อาหารไทยผงาดระดับโลก
พะแนง-กะเพรา-ปาท่องโก๋-ชาเย็น
หลังจากส่ง “พะแนง-มัสมั่น-แกงเขียวหวาน” ขึ้นแท่นเมนูดีที่สุดของปี 2022 จากการจัดอันดับของ Tasteatlas เว็บไซต์คู่มือเดินทางอิงประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารแบบดั้งเดิม ต้นตำรับ ไปแล้ว
ปี 2566 เรียกได้ว่าเป็น “ปีทอง” ของ “อาหารไทย”ในระดับโลกอีกปีหนึ่ง ประเดิมด้วย “พะแนง” มงลงที่ 1 สตูที่ดีที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ TasteAtlas ที่ให้ข้อมูลด้านอาหารจากทั่วโลก ครั้งนี้เมนู “พะแนง” นำโด่งเป็นอันดับ 1 (คะแนน 4.8 ดาว) ในหัวข้อ “10 Best Rated STEWS in the World”
ยังมีเมนู “มัสมั่น” อยู่ในอันดับ 8 อีกด้วย (คะแนน 4.6 ดาว)
TasteAtlas อธิบายว่าแกงพะแนงเป็นแกงไทยประเภทหนึ่ง มีเนื้อข้นและรสเค็มหวานของถั่วลิสง ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ที่ตุ๋นกับพริกแห้ง ใบมะกรูด กะทิ ผักชี ยี่หร่า กระเทียม ตะไคร้ หอมแดง และถั่วลิสง เนื้อสัตว์ที่ใช้ในแกงพะแนงมักจะเป็นเนื้อวัว ไก่ หรือเป็ด และตามธรรมเนียมดั้งเดิมแล้วอาหารจานนี้จะไม่ใส่ผักใดๆ
นอกจากนี้ “ข้าวซอย” ยังได้รับการจัดให้เป็นเมนูเส้นที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 ด้วย
ในการจัดอันดับ 100 เมนูอาหารประเภทไก่ที่ดีที่สุดในโลก ของเว็บไซต์ดังกล่าว ยังจัดให้ “ข้าวหมกไก่-ไก่ย่าง” ติดท็อป 50 เมนูไก่ที่ดีสุดในโลกด้วย ข้าวหมกไก่ ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่ 38 คะแนน 4.3 ขณะที่ “ไก่ย่าง” อยู่ที่ 46 ได้ 4.2 คะแนน
แต่ที่ฉ่ำว้าวๆ สุดๆ เห็นจะเป็น “ผัดกะเพรา” ผงาดคว้าแชมป์เมนูผัดดีที่สุดในโลก ชนะคู่แข่งด้วยคะแนน 4.8 ตามมาด้วย ทัลคาบี ของเกาหลี เว็บ TasteAtlas บรรยายถึงเมนูกะเพราว่า จะเป็นเนื้อสัตว์ หรือซีฟู้ดก็ได้ รวมไปกับส่วนผสมอื่นๆ ทั้งหอมแดง กระเทียม พริก ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำตาล และน้ำปลา มักเสิร์ฟพร้อมไข่ดาว น้ำปลา ข้าว และเครื่องเคียง เมนูนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมนูยอดนิยมอันดับ 4 ที่ชาวต่างชาติจะสั่งในไทย
ยังมีเมนูผัดไทย ติดอันดับ 8 ผัดซีอิ๊ว อันดับ 19 คั่วกลิ้ง อันดับ 23 และไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อันดับที่ 44
เมนูคาวว่าปังเกินต้านแล้ว เมนูหวานก็ไม่แผ่ว TasteAtlas จัดอันดับเมนูสตรีทฟู้ดประเภทขนมหวาน “ปาท่องโก๋” ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 5 ด้วยคะแนน 4.6 คะแนน ขณะที่ข้าวเหนียวมะม่วงอันดับที่ 11 ที่ 4.4 คะแนน กล้วยทอด อันดับ 45 ปิดท้ายด้วยข้าวหลาม อันดับที่ 48 อย่าง ด้วย 3.7 คะแนน
ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่ม Tasteatlas จัดอันดับ “เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์” ทั่วโลก ยกให้ “ชาไทย” หรือ “ชาเย็น” อยู่ในอันดับที่ 7 ได้รับคะแนน 4.7 ดาว ระบุว่า เมนูชาเย็นของไทย คือ ความลงตัวระหว่างชาดำเข้มๆ รุ่มรวยไปกับรสชาติของนม น้ำตาล เสิร์ฟพร้อมกับน้ำแข็งกรอบๆ ในรูปแบบดั้งเดิม จะมีการโรยผงกระวาน หรือโป๊ยกั๊กด้วย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเวอร์ชั่นริมทางและในร้านอาหาร เมนูดังกล่าวมักจะใช้ชาจากแพคเกจสำเร็จรูป ส่งผลให้สีของชาออกไปในโทนสีส้ม ขณะที่เวอร์ชั่นดั้งเดิมจะมีสีเข้มกว่านี้ และนิยมให้ชาหายร้อนก่อนจะดื่มพร้อมน้ำแข็ง
นี่คืออีกหนึ่งซอฟต์เพาเวอร์ของไทย
‘แอนโทเนีย’คว้ารองอันดับ1มิสยูนิเวิร์ส2023
