะกรรมการต่างๆ ทางเลขาฯ ครม.ระบุว่ามี 178 ชุด นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ไปดูว่าคณะกรรมการทุกชุดที่ถูกตั้งขึ้นมา มีคณะกรรมการชุดไหนที่ยังคุ้มค่าอยู่และควรจะมีต่อไป โดยให้ระยะเวลาถึงวันที่ 25 กันยายน พร้อมด้วยเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมีคณะกรรมการเหล่านั้น ถ้าไม่มีเหตุผลและข้อเสนอที่ดีพอ ก็ให้ยกเลิกทั้งหมด

ข้อที่ 2 ให้ทุกกระทรวงทบทวนมติ ครม.ก่อนหน้ารัฐบาลชุดนี้ ถ้าไม่มีการทักท้วงภายใน 25 กันยายน 2566 จะยกเลิก รวมทั้งสั่งการให้ทุกกระทรวงทบทวนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เคยบังคับใช้ ถ้าไม่มีการทักท้วงภายใน 9 ตุลาคม 2566 จะยกเลิก โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ยึดหลัก กฎหมายไม่เขียนถือว่าทำได้ เป็นหลักการ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ประชาธิปไตย และอำนวยความสะดวกประชาชน

Advertisement

หากถามว่าเหตุใดจึงต้องมีคําสั่งสองข้อนี้นั้น ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากไม่มีกฎระเบียบเหล่านี้กดทับไว้ การทํามาหากินและการประกอบธุรกิจจะสะดวกกว่านี้ จีดีพีจะเด้งขึ้นทันทีไม่น้อยกว่า 10-15 เปอร์เซ็นต์ ขอเพียงอย่ามีกฎระเบียบหยุมหยิมเยอะเกินไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แทบไม่ต้องลงทุนอะไร รัฐบาลตระหนักเรื่องนี้ เพียงแค่อย่าไปทำร้ายตัวเองด้วยกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น เรื่องนี้จะถือเป็นคุณูปการและมาตรการเชิงรุกทางเศรษฐกิจ ไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว แต่จะมีผลทางเศรษฐกิจเป็นนัยสำคัญ

โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าต่อไปนี้ ประชาชนคิดจะทำอะไร มีความคิดสร้างสรรค์อะไร ถ้าไม่มีกฎหมายเขียนว่าห้ามทำ ให้ถือว่าทำได้ทุกอย่าง เราเปลี่ยนยุคแล้ว ยุคก่อนมักจะตีความว่า เวลาประชาชนหรือผู้ประกอบการมีความคิดสร้างสรรค์หรืออยากจะริเริ่มอะไร มักจะเจออุปสรรคว่ากฎหมายไม่อนุญาตไว้ กลายเป็นว่าจะทำอะไรใหม่ๆ ต้องมีกฎหมายอนุญาต แต่รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน เราเปลี่ยนใหม่แล้ว คุณริเริ่มทำได้ทุกอย่าง ตราบใดที่ไม่มีกฎหมายห้าม

นโยบายการท่องเที่ยว รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทยเคยขึ้นสูงสุดเมื่อปี 2562 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 รายได้ทะยานไปถึ 3 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1.93 ล้านล้านบาท อีก 1.08 ล้านล้านบาท มาจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ

ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.93 ล้านล้านบาท อยู่ในช่วงขาขึ้น แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้การท่องเที่ยวร่วงลงมา โดยในปีที่แล้วอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวมาบ้าง แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาทในปี 2562

ทั้งนี้ ในครึ่งแรกปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 15 ล้านคน รายได้ประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท และขณะนี้ถือว่ายังมีโอกาสทองอยู่อีก 3 เดือน เพราะกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่น ที่คนเข้ามาท่องเที่ยว รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีได้กำชับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้เริ่มเดินทางไปภูเก็ตเป็นที่แรก เพื่อหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากต้องการให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 28 ล้านคนในปีนี้ และตั้งเป้ารายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีกกว่า 6 แสนล้านบาท ให้มาอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท

เป้าหมายใหญ่อยู่ที่ปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวต้องทะลุ 3 ล้านล้านบาท โดยมีมาตรการเร่งด่วน ดังนี้ 1.เรื่องวีซ่าฟรีเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศจีนดี อีกประเทศคือคาซัคสถาน เพื่อเพิ่มความสะดวกโดยการไม่ต้องขอวีซ่า 2.เรื่องดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคต้องกำหนดแผนในการดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างดี 3.สร้างความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย คือ มีแผนทำหนังโฆษณา ดึงดารา นักร้องมาสร้างความมั่นใจผ่านภาพยนตร์ต่างๆ 4.สร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลไทยกับรัฐบาลคู่ความร่วมมือ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการที่จะนำคณะเอง เดินทางไปเยือนประเทศเป้าหมาย

5.กระตุ้นศักยภาพการเดินทางเข้ามาในประเทศ ด้วยการเพิ่มเที่ยวบิน โดยเฉพาะเมืองรองของจีนในหลายๆ เมือง 6.เร่งพัฒนาสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ต้องบริการทุกระดับประทับใจ 7.ส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเมืองไทยมีจุดขาย เช่น อีเวนต์ลอยกระทง สื่อไปถึงต่างประเทศ 8.เราได้รับความมั่นสัญญากับผู้ประกอบการ และพร้อมที่จะเสนอโปรโมชั่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว 9.ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิงในเอเชีย และข้อ 10.รัฐบาลจะตั้ง online crisis ที่จะมีทีมงานคอยดูแลเรื่องไม่ดีที่เผยแพร่เกี่ยวกับประเทศไทย เหล่านี้คือข้อที่หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง

