พิพัฒน์ รัชกิจประการ : แจง 3 แผนปลุกท่องเที่ยว

พิพัฒน์ รัชกิจประการ : แจง 3 แผนปลุกท่องเที่ยว

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

แจง 3 แผนปลุกท่องเที่ยว

หมายเหตุ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

⦁เป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2565

Advertisement

การท่องเที่ยวไทยปี 2565 ได้วางเป้าหมายไว้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างชาติ ได้แบ่งเป็นการสร้างรายได้ และการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของตลาดในประเทศ เป้าหมายอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ระหว่าง 5-15 ล้านคน ซึ่งประเมินไว้เป็น 3 กรณี คือ

กรณีที่ 1 หากไม่สามารถเปิดท่องเที่ยวชายแดนได้และตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่สามารถท่องเที่ยวต่างประเทศได้ เพราะนโยบายของรัฐบาลจีนยังไม่เปิดเมือง จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ประมาณ 5 ล้านคน แต่ต้องมีตลาดอินเดีย รัสเซีย เข้ามาเที่ยวได้ รวมกับตลาดยุโรป และสหรัฐอเมริกา

กรณีที่ 2 หลังกลางปี 2565 จีนเปิดประเทศส่งออกนักท่องเที่ยวไปต่างชาติได้ คาดว่าจะมีชาวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศ 2-3 ล้านคน ทำให้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 7-8 ล้านคน

และกรณีที่ 3 สามารถเปิดท่องเที่ยวทางบกได้ในไตรมาส 1/2565 เชื่อมต่อพรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย ลาว เมียนมา กัมพูชา ประมาณการว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉพาะใน 4 ประเทศนี้ 7-8 ล้านคน ทำให้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 15 ล้านคน โดยจะสามารถสร้างรายได้รวม 2 ตลาดเข้าประเทศไทย ประมาณ 1.3-1.8 ล้านล้านบาท

เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ไม่ได้พิจารณารวมการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ เบื้องต้นประเมินว่าหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจะต้องประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล เพื่อประเมินเป้าหมายของภาคการท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง แต่เป้าหมายในตอนนี้ถือเป็นเป้าหมายการทำงานแล้ว

⦁พลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย

แรงจูงใจที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยนั้นอยู่ภายใต้คำว่าพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย โดยมีจุดขายในเรื่องความสดใหม่ของแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยวไทย หลังจากปิดประเทศไปในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา การเดินทางของนักท่องเที่ยวคนไทยก็ไม่ได้มีมากนัก ทำให้แหล่งท่องเที่ยวได้รับการฟื้นฟู โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่ความสวยงามกลับคืนมาอีกครั้ง รวมถึงแม้มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่เท่าครั้งในอดีต ความสวยงามของธรรมชาติที่ได้รับการฟื้นฟูแล้วจึงยังคงอยู่ เตรียมพร้อมให้นักท่องเที่ยวได้กลับมาชื่นชมต่อไป

เทรนด์การท่องเที่ยวยั่งยืน หรือการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวขณะนี้ ถือว่าสอดคล้องกับรูปแบบการท่องเที่ยวไทยที่กำลังพยายามประชาสัมพันธ์อยู่ เนื่องจากเราจะพยายามปรับโฉมภาคการท่องเที่ยวไทยให้เป็นการท่องเที่ยวสีขาว หรือการท่องเที่ยวแบบปกป้อง อนุรักษ์ และไม่รบกวนธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวมากที่สุด โดยกระทรวงได้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวดังกล่าวนี้ จึงได้มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยว และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนใหม่ๆ กว่า 50 ชุมชน ที่สามารถรองรับและให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

⦁เรียนรู้จากโควิดเพื่อสู้กับโควิด

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากต้องอยู่กับการระบาดโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งผลกระทบโดยตรงที่รุนแรง และผลกระทบทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งในตอนนี้หลังจากผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศได้เรียนรู้และสามารถอยู่กับโควิดได้ รู้แล้วว่าวิธีป้องกันไม่ให้ติดโควิดต้องปฏิบัติอย่างไร ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป และองค์กรต่างๆ ด้วย รวมถึงสาธารณสุขก็มีการประกาศมาตรการและคำแนะนำออกมาอยู่ตลอดเวลา โดยสิ่งที่มองว่าจะเป็นเกราะป้องกันโควิดให้กับบุคคลเป็นการฉีดวัคซีน ซึ่งอยากขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน ทั้งการเริ่มฉีดเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น รวมถึงเพื่อลดความรุนแรงของโรค หากเกิดติดเชื้อโควิดขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าหากทุกคนพร้อมใจกันเข้ารับวัคซีน จะสามารถป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ แม้มีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมาก็ตาม โดยโควิดจะยังไม่จากโลกนี้ไปในระยะอันใกล้นี้แน่นอน ทำให้ทุกคนจะต้องเรียนรู้ เตรียมพร้อม และอยู่กับโควิดให้ได้

ขอเน้นย้ำว่าสิ่งที่จะสามารถป้องกันการระบาดโควิดได้ดีที่สุดคือ มาตรการป้องกันส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาหากออกนอกบ้าน การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งของใช้ร่วมกัน หรือพื้นผิวสาธารณะต่างๆ ซึ่งตอนนี้เชื่อว่าเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยถือเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนต้องมี และไม่สามารถขาดได้แล้ว รวมถึงการไม่พยายามเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่คนแออัดหรือพลุกพล่านแบบไม่จำเป็น

