3 ก๊ก การเมืองไทย

3ก๊กการเมืองไทย

แนวรบเลือกตั้ง นับวันทวีความร้อนแรง
นักการเมือง พรรคการเมืองทั้งในสารบบ กกต. และพรรคใหม่คึกคัก

มีความเคลื่อนไหวต่อสายทาบทาม ดึงอดีต ส.ส.ร่วมพรรค ย้ายพรรคปรากฏให้เห็นหนาตา
ที่จริงมิใช่เรื่องแปลก ออกธรรมดาด้วยซ้ำ
ย้ายค่ายโดยสมัครใจ มีเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ ตัวแปรอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแลกเปลี่ยน มีมาทุกยุคสมัย
พรรคการเมืองที่มีข่าวคราวเคลื่อนไหวรวบรวมไพร่พลมากที่สุด คือพรรคในขั้วอำนาจ รวมถึงพรรคเครือข่าย พันธมิตร

นอกจากออร์แกไนเซอร์ใหญ่เดินสายเอง ยังดำเนินการผ่านพรรคแนวร่วมอีกทาง
เรื่องตั้งพรรคใหม่ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯอีกครั้ง แม้ไม่ชัดเจนจะใช้ชื่อใด แต่วงในฟันธงตั้งแน่

Advertisement

แต่ถึงขั้น ยุบรวม ควบรวมกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองแนวร่วมสนับสนุน บิ๊กตู่ž มาอยู่ด้วยกันทั้งหมดหรือไม่ เหมือนพรรคสามัคคีธรรมในอดีต ยังไม่ชัดเจน

วันนี้สถานการณ์เปลี่ยน แตกต่างจากเมื่อ 20 กว่าปีก่อน พรรคคู่แข่งสำคัญอย่างเพื่อไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง
หนำซ้ำมีความพยายามปลุกกระแส การเลือกตั้งทั่วไปปีหน้า เป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย กับขั้วเผด็จการ

การผนึกสู้กับแยกกันเดิน รวมกันตี จึงมีข้อดี ข้อด้อย ที่ต้องนำไปขบคิด แบบไหนจะเป็นประโยชน์ต่อการลงสนามเลือกตั้งมากกว่ากัน

Advertisement

กล่าวสำหรับ พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง แน่นอนว่าย่อมต้องการต่อสู้ในนามพรรคเดิมต่อไป
นอกจากไม่อยากเหนื่อย ออกแรงฝ่ากระแสคนชัง-คนรัก คสช.
การดำรงความเป็นพรรคการเมือง ยังมีความอิสระยืดหยุ่นมากกว่า
หากพลิกผัน ก็เปลี่ยนข้าง-ย้ายขั้ว ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

อีกทั้งการแยกกันลงสนามเลือกตั้ง ตามความคิดความเชื่อแบบนี้ อาจส่งผลดีต่อพรรคแม่
แกนหลักสนับสนุน บิ๊กตู่ž ด้วย
พรรคแนวร่วมมีคะแนน ฐานเสียงในพื้นที่ระดับหนึ่งอยู่แล้ว
การควบรวมสู้ในสังกัดหัวใหม่
อาจเพิ่มความเสี่ยง เหมือนท้าเดิมพันล้มไปข้าง ไม่ได้ก็เสีย
เนื่องจากมีหน้าตัก ต้นทุนเดิม ค่อนข้างปลอดภัย
ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนั้น

แต่พรรคขนาดเล็ก กลาง ก็มีการบ้านต้องทำ คิดเผื่อ
จะเอาอะไรมาเป็นจุดขาย ชูความโดดเด่น โน้มน้าวชาวบ้านให้เล็งเห็นความจำเป็นที่ต้องลงคะแนนให้
ในฟากฝ่ายพรรครัฐบาลทหาร ที่รอบิ๊กตู่ตัดสินใจตอบรับเทียบเชิญ ร่วมอยู่ในบัญชีเสนอชื่อนั่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้นั้น
จับสัญญาณจากความเคลื่อนไหว
น่าเชื่อได้ว่า มีการปรับแผนต่อสู้ใหม่ การรวบรวมไพร่พล เก็บตก ส.ส.มาสะสมพักไว้ต่อเนื่องขนาดนี้
พรรคใหม่คงคิดการใหญ่ เล็งไปถึงขั้นท้าชิงบัลลังก์กับแชมป์เก่าเพื่อไทย
จากเดิมแรกๆ มีข่าวกระเส็นกระสาย ตั้งเป้าพรรคขนาดกลาง รอเก็บเล็กผสมน้อย รวบรวมเสียงสู้พรรคใหญ่
แต่แนวทางนี้ไม่น่าเวิร์ก ไปๆ มาๆ ที่คิดกันว่า พรรคใหม่ ไซซ์เล็กจะแจ้งเกิดใหม่ผุดเป็นดอกเห็ด ตัดที่นั่งพรรคใหญ่ ในทางปฏิบัติไม่ใช่
กลับเข้าทางส่งเสริมพรรคใหญ่

ฉะนั้น พรรครัฐบาลก็ต้องทบทวน วางตำแหน่งใหม่
มวยใหญ่ขึ้นเวทีทั้งทีมันต้องท้าล้มแชมป์
กติกา 250 ส.ว.แต้มต่อรองรัง และอะไรต่อมิอะไรเป็นใจ เอื้อทุกอย่าง
สะสมเสบียง ไพร่พลขนาดนี้ มุ่งเป้าเอาแค่ที่ 3 ก็เสียของ
จับสัญญาณจากความเคลื่อนไหว มีแนวโน้มความเป็นไปได้อย่างมากที่พรรครัฐบาลจะปรับเปลี่ยนเป้าหมาย
ตั้งเป็นพรรคใหญ่ ท้าวัดแชมป์

ซึ่งในทางการเมือง การต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ถือว่าวางตำแหน่งได้ถูกต้อง
พรรคระดับชู บิ๊กตู่ž
ต้องขยับสู้ เสนอตัวเป็นขั้วที่ 3 ไม่อย่างนั้นก็แข่งขันกันเฉพาะเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ 2 ขั้วเดิม
ไม่เปลี่ยนแปลง แต่การเป็นขั้วทางเลือกที่ 3 ก็มีค่าที่ต้องจ่ายในทางการเมือง
เพราะหากได้เปรียบทุกประตู พับสนามเล่น แต่กลับพ่ายเลือกตั้ง จะยิ่งบอบช้ำ เพิ่มความชอบธรรมให้กับคู่แข่งยิ่งขึ้น

ขั้วที่ 3 จึงเท่ากับการเดิมพันใหญ่ เนื่องจากในทางยุทธศาสตร์แพ้ไม่ได้เด็ดขาด
แต่ความเป็นจริง ทุกคนทุกพรรคแพ้ได้
ประชาชนลงคะแนนสั่งสอนมาแล้วนักต่อนัก
ด้วยเหตุนี้ละมั้งใครต่อใครถึงได้ละล้าละลัง

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image