ตำแหน่งสูงสุดในรอบ35ปี สร้างตำนานขึ้นใหม่
เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ตัวแทนสาวงามของไทยจากหลากหลายเวทีได้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมบนเวทีการประกวด หนึ่งในนั้นคือ หลานย่าโม แอนโทเนีย โพซิ้ว สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการนางงามไทย คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ณ ประเทศเอลซัลวาดอร์ ท่ามกลางความภาคภูมิใจของแฟนคลับชาวไทย ขณะที่ตำแหน่งชนะเลิศ เป็นสาวงามนิการากัว
แอนโทเนียกลายเป็นนางงามจากประเทศไทยที่ครองตำแหน่งสูงที่สุดในรอบ 35 ปีบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส นับตั้งแต่ ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ครองมงมิสยูนิเวิร์ส เมื่อปี 2531 อีกทั้งยังเป็นคนที่สองต่อจาก จีรนันทน์ เศวตนันทน์ ครองตำแหน่งรองชนะเลิศ บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส
หากประมวลผลงาน และความสามารถของแอนโทเนีย คงต้องย้อนไปตั้งแต่ก่อนการประกวด หลังจากเดินทางมายังประเทศเอลซัลวาดอร์เพื่อเก็บตัว ทำกิจกรรมกับกองประกวด โพลจากหลายสำนักและกูรูนางงามต่างเคาะให้เธอเป็น “ตัวเต็ง” ในครั้งนี้ ชนิดที่ไม่ว่าจะเปิดดูโพลจากเว็บไซต์ไหนจะเห็นชื่อของแอนโทเนีย ผงาดเป็นอันดับหนึ่งของโพลนั้นเสมอ
ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดา ประกอบกับพ่วงตำแหน่ง “มิสซูปราเนชันแนล 2019”ตำแหน่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการนางงามไทย เป็นคนแรกของประเทศไทย
นอกจากนั้น ในการแข่งขันรอบชุดประจำชาติ เธอสวมใส่ชุด “พระแม่ธรณีบีบมวยผม” สร้างเสียงฮือฮาให้กับโลกโซเชียล นำเสนอชุดได้ออกมาอย่างน่าขนลุก เสมือนองค์พระแม่ประทับร่าง จนทำให้แฮชแท็ก #แอนโทเนีย และ #MissUniverseThailand2023 ทะยานติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ ขณะที่ยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมของเธอพุ่งสูงถึง “1.8 ล้าน ผู้ติดตาม” อย่างรวดเร็ว กลายเป็นนางงามที่มียอดผู้ติดตามสูงที่สุด ณ เวลานี้
พร้อมกันนั้น สื่อเอลซัลวาดอร์ได้คัดเลือกชุดประจำชาติของประเทศไทย “ชุดเทพธิดาอาณาจักรอยุธยา” เป็น 1 ใน 10 ชุดที่ดีที่สุดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2023 โดยโพสต์ภาพพร้อมคำบรรยายลงในหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ Diario El Salvador ว่า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์นำเสนอเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมไทยในชุดสีทอง และผมยาวดั่ง “พระแม่ธรณี” ผู้ที่เป็นที่นับถือของคนในชาติมาตั้งแต่ประวัติการ
นอกจากนี้ ในวาระเถลิงศกใหม่ สมาคมนักข่าวบันเทิงได้คัดเลือก “ฉายา” ให้กับศิลปินดาราและบุคคลในวงการบันเทิง ในปี 2566 แอนโทเนีย ได้รับฉายาว่า “รอยยิ้มสะท้านโลก” ด้วยรอยยิ้มที่สดใส มีเสน่ห์ เป็นเอกลักษณ์ จนได้รับคำชื่นชมในฐานะตัวแทนคนไทยบนเวทีระดับโลกนั่นเอง
‘ศรีเทพ’ขึ้นมรดกโลกวัฒนธรรม
เฮลั่นทั้งประเทศ เมื่อ “เมืองโบราณศรีเทพ” จังหวัดเพชรบูรณ์ ขึ้นแท่นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้รับการประกาศรับรองอย่างเป็นทางการเมื่อ 19 กันยายน 2566 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 45 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-25 กันยายน ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
นับเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 7 ของไทย และแหล่งที่ 4 ในด้านวัฒนธรรม หลังรอคอยมานานถึง 31 ปี ต่อจากเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร เมืองประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี 2535 ครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม ส่งผลให้ศิลปกรรม “สกุลช่างศรีเทพ” อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักในเวทีโลก
เมืองโบราณศรีเทพ ประกอบด้วย เมืองในและเมืองนอก รวมพื้นที่กว่า 4.7 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,889 ไร่ เมืองใน ผังค่อนข้างกลม มีโบราณสถานอันเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาและศาสนาฮินดูกระจายตัว 48 แห่ง ในช่วงเวลาอันยาวนานตั้งแต่วัฒนธรรมทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12-16 จนถึงวัฒนธรรมเขมรโบราณ พุทธศตวรรษที่ 16-18
โบราณสถานสำคัญ ได้แก่ “เขาคลังใน” พุทธสถานขนาดใหญ่ สะดุดตาด้วยปูนปั้นรูปคนแคระ, “ปรางค์ศรีเทพ” ศิลปกรรมสไตล์เขมร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย, “ปรางค์สองพี่น้อง” ปราสาท 2 องค์ก่อด้วยอิฐ ตั้งบนฐานเดียวกัน, “เขาคลังนอก” มหาสถูปอันตื่นตาที่กลายเป็นแลนด์มาร์ก
ยังพบเทวรูปพระกฤษณะผู้สร้างเมืองทวารวดีแห่งเดียวในประเทศ รวมถึงพระสุริยะเทพมากที่สุดในไทย
ก่อนจะถึงวันนี้ ศรีเทพเป็นดังเช่นมรดกโลกหลายแห่งที่เผชิญอุปสรรคนานัปการ เคยมีข้อพิพาทโดยเฉพาะประเด็นบริษัทเอกชนวางแผนตั้งฐานแท่นขุดเจาะน้ำมัน เมื่อปี 2562 ห่างจากมหาสถูปเขาคลังนอกแค่ 100 เมตร จนถูกวิพากษ์หนักว่าจะกระทบต่อการส่งชิงมรดกโลก สุดท้ายฝั่งเอกชนยอมถอย
ประเด็นที่ต้องตามต่อในปีหน้า 2567 ถือว่าเด็ด เผ็ด ร้อน ไม่ว่าจะเป็นการ “ทวงคืน” โบราณวัตถุล้ำค่าจากเมืองศรีเทพที่ระเห็จไปอยู่ในต่างแดน รวมถึงการผลักดันก่อตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศรีเทพ เป็นภารกิจสำคัญที่ต้องจับตาว่าจะสำเร็จเมื่อใด
สหรัฐส่งคืน‘โกลเดนบอย’พร้อม‘สตรีพนมมือ’
กรี๊ดลั่นสนั่นไทยแลนด์ส่งท้ายปี 66 เมื่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน(The Metropolitan Museum of Art หรือ The MET) สหรัฐอเมริกา “ยินดีคืน” โบราณวัตถุไทย 2 ชิ้น ได้แก่ ประติมากรรมพระศิวะสำริด ที่รู้จักในชื่อ Golden Boy และ ประติมากรรมสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ หล่อจากสำริด ทั้งคู่มีอายุสมัยราวพุทธศตวรรษที่ 16 คือราวพันปีมาแล้ว
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมศิลปากรได้รับการติดต่อจาก จอห์น กาย ภัณฑารักษ์แผนกเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้แทนของพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าจะมอบคืนโบราณวัตถุดังกล่าว
แน่นอนว่าชิ้นที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง คือ โกลเด้นบอย ด้วยความงดงามโดดเด่นและมูลค่าที่ตีราคาโดยนักค้าโบราณวัตถุถึง 100 ล้านบาท ขณะที่ย้อนไปในปี 2518 ชาวบ้านขุดปราสาทบ้านยางโป่งสะเดา อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ นำออกขายฝรั่งได้สตางค์เข้ากระเป๋า 1 ล้านบาทเศษ จัดมหรสพ 3 วัน 3 คืน
อย่างไรก็ตาม การได้คืนโบราณวัตถุครั้งนี้ไม่ได้มาจากปฏิบัติการทวงคืนโดยรัฐบาลไทย ทว่า เป็นผลพวงจากการรุกทวงคืนโบราณวัตถุในวัฒนธรรมเขมรอย่างจริงจังโดยรัฐบาลกัมพูชา ดังปรากฏในการแถลงของสำนักงานอัยการนิวยอร์กใต้ ถึงการสืบสวนสอบสวนปมโบราณวัตถุผิดกฎหมาย นำไปสู่การยินยอมพร้อมใจของพิพิธภัณฑ์ในการคืนสมบัติชาติกว่า 10 ชิ้นแก่กัมพูชา สุดท้ายเชื่อมโยงมาถึงไทย เมื่อพบว่าจำนวนหนึ่งเป็นของไทย ไม่ใช่กัมพูชา
