สัมภาษณ์พิเศษ : ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ หวังพลิกโฉมการเมือง มิติใหม่ สร้างใหม่ เริ่มใหม่

หมายเหตุนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “มติชน” ถึงแนวทางการทำงานการเมืองของพรรคอนาคตใหม่


ทุกวันนี้เริ่มชินกับสถานะนักการเมืองแล้วหรือยัง

ก็ยังไม่ค่อยชิน ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ตอนที่ผมมาทำงานธุรกิจ ผมใช้เวลาหลายปีในการหาทีมงานที่ลงตัว ในการหารูปแบบการจัดผังองค์กรที่ลงตัว ในการหาสูตรสำเร็จ ปรัชญา ความคิด วิธีการบริหารองค์กรที่ลงตัว ผมใช้เวลาสร้างตรงนี้ 10 ปี กว่าจะตกผลึกถึงวิธีการบริหารว่าสูตรอะไรดีที่สุด ลองผิดลองถูกกว่าจะได้ทีมที่ดี การบริหารที่ดี ผังองค์กรที่ดี ที่ทำให้องค์กรทะยานไปข้างหน้าได้ ตอนนี้ถ้านับตั้งแต่ผมลาออกมาจากไทยซัมมิท ก็ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ก็ยังหาไม่เจอ คงต้องให้เวลากับมันอีกนิดนึง แต่ก็แทบไม่ได้มีการปรับตัวเยอะ เพราะเราเป็นเรา ไม่ว่าจะทำงานที่บริษัทหรือทำงานที่พรรคก็ทำตัวเหมือนเดิม แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป อยู่ที่พรรคการเมือง สิ่งที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุดก็คือการฟังความเห็นของคนอื่นในที่ประชุม ดังนั้นจึงต้องให้เวลาในการแลกเปลี่ยนถกเถียงกันมากขึ้นก่อนตัดสินใจ

ตั้งแต่เริ่มลงสู่สนามทางการเมืองเกือบหนึ่งปี มุมมองทางการเมืองมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่

ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ยังคิดยังฝันเหมือนเดิม ลึกขึ้นด้วยอีกต่างหาก

มองประเทศไทยในอุดมคติอย่างไร

ตามวิสัยทัศน์ของเรา คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก

Advertisement

แล้วนายกฯในอุดมคติ ตัวอย่างอดีตนายกฯ

ไม่มี ไม่รู้สึกว่ามีใครดีพอ หากต่างประเทศก็พอมีคนที่ชอบการทำนโยบายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ชอบทั้งหมด

สมมุติว่าได้เป็นนายกฯ จะเป็นคนแบบไหน

เป็นคนแบบที่ผมเป็น เป็นคนที่พลิกประเทศไทย เปลี่ยนประเทศไทย นำประชาธิปไตยกลับคืนมาให้กับสังคมไทย หยุดยั้งการทำรัฐประหาร ไม่ให้มีขึ้นอีกในอนาคต ส่งผ่านสังคมที่ดีกว่านี้ให้กับคนรุ่นต่อไป

ด้วยความหน้าใหม่ทางการเมืองของผู้สมัคร ส.ส. จะเอาอะไรไปสู้กับอดีต ส.ส.

เอาความคิด เอาพรรค เอาอุดมการณ์ที่ถูกต้อง ถ้าคนเก่าคนที่เดียงสาทางการเมืองทำให้สังคมไทยเป็นอย่างนี้ คุณยังจะไปเลือกเขาอีกอยู่เหรอ มันทำให้สังคมไทยมันเฮงซวยมาถึงขนาดนี้คุณยังจะไว้ใจคนพวกนี้ให้เข้ามาเป็นตัวแทนอีกเหรอ คุณรู้สึกว่าสังคมเรามันดีไหม ผมไม่รู้สึกว่ามันดี ถ้าผมรู้สึกว่ามันดี ผมคงไม่มาทำงานการเมือง ผมรู้สึกว่าเราทนไม่ไหวแล้ว และสิ่งที่เราเห็นก็คือ คนพวกนี้ไม่ใช่หรือ คุณนึกหน้านักการเมืองคนสุดท้ายออกหรือไม่ คนที่มีอำนาจบทบาททางการเมืองจริงๆ คนสุดท้ายที่ผมนึกออกคือ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีนักการเมืองหน้าใหม่เลยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นไม่นับ แต่ก็อยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน ที่หมายความถึงพลังใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมนั้นไม่มีเลย