⦁ชูท่องเที่ยวเชิงกีฬาหนุนเที่ยวเพิ่ม

ในปี 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะจับมือกันสร้างอีเวนต์ขนาดใหญ่ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในประเทศ และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ผ่านมหกรรมกีฬาระดับโลกต่างๆ ที่จะพยายามดึงมาจัดงานแข่งขันในประเทศไทย เหมือนกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่า ปี 2565 อยากให้จัดการแข่งขันอีสปอร์ตชิงแชมป์โลกในประเทศไทย รวมถึงรายการกีฬาขนาดใหญ่ระดับโลก ที่ดึงดูดการเข้าชมการแข่งขันจากแฟนคลับทั่วโลก เหมือนการแข่งกรังด์ปรีซ์มอเตอร์ไซค์เคิลเรซซิ่ง เป็นการแข่งขันชิงแชมป์ที่สำคัญที่สุดของจักรยานยนต์ทางเรียบ หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมการแข่งขันและเล่นกีฬาได้ รวมถึงท่องเที่ยวไปในตัวด้วย เพราะเราจะจัดกิจกรรมร่วมกันทั้งการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งถือเป็นมหกรรมการท่องเที่ยวที่จะได้เห็นแน่นอน

กระทรวงได้เตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีรายได้มาจากการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดว่าจะเริ่มเก็บในไตรมาส 2/2565 จำนวน 300 บาทซึ่งจะแบ่งเป็นค่าประกันภัยให้ต่างชาติ และแบ่งส่วนหนึ่งเก็บเข้ากองทุน เพื่อเตรียมใช้พัฒนาภาคการท่องเที่ยวไทยในทุกพื้นที่ ปรับปรุงและเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว ทั้งแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ หรือแหล่งท่องเที่ยวทั่วไปในทุกรูปแบบ ซึ่งสิ่งที่เราต้องการพัฒนาให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเป็นอันดับแรกคือ ทางลาดสำหรับรถเข็นของผู้สูงอายุและผู้พิการ ให้สามารถท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวนั้นได้อย่างสะดวก รวมถึงพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น อาทิ การปรับปรุงห้องน้ำให้ถูกสุขลักษณะ สามารถใช้งานได้แบบไม่อายใคร พัฒนาให้เทียบชั้นกับแหล่งท่องเที่ยวในต่างประเทศได้ โดยมีแนวคิดในการพัฒนาห้องน้ำให้เทียบชั้นกับห้องน้ำในประเทศญี่ปุ่นให้ได้

⦁ยังมีความไม่แน่นอน…รออยู่

ปัจจัยบวกและลบที่รออยู่ในปี 2565 ขณะนี้ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรจะเป็นปัจจัยบวกและปัจจัยลบมากที่สุด เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มีความไม่แน่นอนสูงมาก โดยเฉพาะการมีโอมิครอนระบาดอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น แต่สิ่งที่เชื่อมั่นว่าเป็นปัจจัยบวกเฉพาะในประเทศไทย คือ มั่นใจในระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยเชื่อว่าสาธารณสุขไทยเอาอยู่แน่นอน รวมถึงมีวัคซีนที่สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว ซึ่งคาดว่ามีจำนวนเพียงพอในการฉีดเข็มกระตุ้นให้กับคนไทยทั้งประเทศได้แน่นอน โดยส่วนนี้จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ทำให้คนไทยปลอดภัยได้ โดยปัจจัยที่จะส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวมองว่าการระบาดโควิดถือเป็นเรื่องหลัก เนื่องจากปัจจัยอื่นๆ ไม่ได้มีปัจจัยมากนักที่จะสามารถส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว แม้มีเรื่องกำลังซื้อที่อาจถดถอยลง หรือภาวะวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่เชื่อว่าหากโควิดสามารถควบคุมได้ ทุกอย่างจะได้รับการฟื้นฟูและทยอยปรับดีขึ้น

แม้การระบาดโควิดจะยังมีอยู่ แต่เชื่อว่าหากไม่มีผลกระทบรุนแรงจนรัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์ ก็เชื่อว่าการดำเนินชีวิตจะเดินหน้าต่อไป ทุกคนสามารถทำมาหากินได้ตามปกติ แต่อาจมีผลกระทบในส่วนของการตั้งเป้าหมายของภาคการท่องเที่ยว ในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ตามเป้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศไทยเพียงเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศต้นทางด้วย โดยปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้

การระบาดโควิด-19 ไม่ว่าจะสายพันธุ์ใหม่หรือสายพันธุ์เก่า ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้เป็นปัจจัยลบในประเทศเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยลบที่เกิดจากประเทศต้นทางด้วย ทำให้มีผลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เชื่อว่านับจากวันนี้จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2565 หากประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดโควิดได้ดี ไม่มีการกระจายของเชื้อในวงกว้าง หรือพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น จนสร้างความกังวลรุนแรงอีก โดยเราสามารถกลับไปเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาผ่านรูปแบบเทสต์แอนด์โกได้อีกครั้ง เชื่อว่าจะมีต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมากขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างสหรัฐและยุโรป ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิงทำงานของต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีในการทำงานในทุกที่ได้แล้ว และเห็นความนิยมเข้ามาท่องเที่ยวในไทยและทำงานไปด้วยเพิ่มมากขึ้น

ภาพการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแน่นอน อย่างน้อยๆ คงไม่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่ล้นทะลักเข้ามาแบบในอดีตอีกนาน เพราะจำนวนยิ่งมาก ก็หมายถึงความเสี่ยงที่มีมากขึ้นตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image