‘หมอมิ้ง’ กางแผน ‘พท.’ ลุยชิงเก้าอี้ ‘50 ส.ก.’ ปูทาง ‘แลนด์สไลด์’

‘หมอมิ้ง’ กางแผน ‘พท.’ ลุยชิงเก้าอี้ ‘50 ส.ก.’ ปูทาง ‘แลนด์สไลด์’

หมายเหตุ – นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) ดูแลด้านนโยบาย ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงนโยบายของพรรค พท. ในการเลือกตั้ง ส.ก. และยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนครอบครัวเพื่อไทย เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

⦁ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของพรรค พท. ได้วางยุทธศาสตร์ หรือนโยบายสำคัญให้กับการเลือกตั้ง ส.ก.อย่างไร

12 ปีมาแล้วที่ไม่ได้มีการเลือกตั้ง ส.ก. กับ 9 ปีที่ไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะหลังการรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ทำให้ประเทศติดอยู่กับสภาพทุกวันนี้ หลังจากการรัฐประหารแล้วยังเขียนรัฐธรรมนูญ และมีเสียงของ ส.ว.ที่ถูกกำกับแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร ทำให้อำนาจของประชาธิปไตยถูกเบี่ยงเบนไปเป็นประโยชน์ของกลุ่มคน และเป็นไปในทางที่เพิ่มอำนาจของข้าราชการ ในขณะที่ลดอำนาจของประชาชน เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ที่เกิดขึ้นจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะพาประเทศเปลี่ยนแปลงหลุดพ้น และจะปลดเปลื้องพลังของประชาชนที่เป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นการเลือกตั้ง
ในวันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นก้าวในการปลดเปลื้องพลังของฝ่ายประชาธิปไตย

⦁ทำไมจึงให้ความสำคัญกับ ส.ก. ส่ง ส.ก.เต็ม 50 เขตและใน 50 เขตคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างไร

Advertisement

การคัดเลือกคนมี 3 ประเด็นใหญ่ ประเด็นแรกคือ มีความชำนาญ เคยมีประสบการณ์ในการอยู่ในสภา กทม.มาแล้ว 5-6 สมัยก็มี ประเด็นที่สองคือ ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ถูกพิสูจน์ได้ด้วยตอนที่แก้ปัญหาโควิด หลายคนออกไปทำงานใกล้ชิด แก้ปัญหาให้กับประชาชนที่เข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุข เป็นหัวใจของพรรค พท. และประการที่สาม ยังเชิญคนที่มีมิติใหม่ๆ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่มีความคิด มาประกอบเป็นทีมอยู่ใน 50 คน จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติของ ส.ก.ของพรรคเข้มแข็งมาก

ส่วน ส.ก.มีความสำคัญอย่างไรนั้น ในอดีตคน กทม.มาลงเลือกตั้ง ส.ก.ก็ใช้สิทธิประมาณ 40-50% แต่ถ้าเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เกือบ 70% เพราะว่าไม่ได้เห็นความสำคัญของ ส.ก. แต่ขอเรียนให้ทราบว่า ส.ก.เป็นส่วนสำคัญที่ใกล้ชิดสะท้อนปัญหากับประชาชนไม่ต่างกับ ส.ส. ทราบหรือไม่ว่างบประมาณที่เกี่ยวข้องที่ ส.ก. สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นแสนล้านบาทต่อปี และเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตประชาชน เฉพาะของ กทม.เองงบประมาณเมื่อปี 2565 เกือบ 8 หมื่นล้านบาท ไม่รวมถึงงบที่มาจากรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผ่านมาแล้วขาดไปก็คือว่า กทม.ไม่ได้รับเอาเรื่องของงบประมาณประกันสุขภาพอีกประมาณ 15,000 ล้านบาท สำหรับคน กทม.มาบริหารจัดการ ในอดีต ส.ก.หลายคนที่เคยอยู่ในสภา กทม.มาแล้วเคยบอกว่าสามารถที่จะปรับเปลี่ยนงบประมาณให้สอดคล้องกับประชาชน หรือเบรกโปรเจ็กต์บางอันที่ไม่สอดคล้องกับประชาชน เพราะฉะนั้นบทบาทของ ส.ก.สำคัญมาก ไม่ต่างกับฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริหารจะทำได้ดีเขาก็ต้องทำงานอย่างเข้าใจประชาชน ซึ่งเราเชื่อว่า ส.ก.เข้าใจและเข้าถึงประชาชน

Advertisement

สำหรับนโยบาย จะเน้นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน ได้มีการศึกษามาอย่างดี ตัวอย่างเรื่องแรก วันนี้วิถีชีวิตของคนต้องค้าขาย พอเกิดการแพร่ระบาดของโควิดขึ้นก็มีตลาดออนไลน์ต่างๆ มากมาย และตลาดออนไลน์เติบโตเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกันและเป็นการขยายตลาดด้วยไรเดอร์ต่างๆ เพราะฉะนั้นหัวใจตรงนี้ทำอย่างไรให้สินค้าของแม่ค้าธรรมดาคนหนึ่งขยายออกไป

