ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ศึกนอกร้อน-ศึกในระอุ
เขย่าเสถียรภาพรบ.
วัดฝีมือนายกฯอิ๊งค์
สภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2568 ก่อนจะเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้
ในห้วงสมัยประชุมสภาครั้งที่ผ่านมา รัฐบาลผสม 11 พรรค 321 เสียง ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี นำพารัฐนาวา ทั้งในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และการขับเคลื่อนงานของฝ่ายนิติบัญญัติ แม้จะมีร่องรอยความไม่ราบรื่นให้เห็นบ้าง ในการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงอันดับสอง อย่าง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทั้งการงดออกเสียงเพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ให้กลับมาใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ถูกมองว่าเป็น ส.ว.สีน้ำเงิน ที่เห็นแย้งกับมติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นควรให้กลับมาใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวในการทำประชามติ จนต้องพักร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติไว้ 180 วัน สภาจึงจะลงมติยืนยันตามมติให้ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวในการทำประชามติ
แม้การทำงานในสภาของรัฐบาลผสมจะสะท้อนความมีเอกภาพผ่านเสียงโหวตไว้วางใจ “แพทองธาร” ให้ทำหน้าที่นายกฯต่อ หลังถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเพียงคนเดียว ขณะที่มีประเด็นร้อนก่อนปิดสมัยประชุมสภา แม้จะช่วยลดอุณหภูมิทางการเมืองลงได้บ้าง ภายหลังรัฐบาลยอมเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกจากสมัยประชุมสภาครั้งนี้ เพื่อให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเดินหน้าทำความเข้าใจกับกลุ่มคัดค้านที่เริ่มขยายวงมากขึ้น ในประเด็นการมีสัดส่วนกาสิโน 10% ในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
ซึ่งกลุ่มคัดค้านร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จากเดิมที่มีกลุ่มขาประจำที่คัดค้านการเปิดกาสิโน แต่มีการขยายแนวร่วมคัดค้าน เพิ่มเป็นกลุ่มอำนาจเก่าที่เชื่อมโยงกับฝ่ายการเมือง และกลุ่มคนกลางๆ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจชัดเจนในการเคลื่อนไหว แต่กลับมีประเด็นร้อนก่อนปิดสมัยประชุม ผ่านการประกาศจุดยืนของ “ไชยชนก ชิดชอบ” ส.ส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค ภท. ที่สวมหมวกอีกใบ คือ ลูกชายของ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่พรรค ภท. อภิปรายก่อนปิดสมัยประชุมสภาว่า จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน ไม่ว่าจะเสนอผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับไหน ส่งผลให้เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลผสม มีความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง จน “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ต้องออกโรงรีบเจรจาทำความเข้าใจกับ “แพทองธาร” นายกฯ และระดับนำของพรรค พท. เพื่อไม่ให้ขยายความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรค พท. กับพรรค ภท.
สอดคล้องกับกระแสข่าวก่อนหน้าที่ระดับผู้นำทางจิตวิญญาณของทั้งสองพรรคอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่พรรค ภท. เข้าพูดคุยกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลกันมาแล้วถึง 3 ครั้ง กระทั่ง “เนวิน” แสดงท่าทีว่าร่างกฎหมายอื่นๆ คงไม่เร่งด่วนเท่ากับร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถึงขั้นมีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” คาดโทษขับพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เช่นเดียว “แพทองธาร” ที่ออกมาระบุว่า มีการบิดเบือนมากว่ากาสิโน จริงๆ แล้วกาสิโนที่ถูกกฎหมายในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้แปลว่าเปิดบ่อนที่ไหนถูกกฎหมายทั้งหมด ในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีกาสิโนแค่ 10% ของพื้นที่ ไม่ใช่ใครก็เปิดกาสิโนได้หมดทุกที่ มีแต่ในคอมเพล็กซ์เพื่อเอาเงินเหล่านั้นมาหมุนคืนทุนในการก่อสร้าง นี่เป็นเกมการเมือง เป็นการบิดเบือนความหมายและเจตนาการเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ขณะที่ศึกนอกที่รัฐบาลเผชิญและร้อนแรงไม่แพ้ศึกใน คือ การรับมือกับมาตรการการขึ้นภาษีต่างตอบแทนสินค้าไทยของประเทศสหรัฐอเมริกา อัตรา 36% โดยรัฐบาลมอบให้ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีมเจรจานำคณะทำงานของไทยไปพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐ แม้ล่าสุด “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศเลื่อนการบังคับมาตรการการขึ้นภาษีตอบโต้ไทยไปอีก 90 วัน ซึ่งจะเป็นเรื่องดีให้รัฐบาลไทยและคณะทำงานมีเวลากำหนดเนื้อหาและมาตรการที่จะไปเจรจากับสหรัฐให้รัดกุมและเกิดผลประโยชน์กับภาคธุรกิจของไทยให้มากที่สุด แต่เงื่อนไขทุกอย่างยังไม่สามารถวางใจได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและมาตรการทางภาษีกับประเทศต่างๆ ได้ตลอดเวลา
ทั้งศึกนอกและศึกใน ที่รัฐบาลแพทองธารกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ในห้วงปิดสมัยประชุมสภากว่า 2 เดือน ถือเป็นโอกาสดีที่ “แพทองธาร” นายกฯ แสดงภาวะผู้นำ พูดคุยทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่คัดค้านในประเด็นการมีสัดส่วนกาสิโน 10% ในร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แม้ว่าการเดินหน้าเรื่องดังกล่าวอาจเป็นไปได้ยากในห้วงอายุของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะที่ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานร่วมกันไปจนครบวาระในปี 2570 ได้หรือไม่
ย่อมอยู่ที่ฝีมือการบริหารจัดการทางการเมืองของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ด้วยเช่นกัน