2566ปีทองทัพนักกีฬาไทย
ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งปีที่กีฬาไทยมีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายทั้งน่ายินดี ผิดหวัง เรื่องเศร้า และช็อกวงการ
ผลงานทัพนักกีฬาไทยในปี 2566 มี 2 มหกรรมกีฬาใหญ่เป็นตัวชี้วัดคือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา และเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่หางโจว ประเทศจีน ในส่วนซีเกมส์ ทัพนักกีฬาไทย ทำได้ 108 เหรียญทอง 96 เงิน 108 ทองแดง ยังคงตกเป็นรอง เวียดนาม ที่คว้าอันดับ 1 ด้วยผลงาน 136 เหรียญทอง 105 เงิน 114 ทองแดง
ส่วนเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ทัพไทย ปิดจ๊อบ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง แม้จะดีกว่า เอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย คว้ามา 11 เหรียญทอง แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรกับการเป็นชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากที่สุดถึง 939 คน งบประมาณมหาศาลถึง 1,300 ล้านบาท ขณะที่เจ้าภาพจีน ส่งนักกีฬาเพียง 884 คน ก็ประสบความสำเร็จคว้าเจ้าเหรียญทอง
หากจำกันได้โมเมนต์สุดประทับใจที่สุดของทัพ อชก. ไทย หนีไม่พ้น “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวเบอร์หนึ่งโลกดีกรีทองโอลิมปิก 2020 พลิกนรกโกงตายเตะ 12 แต้ม แซงชนะ ฉิง กั๋ว นักเทควันโดจากเจ้าถิ่น คว้าเหรียญทองเทควันโดเอเชี่ยนเกมส์ สมัยที่ 2 ชนิดสะใจกันทั้งประเทศ
ส่วนกีฬาอื่นๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชายเดี่ยสร้างปรากฏการณ์สุดช็อกคว้าแชมป์โลก ประเภทชายเดี่ยวได้สำเร็จ เป็นคนแรกของประเทศไทย พร้อมกลายเป็นแชมป์โลกที่ 3 ของไทย ต่อจากหญิงเดี่ยวอย่าง “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่เคยทำได้ในปี 2013 และคู่ผสมของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เมื่อปี 2021
วอลเลย์บอลหญิง เป็นกีฬามหาชนของชาวไทย ผลงานคว้าแชมป์เอเชียในรอบ 10 ปี ที่ จ.นครราชสีมา ในรอบชิงฯ พวกเธอรวมพลังชนะจีนสุดมัน 3-2 เซต ต่อด้วยเหรียญทองแดงกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ สมัยที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนในศึก VNL 2023 และคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์ 2024 พวกเธอที่เป็นสายเลือดใหม่จะทำผลงานไม่โดดเด่นเท่าที่ควรแต่นั่นคือ 2 ทัวร์นาเมนต์ที่เป็นงานหินของทีมลูกยางสาวไทย
มาถึงกอล์ฟหญิงไทย โดดเด่นที่สุดคือ “โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสนสาวไทย 19 ปี ชนะเลิศในกอล์ฟแอลพีจีเอทัวร์ รายการ พอร์ตแลนด์ คลาสสิค 2023 ที่โอเรกอน สหรัฐอเมริกา ยังเป็นการคว้าแชมป์แรกในแอลพีจีเอทัวร์ พร้อมเงินรางวัล 225,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8 ล้านบาท อีกรายคือ “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ คว้าแชมป์กอล์ฟแบบแมตช์เพลย์ของแอลพีจีเอ รายการ Bank of Hope LPGA Match-Play ที่สหรัฐอเมริกา เช่นกัน
ก่อนสิ้นปีที่ผ่านมาโปรดังอย่าง “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟมือ 9 ของโลก ผงาดคว้ารางวัล “แวร์ โทรฟี่” สำหรับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดของแอลพีจีเอทัวร์ฤดูกาลล่าสุด ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ที่เคยคว้ารางวัลเดียวกันเมื่อปี 2018
