ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
ที่เห็นและเป็นไป : แค่รอการ‘ลงมือ’
ใครว่าประชาชนไทยไม่ให้โอกาส “พรรคเพื่อไทย” ทำงาน หลังพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล น่าจะเป็นมุมมองที่ไม่ถูกต้องนัก
เพราะหากวกกลับไปก่อนการเลือกตั้ง ในช่วงที่แต่ละพรรคหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหาเสียง นโยบายที่โหมประโคมกันมากที่สุดคือ “การเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ”
ผู้มีส่วนร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองเหมือนจะเหลือทนเต็มทีกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แรงปฏิเสธกลไกตามรัฐธรรมนูญในความรู้สึกว่าเป็นเครื่องมือของอำนาจนิยม คุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะฝ่าย “เสรีนิยมประชาธิปไตย” นั้นรุนแรงจนต้องเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เพื่อขจัดหรืออย่างน้อยลดอำนาจของกลไกเหล่านี้ลง ให้อำนาจประชาชนเป็นจริงตามเจตนารมณ์ของการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ยังมีความต้องการที่จะปฏิรูปหลายๆ องค์กรในการทำหน้าที่ไม่เข้ายุคเข้าสมัย สะท้อนถึงความไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปองค์กรในกระบวนการยุติธรรม กองทัพ และอื่นๆ
ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในทุกองคาพยพล้วนแล้วแต่กระเหี้ยนกระหือรือจะจัดการให้การเมืองการปกครองของประเทศลงตัว คือ คืนสู่ประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง หรืออย่างน้อยมีการฟังเสียงประชาชนมากกว่าอำนาจจะขึ้นตรงต่อองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อสนองอำนาจนิยม
คล้ายกับว่า ไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาล การจัดการเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้จะต้องเป็น วาระแรกๆ ที่ประชาชนไม่มีทางยินยอมให้ละวาง ปฏิเสธ หรือชะลอออกไป
ไม่ใช่ว่า “พรรคเพื่อไทย” ไม่ตระหนักถึงภารกิจในความกระเหี้ยนกระหือรือของประชาชนอยากให้ลงมือทำโดยเร็ว เพราะหลังการเปลี่ยนขั้วมาตั้งรัฐบาลร่วมกับเครือข่ายอำนาจเก่า คำประกาศที่เรียกความชอบธรรมจากประชาชนยังเป็น “แก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นงานแรก”
ดังนั้น เมื่อถึงวันนี้ “รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ” ปรับความจำเป็นเร่งด่วนของการทำตามนโยบายมาเป็น “แจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท” กับ “ซอฟต์เพาเวอร์” ขึ้นมาเป็นอันดับแรกของการทำ โดยมี “การแก้ไขหนี้” และเรื่องรองอื่นๆ ขึ้นมาเป็นออเดิร์ฟ แล้วประชาชนส่วนใหญ่ไม่เรียกร้องอะไร
ไม่แม้แต่เรียกร้องให้เร่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ที่เป็นนโยบายเรือธงที่ทุกพรรคต้องประกาศก่อนหน้านั้น
ไม่ได้เรียกร้องให้เร่งรัดอะไร เปิดโอกาสให้เต็มที่ว่ารัฐบาลอยากเริ่มต้นทำเมื่อไร เสร็จตอนไหนก็ว่าไป ไม่เข้าไปกดดันให้เกิดความลำบากใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากจะบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้โอกาส “พรรคเพื่อไทย” เต็มที่ในการสร้างผลงานเพื่อรักษาคะแนนนิยมที่เคยมีไว้ คงไม่เป็นข้อสรุปที่เกินความจริง
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะทำอะไร ประชาชนส่วนใหญ่รับได้ แม้จะมีเสียงติติง เสนอแนะ คัดค้าน หรือคล้ายจะต่อต้านอยู่บ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่ชวนให้ต้องกังวล เพราะกลายเป็นกระแสรอง ขณะที่กระแสหลักเป็นไปในทางสนับสนุนให้รัฐบาลลงมือทำตามที่คิดจะทำ
จะมีแรงกดดันบ้างก็เพียงคำถามที่ว่า ที่บอกว่าจะทำนั้น เมื่อไรจะทำเสียที
เมื่อไรจะแจก “เงินดิจิทัล 10,000 บาท” เมื่อไรการสร้าง “ซอฟต์เพาเวอร์” ที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ และสร้างรายได้เข้าประเทศจะเป็นรูปธรรมให้เห็น
ประชาชนส่วนใหญ่เดินตาม “พรรคเพื่อไทย” ต้อยๆ ด้วยความอยากเห็นผลงานที่ “พรรคเพื่อไทย” เลือกทำ อย่างใจจดใจจ่อ
รอจะชักธงเชียร์กันกระหึ่มไปทั้งประเทศให้ประสบความสำเร็จ
ลืมเรื่อง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-การปฏิรูปองค์กรต่างๆ” ที่เคยกระเหี้ยนกระหือรืออยากให้ทำเร็วๆ ก่อนหน้านั้นไปแล้ว
คำถามเรื่องที่ว่าเมื่อไรจะจัดการเรื่องที่สร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเดือดร้อนนั้น ลืมกันไปแล้ว
เป็นการให้โอกาสรัฐบาลเพื่อไทยเต็มที่ ในสิ่งที่อยากทำ
ดังนั้น อยากทำอะไร ประชาชนรับได้ทุกเรื่องที่ลงมือ