วิเคราะห์ : ‘ทัวร์ลง’ บิ๊กตู่ การเมือง อันตราย เปราะบาง ล่อแหลม
จู่ๆ ก็เป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน แถลงข่าวเกี่ยวกับงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ
ให้ข้อมูลว่า คณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 งบประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทนั้น สามารถชะลอการจัดซื้อออกไปก่อนได้ เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ดี
เมื่อกระแสข่าวแพร่ออกไป กระแสสังคมตอบรับ
ยิ่งเมื่อถึงเวลาลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการมีมติให้จัดซื้อเรือดำน้ำโดยไม่ชะลอ ด้วยคะแนน 5 ต่อ 4
กระแสสังคมก็ลุกฮือเข้าใส่รัฐบาล
และฮือใส่ นายสุพล ฟองงาม ประธานคณะอนุกรรมาธิการ เพราะนายสุพล ในฐานประธานโหวตเห็นด้วยกับฝ่ายให้จัดซื้อเรือดำน้ำต่อ
ยิ่งเมื่อนายยุทธพงศ์ออกข่าว สงสัยประธานคณะอนุกรรมาธิการรับสัญญาณจากใครก่อนลงมติ จึงตัดสินใจโหวตเช่นนั้น
ยิ่งทำให้กระแสสังคมรุนแรงมากขึ้น
ต่อมา กองทัพเรือได้ตั้งโต๊ะออกมาชี้แจงโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำอย่างละเอียด
เริ่มต้นซื้อลำแรกไปแล้วเมื่อปี 2560 เป็นการซื้อในลักษณะจีทูจี คือรัฐบาลต่อรัฐบาล
สำหรับลำที่ 2 และ 3 เป็นการจัดซื้อเพิ่มเติม
มีแผนการจัดซื้อตั้งแต่งบประมาณปี 2563 แต่เนื่องจากประเทศอยู่ในช่วงต่อสู้กับโควิด-19 จึงขยับโครงการออกมา 1 ปี
การใช้จ่ายจัดซื้อเรือดำน้ำ กองทัพเรือยืนยันว่าอยู่ในกรอบวงเงินของกองทัพเรือที่บริหารจัดการ แบ่งจ่ายออกเป็นงวดๆ 7 งวด
เดิมกำหนดจ่ายตั้งแต่ปี 2563 ไปจนถึงปี 2569 เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 จึงเปลี่ยนมาจ่ายตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปี 2570
พร้อมกันนั้น กองทัพเรือยืนยันว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็นในด้านความมั่นคง ทุกชาติละแวกนี้มีหมดแล้ว ไทยจึงต้องมีเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแถลงข่าว มีการพาดพิงถึงโครงการจำนำข้าวในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำให้บรรยากาศการแถลงข่าวกลายเป็นเรื่องการเมือง
หลังจากกองทัพเรือแถลง กระแสสังคมก็ยังไม่เห็นด้วยกับกองทัพ
กระทั่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาส่งสัญญาณ
แผนสอง ชะลอการจัดซื้อ
ขณะที่เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำยังไม่รู้จะออกหัวหรือออกก้อย ในสังคมออนไลน์ได้ทวีตงบประมาณดำเนินการสู้คดีกรณีเหมืองทองอัครา
เหมืองทองที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งปิดโดยใช้คำสั่งตาม ม.44 สมัย คสช.ยึดอำนาจ
ข้อมูลในทวิตเตอร์ได้เปิดเผยว่า งบประมาณต่อสู้คดีนี้ตั้งมาแล้ว 2 ปี และปี 2564 เป็นปีที่ 3
ประเด็นที่โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ คือ การออกมาระบุว่าพร้อมจะรับผิดชอบ แต่ใช้งบประมาณไปต่อสู้คดี
เรื่องเหมืองอัครา จึงกลายเป็นมรสุมอีกลูกที่ซัดใส่ พล.อ.ประยุทธ์
เรื่องเหมืองอัครานี้ เมื่อเริ่มรัฐบาลชุดนี้ นายสุทิน คลังผา จากพรรคเพื่อไทย เคยอภิปราย
มีการพาดพิงถึงข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการใช้ ม.44 สั่งปิด และมีข้อสงสัยถึงสถานภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่เป็นหัวหน้า คสช.
ข้อโต้แย้งนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนของคดีเมื่อต้องขึ้นศาลต่างชาติหรือไม่
จากสถานการณ์ดังกล่าว มองเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ “ทัวร์ลง”
ปัญหาทางเศรษฐกิจเพิ่งปรับ ครม.ไปเพื่อแก้ไข แต่ยังไม่ทันได้เริ่มก็เกิดปัญหากลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษาออกมาชู 3 นิ้ว เรียกร้องให้หยุดคุกคามคนเห็นต่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา
ข้อเรียกร้องดังกล่าวยังดังกระหึ่ม รัฐบาล รัฐสภา กำลังคลี่คลายสถานการณ์ โดยตั้งคณะกรรมาธิการและเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่เรื่องนี้คาราคาซัง ประเด็นการซื้อเรือดำน้ำก็โผล่ขึ้นมา และซัดสาดเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ อีก
ตามมาด้วยประเด็นเรื่องเหมืองอัครา
ข้อน่าพิจารณาก็คือ ทุกประเด็นที่ไปแตะต้อง พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นที่สามารถจุดกระแสสังคมให้ “เห็นต่าง” จากรัฐบาลได้
ภาพดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่สังคมมีต่อรัฐบาล
ความเชื่อมั่นที่เคยปลื้ม “ลุงตู่” บัดนี้ไม่เหมือนเดิม
ทุกอย่างคล้ายกับจะเปราะบาง และล่อแหลม เหลือเกิน
พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องทำงานหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน
ทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จวบจนถึงขณะนี้ ทุกภาคส่วนยังรอความหวังจะเห็นแสงสว่างของประเทศ
ทั้งการลดปัญหาการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา
ทั้งการจัดการกับกระแสอื่นๆ ที่ประเดประดังเข้าใส่รัฐบาลจนขาดสมาธิในการแก้ปัญหาอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณการสู้คดีเหมืองอัครา
และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีก
พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องหาวิธีการรับมือกับสถานการณ์ “ทัวร์ลง” เหล่านี้
“การเมือง” ช่วงนี้เปราะบาง และล่อแหลม
การแก้ไขปัญหาการเมืองต้องใช้การเมืองเข้าแก้ไข
ส่วนจะแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน แก้ไขได้ทันเวลาหรือไม่ ต้องรอดูฝีมือการบริหารจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ กันต่อไป