เราได้ทดลองมาแล้วใน ส.ก.ของพรรค 2 เขต ได้ทดลองให้แม่ค้าใช้โทรศัพท์ที่มีอยู่แล้วทำมาค้าขายเพิ่มเติม สร้างศักยภาพเพิ่มขึ้น จึงเสนอเรื่องใหญ่เข้ามาคือใช้โรงเรียนของ กทม.ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ใกล้ชิดกับชุมชน 437 แห่ง ให้เป็นประโยชน์โดยปกติโรงเรียนเปิดสอนตอนกลางวัน เวลาช่วงเย็นหรือตอนกลางคืน อาจจะให้การศึกษาออนไลน์ได้เพื่อเสริมสร้างอาชีพ นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถใช้เรื่องออนไลน์ผสมกับสถานที่ในการจัดฝึกอบรม เพิ่มศักยภาพในการทำมาหากิน

ตัวอย่างที่สอง คิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโควิดโดยตรง ปัญหาที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า กทม.มีทั้งโรงพยาบาลของภาคเอกชน โรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่เกิดปัญหาในเรื่องการส่งตัวผู้ป่วยโควิด แต่ทำไมในต่างจังหวัดถึงสามารถจัดการได้ดีเพราะระบบการจัดการสาธารณสุขต่างๆ มีเป็นระบบ มีเครือข่ายของ อสม. และรู้ว่าจะต้องส่งต่อให้ใคร ดังนั้น ถ้าหากจัดการให้ กทม.กลับมาเป็นแบบนี้ โดย 50 เขตใน กทม.มี 50 โรงพยาบาล มีตัวแทนที่รับผิดชอบชัดเจน ที่ผ่านมา กทม.ไม่ได้รับงบประมาณจาก สปสช.มาบริหารเอง 15,000 ล้านบาท

ตัวอย่างที่สาม คิดว่าขณะนี้เรื่องของการเดินทาง จุดสำคัญของคน กทม.คือ ค่าเดินทางที่แพง ค่าจ้างแรงงานประมาณ 300 บาท แต่ค่าเดินทางเกือบ 100 บาท หมดตัวเลยต่อวัน เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้ค่าเดินทางลดลงมาให้เหมาะสม อดีตในสมัยที่เป็นรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการศึกษาชัดเจนว่าสามารถเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ถ้าหากหมดสัมปทานแล้วนำสัมปทานนี้กลับคืนมาเป็นของรัฐแล้วจัดการร่วมกับฝ่ายของกระทรวงคมนาคม จะสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้แทนที่จะเป็นเรื่องของเอกชนมาเรียกร้อง เพราะฉะนั้นพรรคอยากจะผลักดันให้คน กทม.สามารถเดินทางไปถึงที่หมายได้ในราคา 30 บาท จึงเสนอเป้าหมายว่าพยายามผลักดันให้นโยบายนี้เกิดขึ้นคือ 30 บาทถึงที่หมาย

ตัวอย่างที่สี่ วันนี้คิดว่าในศักยภาพ กทม.ที่มีงบประมาณอยู่ขณะนี้สามารถจัดสรรได้ให้กับชุมชนทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 2,000 กว่าแห่ง รวมนิติบุคคลบ้านจัดสรรหรือคอนโด ที่ขึ้นทะเบียนแล้วรวมกันไม่เกิน 6,000 แห่ง เพราะฉะนั้นงบประมาณแผ่นดินต่อปี ถ้าให้แห่งละ 2 แสนบาท จะใช้ประมาณ 1,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นสิ่งที่แบ่งอำนาจของข้าราชการไปให้ประชาชนแก้ปัญหาของตนเอง นี่คือการกระจายอำนาจ เป็นประชาธิปไตยที่กินได้

ตัวอย่างที่ห้า 50 เขต 50 Soft power เรื่องของศักยภาพซ่อนเร้นของคนไทยที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตออกมาเป็นรายได้ เช่น สตรีทฟู้ด ทำอย่างไร
จึงจะสามารถรวบรวมสิ่งเหล่านี้ขยับออกมาให้เป็นพลังและสร้างรายได้ ใน 50 เขตก็ไปคิดค้นออกมา นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่พรรค พท.จะนำเสนอ

⦁วันนี้มีนิวโหวตเตอร์เกิดขึ้นจำนวนมาก และนิวโหวตเตอร์บางคนมองถึงจุดยืนที่เข้มแข็งด้วย มีการตั้งรับและจะดึงเสียงโหวตของคนกลุ่มนี้อย่างไร

ผมมั่นใจว่าสิ่งที่พรรคนำเสนอจะไม่เก่าเลย คนของพรรคเป็นคนที่มีประสบการณ์ผสมกับความคิดและความรู้ผมคิดว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นต้องทำได้ แล้วต้องใหม่พอให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