ที่ประชุม ครม.มีมติให้ลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือนกันยายน 2566 โดยลดจาก 4.45 บาท/หน่วย เหลือ 4.10 บาท/หน่วย หรือลดลง 35 สต./หน่วย โดยจะปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม 2566 และมีมติลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 32 บาท/ลิตร หรือลดลง 2 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ มาตรการลดราคาพลังงานทั้ง 2 ส่วนนี้
จะทำให้ประชาชนประหยัดเงินในกระเป๋าได้กว่า 300 ล้านบาท/วัน

การลดราคาน้ำมันดีเซลให้เหลือไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และการลดค่าไฟฟ้าลง 35 สต./หน่วยนั้น จะใช้วิธีการบริหารจัดการภาษีสรรพสามิต เงินอุดหนุน และค่าเอฟทีต่างๆ

การลดค่าไฟฟ้า ครม.ไม่มีอำนาจ คนที่มีอำนาจคือ กกพ. (คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) แต่โดยการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แล้วเสนอให้ ครม.รับทราบ ซึ่ง ครม.ไม่ท้วงติง ครม.เห็นด้วย มีการบริหารต้นทุนต่างๆ ในโครงสร้างพลังงาน ส่วนเรื่องเงินสนับสนุนนั้น ไม่มีการควักออกเพิ่ม แต่ของเดิมที่เคยเก็บเยอะ อาจจะเก็บน้อยลง และที่ประชุม ครม. ได้บอกว่าถ้ามีคำถามในรายละเอียดขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจง

เรื่องที่ 5 ในส่วนเรื่องของการยกระดับสาธารณสุขนั้น นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข ไปแต่งตั้งคณะทํางานเพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เช่น ใครที่มีญาติอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด และใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อไปโรงพยาบาลแต่เช้า แต่กว่าจะเจอแพทย์ก็เป็นเวลาบ่ายไปแล้ว และใช้เวลาเข้าพบแค่สองนาที จ่ายยาเหมือนเดิม แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องแล้ว สามารถนัดไปโรงพยาบาลล่วงหน้าได้แล้ว และไม่ต้องคอยนานเหมือนที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งอาจไม่ต้องไปหาแพทย์ด้วย สามารถให้ลูกหลานติดต่อผ่านอินเตอร์เน็ตได้ เพราะต่อไปนี้ข้อมูลของคนไข้จะอยู่ในระบบฐานข้อมูล สามารถส่งต่อไปได้โดยไม่ต้องขอใบรับรอง และสามารถใช้ได้ในทุกโรงพยาบาลที่มั่นใจเหมือนประกันดูแล เป็นรูปแบบใหม่ที่ผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้สะดวก

นายกฯได้มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินนโยบายพักหนี้เกษตรกร และหนี้ของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบ
จากวิกฤตโควิด-19 โดยมีกรอบระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน เพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี
และเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติสั่งการให้กรมบัญชีกลางเร่งศึกษารายละเอียด และกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน ให้มีผลภายในวันที่ 1 มกราคม 2567

เรื่องที่ 6 การปราบปรามอิทธิพล ส่วย ปืนเถื่อน ค้าของเถื่อน การซื้อขายตําแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีต่อต้านเรื่องนี้มาก จึงมอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปตั้งทีมงานเพื่อกวาดล้างอิทธิพลเรื่องสีดํา สีเทาทั้งหลาย ซึ่งที่ผ่านมามีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องอาวุธปืนมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จผลเลย ซึ่งเที่ยวนี้ต้องสำเร็จ และทีเด็ดของเรื่องนี้คือ นายกรัฐมนตรีระบุว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดการประเมินผลงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจในจังหวัดนั้นๆ และ กอ.รมน.ประจำจังหวัด นายกรัฐมนตรีย้ำว่า หากทั้งสามหน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ตามนโยบาย ถ้าอยากจะรักษาตำแหน่งไว้ ต้องตอบสนองนโยบายนี้ให้ราบคาบและรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงเรื่องของยาเสพติดด้วย โดยผู้ครอบครองอาวุธปืนและอาวุธอื่นๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ให้นำมามอบแก่ทางราชการที่สถานีตำรวจที่มีภูมิลำเนาภายใน 30 วัน และหากอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง หากจำเป็นต้องพกพา ให้ดำเนินการขออนุญาตพกพาภายใน 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้ไป

เรื่องที่ 7 การใช้เงินนอกงบประมาณที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วง เพราะมีข่าวเป็นระยะว่าข้าราชการชั้นสูงใช้เงินดังกล่าว พากันไปเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม พอเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ จะทำให้ผู้เสียภาษีเกิดความไม่พอใจ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นข่าว นายกรัฐมนตรีจึงมีคําสั่งให้กํากับดูแลอย่าให้มีเรื่องเหล่านี้ มีได้บ้าง แต่ขอให้สมเหตุสมผล แต่อย่าให้พร่ำเพรื่อแบบที่ผ่านมา และที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีได้สั่งทีมงานว่า ต่อไปนี้เมื่อลงพื้นที่อย่าขนขบวนไปเยอะ ให้ลดขบวนลงให้น้อยที่สุด ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image