Advertisement

แล้วคุณก็มาถามเราว่า ทำไมเราไม่มีนักการเมืองเก่าๆ จะไปสู้เขาได้เหรอ คุณจะเอานักการเมืองเก่าๆ ที่ทำให้ประเทศไทยมันเละเทะขนาดนี้ ขอโทษผมไม่เอา เราจะสร้างใหม่ เริ่มใหม่ อยากได้วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ อยากได้พรรคการเมืองที่ไม่มีระบบอุปถัมภ์ ร้อยรัดกันด้วยอุดมการณ์ ต้องสร้างใหม่ เริ่มจากการเซตซีโร่ ก่ออิฐทีละก้อน ดังนั้นผมภูมิใจมาก และที่สำคัญ 350 คนของผม คือคนที่เราไม่ได้จ่ายตังค์สักบาทเพื่อซื้อใครมา ทุกคนเป็นคนธรรมดา แล้วทิ้งชีวิตตัวเอง เดินเข้ามาสมัครเอง เมื่อเห็นอุดมการณ์ของพรรค ผมคิดว่านี่คือความแจ๋วของพรรค

กระแสตอบรับจากการลงพื้นที่เป็นอย่างไรบ้าง

ดีมากจริงๆ ในพื้นที่ไม่ว่าจะกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ซึ่งผลโพลของพรรคก็บอกไว้ชัดเจนว่า คน 19 เปอร์เซ็นต์ พูดไว้ชัดว่าจะไม่เลือกคนเก่า จะไม่เลือก ส.ส.คนเดิม ดังนั้นก็ต้องบอกว่าเรามีความหวังและสัมผัสได้ถึงความต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย ทุกคนต้องการหลุดออกจากวงจรความขัดแย้งครั้งนี้ เราสัมผัสมันได้

การเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้สิทธิครั้งแรก

เราเจาะเรื่อยๆ มีแกนนำมีสมาชิกรวมถึงตัวผมเองที่เข้าไปพูดคุยในมหาวิทยาลัย ประมาณ 20-30 มหาวิทยาลัยแล้ว และยังลงไปพูดคุยอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ ก็ต้องบอกว่ากลุ่มคนทั่วไปหรือกลุ่มนักศึกษาที่สนใจการเมือง รู้จักเราหมดแล้วตอนนี้ และก็ตัดสินใจไปหมดแล้ว ส่วนคนที่ไม่สนใจการเมืองจะเริ่มสนใจอีกครั้งก็เดือนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจากโพลของเราพบว่า อีก 50 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจ การจะเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ก็ต้องขายนโยบายที่เรานำเสนอ คนบางกลุ่มเราต้องเสนอนโยบายประชาธิปไตย คนอีกกลุ่มต้องขายด้วยนโยบายอื่น

พร้อมที่จะผลักดันนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะให้เป็นจริงได้มากแค่ไหน

ยากแน่ แก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องยาก เพราะนโยบายทุกตัวเราออกแบบมาให้ร้อยรัดรวมกันแล้วพลิกประเทศ ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่สังคมไทยต้องการ ไม่ได้ต้องการนโยบายตัวนี้แก้ปัญหาที่นี่ นโยบายตัวนึงแก้ปัญหาอีกจุดนึง มันไม่พอแล้ว สังคมไทยรากมันลึกเกินไป ดังนั้นปัญหาที่ลึกขนาดนี้ จำเป็นต้องมีกระบวนการที่จัดการถึงรากถึงโคน ปัญหาคือพรรคอื่นไม่กล้าพูดหรอกว่า มันมีโครงสร้างหนึ่งกดทับสังคมไทยอยู่ ซึ่งโครงสร้างนี้ได้แก่ทุนผูกขาด ระบบราชการที่มันเก่าคร่ำครึ ที่กดทับศักยภาพของประชาชนไว้ ได้แก่ ขุนทหาร ที่กุมอำนาจและพร้อมใช้มันถ้าเกิดว่าประชาธิปไตยก้าวหน้าไป โครงสร้างแบบนี้ไม่มีใครพูด ดังนั้น ถ้าคุณไม่แตะต้องโครงการแบบนี้ คุณไปแก้ปัญหาแต่ละที ประเทศไทยแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องมองในเชิงโครงสร้าง มองมันกว้างกว่า

“…แล้วคุณก็มาถามเราว่า ทำไมเราไม่มีนักการเมืองเก่าๆ จะไปสู้เขาได้เหรอ
คุณจะเอานักการเมืองเก่าๆ ที่ทำให้ประเทศไทยมันเละเทะขนาดนี้
ขอโทษผมไม่เอา เราจะสร้างใหม่ เริ่มใหม่ อยากได้วัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่
อยากได้พรรคการเมืองที่ไม่มีระบบอุปถัมภ์ ร้อยรัดกันด้วยอุดมการณ์
ต้องสร้างใหม่…”

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหลายคนสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญ

ยินดี เราอยากเห็นทุกคนพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะเอาเข้าจริงๆ นอกจากคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่ามีใครอยากจะรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ อยากให้ทุกพรรคออกมาพูดให้เป็นปกติ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องออกมาแก้ มันอยู่ไม่ได้ เนื้อหามันไม่ได้ เนื้อหามันแย่มาก ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้เขียนโดยประชาชนเพื่อประชาชน ชัดเจนว่าเขียนขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช. คำถามคือ เอาหรือเปล่า ถ้าไม่เอาก็ต้องแก้เท่านั้นเอง นี่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับสังคมไทย แต่ทุกคนไม่กล้าพูดความจริงกัน เพราะอยากจะเข้าไปมีอำนาจบ้างล่ะ อายุขนาดนี้แล้วขอเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยแล้วกัน เพราะคิดกันแบบนี้ไง ตอนนี้มันหมดเวลาแล้ว

มองนโยบายรถยนต์คันแรก สวัสดิการคนจน ช้อปช่วยชาติ ว่าเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่ายเกินตัวหรือไม่

ไม่ใช่การใช้จ่าย เพราะมีการเสร็จสรรพว่าใช้อะไรได้บ้าง ไอเดียของธงฟ้าประชารัฐ เป็นการเอาเงินไปจากกรุงเทพฯให้ประชาชนเดินไปยังร้านธงฟ้าเพื่อซื้อของ เงินก็หมุนเข้ากรุงเทพฯกลับไปในกระเป๋าของกลุ่มทุนใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าจะโครงการอะไรที่กล่าวมา วัตถุประสงค์ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจ วัตถุประสงค์คือการซื้อเสียง ไม่มีอิมแพคกับเศรษฐกิจที่จะเกิด เพราะเงินจะถูกดูดกลับจากประเทศที่กำลังพัฒนากลับสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว กลับไปสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่นอย่างมหาศาล ขณะเดียวกันจีนไม่อยู่ในสถานะที่จะควักเงินออกมาอุดเงินที่ออกมาดูดไปแน่ๆ เพราะอยู่ในสงครามการค้ากับสหรัฐ ทำให้มีช่องว่างมหาศาลของเงินลงทุนที่ไหลออกไปข้างนอก ทำให้ปีหน้ามีปัญหาเรื่องเงินลงทุนแน่ๆ สถานการณ์บังคับให้แบงก์ชาติต้องขึ้นดอกเบี้ย

ดังนั้น สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ได้เตรียมการคิดถึงผลกระทบเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวจริงๆ ทุกอย่างถูกขนไปเพื่อระดมกำลังเพื่อชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาของผู้นำรัฐบาล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ไปหาเสียง คือเวลาที่ไม่ได้บริหารบ้านเมือง คุณมีอำนาจ คุณไม่ใช่นักการเมือง คุณมีอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องบริหารบ้านเมืองบริหารประเทศ แต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีทุกคน กลับมีเป้าหมายเดียวคือการเลือกตั้ง ทั้งเวลาทั้งทรัพยากรไม่ได้ถูกใช้ถูกคิดไปเพื่อวางรากฐานของประเทศไทย หรือเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศไทย ดังนั้น งบช่วยชาติหรืองบที่ออกมาในช่วงนี้ นอกจากมีปัญหาแล้วยังแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเดิมพันมันสูงมาก เขาต้องการกลับมาด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่ก็ได้

การระดมทุนของพรรคอนาคตใหม่ ที่ตั้งเป้าไว้ 350 ล้านบาท ถึงไหนแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่เราภูมิใจ เราเริ่มระดมทุนตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม รวมกว่า 70 วัน ระดมทุนได้ประมาณ 47 ล้าน หมายความว่าทุกวันที่เราเดิน ระดมทุนได้วันละ 6 แสนบาท ผมว่านี่เป็นอะไรที่มันวิเศษมาก คนอยากจะสนับสนุนเรา คนอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของเรา

แต่งบที่มีอาจจะไม่เพียงพอต่อการหาเสียงเลือกตั้ง

ใช่ เพราะว่า 47 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายน เราใช้ไปประมาณ 20 ล้านบาทแล้ว เดือนธันวาคมก็น่าจะใช้ 20 กว่าล้านบาทเหมือนกัน แล้วมกราคมกับกุมภาพันธ์ ก็น่าจะเดือนละประมาณ 100 ล้านบาท บวกลบนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง เราเป็นพรรคแรกในประเทศไทยที่เปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณะ นี่คือมิติใหม่การเมืองไทย ถ้าผมทำได้ ก็ต้องถามพรรคอื่นแล้วคุณใช้เท่าไร ผมว่าน่าสนใจมาก อยากให้ถึงต้นเดือนมกราคมมาก เพราะจะเป็นเดือนที่เราปิดงบไตรมาสแรกของพรรค ซึ่งก็คือไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ซึ่งเราจะเปิดเผยต่อสาธารณะทุกไตรมาส ในเรื่องผลการดำเนินการทางการเงินของพรรค ทุกคนจะเห็นว่าเราใช้จ่ายเงินอย่างไร ไปเพื่ออะไรบ้าง

แล้วการระดมทุนทางออนไลน์ที่ถูก กกต.ห้าม

ใช่ เขาไม่ให้เราค้าขายออนไลน์ ก็ไม่มีสิทธิทำอะไร ทุกวันนี้ผมนึกว่าผมเป็นราชการนะ กฎหมายมันยิบย่อยไปหมด แบบฟอร์มเอกสาร เซ็นเอกสารอะไร พรรคการเมืองไม่ใช่หน่วยงานราชการนะ คุณมาควบคุมพรรคการเมืองอย่างนี้ไม่ได้ นี่แทบจะไม่มีอิสระในการทำอะไรเลย ต้องทำตามที่ กกต.บอกทุกอย่าง ทำตามที่กฎหมายเขียนทุกอย่าง ไม่มีพรรคการเมืองประเทศไหนเขาทำแบบนี้หรอก เขียนเสียจนต้องบอกว่าทำงานลำบาก แต่ไม่ว่ากฎกติกาจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนในการหาเสียงที่ลำบากมาก ขายของออนไลน์เราก็ไม่ขาย จะให้ใช้เท่าไร ก็จะใช้เท่านั้น ไม่ว่าเขตเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร บัตรเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร กติกาของคุณอยากทำอะไรทำไป เราพร้อมเล่นในกติกา

ความคืบหน้าคดี พ.ร.บ.คอมพ์ เป็นอย่างไรบ้าง

กระบวนการของคดีตอนนี้อยู่ในชั้นศาล ทางเราเพิ่งส่งคำชี้แจงโดยการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ก็รอดำเนินการตามที่ศาลสั่ง เรื่องนี้เป็นคดีการเมืองมากกว่าเป็นคดีความผิดทางกฎหมายอาญา ผมเข้าใจว่าทาง คสช.สั่งฟ้องพวกเรา เพื่อให้มีชนักติดหลังไว้ ถ้าวันใดต้องใช้ขึ้นมา กดปุ่มปุ๊บเอาพวกผมเข้าคุกได้ทันที หรือจะในเชิงขู่ให้พวกเรากลัว หยุดวิพากษ์วิจารณ์ คสช.มากกว่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวบทกฎหมาย

มองปัญหาภายในพรรคที่เกิดขึ้นอย่างไร

เป็นเรื่องปกติธรรมดาขององค์กร สำหรับคนที่ไม่เคยบริหารองค์กรเจอปัญหาจุดหนึ่งก็ย่อมนึกว่า โอ้โหปัญหาใหญ่มากเลย แต่ผมในฐานะคนที่ต้องบริหารองค์กรโดยที่ต้องดูภาพรวมตลอดเวลา ปัญหาเจอจุดนี้ก็ต้องแก้ แต่ถามว่าใหญ่โตหรือไม่ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม จนถึงวันนี้ เราตั้งคณะกรรมการ มีสำนักงาน ทำงานได้ 77 จังหวัดแล้ว เราสร้างสิ่งนี้ภายในเวลา 5 เดือน เฉลี่ย 3 วัน 1 สำนักงาน ผมไม่เห็นพรรคอื่นทำได้แบบนี้ ในประวัติศาสตร์ผมยังไม่เห็นพรรคการเมืองพรรคไหนตั้งสำนักงานได้ 77 จังหวัดได้ภายในเวลา 5 เดือน มีอาสาสมัครที่อาสาเข้ามาบริหารด้วยจิตใจที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน อย่างที่นำเสนอนโยบายไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม นโยบายของเราครบรอบด้านหนักแน่นที่สุด ไกลที่สุดในเชิงประเด็น เพราะเรากล้าเสนอ จากทีมนโยบายที่มี 4 คน 3 คนเป็นเด็กอายุไม่ถึง 26 ปีเพิ่งจบ แต่นักวิชาการระดับประเทศไม่ต่ำกว่า 50 คน มาช่วยเราทำนโยบายฟรี ผมย้ำอีกครั้งฟรี มาด้วยจิตใจอาสา มาด้วยศรัทธาที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงด้วยกัน

การส่งผู้สมัคร 350 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศอาจมีไม่ถึง 5 พรรค แต่มีพรรคเราเป็นพรรคเดียวที่การลงสมัคร ส.ส.คือคนที่เดินเข้ามาสมัครเอง ไม่ได้ซื้อเขามา ไม่ได้มาเพราะเงิน และไม่มีเงินหาเสียงให้ด้วย ต่างจากพรรคอื่นมีเงินหาเสียงให้ด้วยเป็นหลายล้านบาท การที่มีคนบอกไม่พอใจพรรค เพราะไม่ให้ลงไพรมารี ส.ส. เรื่องปกติก็เพราะพรรคคัดกรองคุณสมบัติ ไม่เอาเจ้าพ่อ ไม่เอาคนที่มีประวัติทุจริต ซื้อเสียง ซื้อขายยาเสพติด เพราะเป็นเรื่องปกติ องค์กรที่โตเร็วขนาดนี้ ใหญ่ขนาดนี้ ในเวลาที่สั้นขนาดนี้ คิดว่าจะมีปัญหาหรือไม่ จึงไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย ถ้าวันนึงจะมีคนออก 2 คน แล้วเดินเข้าอีก 10 คน การบริหารองค์กรใหญ่ขนาดนี้ โตเร็วขนาดนี้ โดยที่คนไม่ใช่ลูกจ้างแล้วบริหารโดยไม่มีปัญหาได้ ก็มาลองทำดู ไม่มีทางทำได้ ดังนั้น ผมว่าเรื่องปกติมาก มันมีคนที่พยายามจะดิสเครดิตพรรคเรา จ้องพรรคเราไว้อยู่แล้ว เอาพวกนี้ไปเล่น คงไม่ต้องเอ่ยชื่อว่าสำนักข่าวไหน ชอบมากเรื่องนี้ จากที่ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรเลย แต่เราก็ขอบอกว่าไม่เป็นไร เลือกตั้งครั้งนี้เป็นเพียงสมรภูมิหนึ่งเท่านั้น เรามองระยะยาว ไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อทะเลาะกับใคร แต่ตั้งพรรคมาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้เวลาพิสูจน์พวกเรา ผมไม่ได้ซีเรียสกับอะไรที่มันเกิดขึ้น เราจะยืนยันแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันเสียหายจริงๆ ผมจะไม่ตอบโต้อะไร จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มากกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image