⦁ในฐานะที่ดูแลเรื่องของการสื่อสารของพรรคด้วย หลายคนจับตาเรื่องการสื่อสารของ พท.กับนิวโหวตเตอร์เหมือนพรรคกำลังหลงประเด็นไปในทางการสื่อสารเพื่อดึงกระแสมากกว่าเป็นการสื่อสารนโยบาย

วิธีการนำเสนอเป็นวิธีการ เนื้อหาสำคัญแปลงให้เป็นภาษาที่เขารู้เรื่อง ขอให้ติดตามดูต่อไป เรารู้ว่าในขณะนี้ต้องสื่อสารในกลุ่มไหน แต่อย่าลืมว่าเรามีโหวตเตอร์เก่าที่สำคัญที่ต้องสื่อสารด้วย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเสนอสิ่งที่จับต้องได้และทำได้ในช่องทางที่แตกต่างกัน และผมคิดว่าคนอาจจะประเมินภาพเก่าๆ แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรแล้ว ส.ส.คนรุ่นใหม่ของเราหลายๆ ท่านแฟนคลับเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าข้อวิจารณ์หรือข้อสบประมาทนั้นลบได้แน่นอน

⦁หากประชาชนออกมาเลือกจำนวนมาก แต่ยังได้ไม่ตรงตามเป้าหมาย จะต้องขับเคลื่อนอย่างไร

เป้าหมายของเรา คือให้ประชาชนใช้สิทธิให้มากที่สุด วันนี้สิ่งที่สำคัญคือการโกง เป็นการใช้อำนาจทำให้ผลออกมาผิดเพี้ยนไป ต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการโกง ถ้าประชาชนใช้สิทธิมากการโกงก็ทำได้น้อย

หลังจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 เขาแต่งตั้งข้าราชการผู้ใหญ่เข้าไปทำหน้าที่กำกับ ส.ก. แสดงว่า ส.ก.มีความสำคัญมาก แม้กระทั่งปัจจุบันอดีตปลัดของกระทรวงมหาดไทยยังมานั่งอยู่ในนี้เลย นั่นหมายถึงว่าผู้ดูแลการปกครองระดับชาติถูกส่งมาดูเรื่อง ส.ก. เพื่อคุมเสียง คุมอำนาจ คุมทรัพยากร คุมงบประมาณ เพื่อเป็นประโยชน์กับรัฐราชการและฝ่ายตน แทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อคน กทม. นั่นแสดงว่ามีความสำคัญมาก ดังนั้น ต้องเลือกคนของเราเข้าไปเป็น ส.ก.

⦁จะทำอย่างไรเพื่อให้เก้าอี้ ส.ก.มากที่สุด

เราทำให้ดีที่สุด สุดท้ายประชาชนตัดสิน เราพร้อมเข้าสนามสอบและเราก็เก็งข้อสอบ คือเก็งความต้องการของประชาชน

⦁ยุทธศาสตร์สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ กับนโยบายของ ส.ก.จะเชื่อมโยงกันหรือไม่

นโยบายที่นำเสนอคือนโยบายเฉพาะของ กทม. เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ แต่ไม่ได้ขัดแย้งกับนโยบายใหญ่ นี่คือก้าวหนึ่ง ดังนั้น วันที่ 22 พฤษภาคมคือก้าวสำคัญก้าวแรกที่จะบุกเบิกไปสู่การฟื้นอำนาจของประชาชนด้วยสันติวิธี เพราะฉะนั้นเชื่อมโยงกันแน่นอน

⦁ตอนนี้มีบุคคลสำคัญคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัว พท. เข้ามาทำงาน หลายคนตั้งคำถามว่าการเข้ามาในครั้งนี้เป็นผลดีหรือไม่กับพรรค พท. เนื่องจากจะกลายมาเป็นเป้าในการทำลายพรรคได้

ผมคิดว่าพรรค พท.มีประวัติศาสตร์ มีสมาชิก มีคนที่มีความรู้ความสามารถมารวมกันมากมาย แน่นอนที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ก่อตั้ง ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ประสบปัญหาที่ถูกอำนาจของเผด็จการครองมาเรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาทุกครั้ง พรรค พท.มีคะแนนสูงสุดตลอด ปัจจัยที่ชนะคือเรามีแคนดิเดตที่ดี ผู้สมัคร ส.ส.ที่ใกล้ชิดกับประชาชน มีนโยบายที่ทันสมัยและถูกใจประชาชน องค์ประกอบเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญ

อีกเรื่องหนึ่งคือเรามีประวัติศาสตร์ที่ทำมาตลอด ใครที่บอกว่าไม่สู้ ไม่ชัดเจน สู้จนกระทั่งติดคุกติดตะราง และหลายคนอาจจะต้องเสียชีวิต เป้าหมายของคนในพรรคไม่ได้ต้องการชื่อเสียงส่วนบุคคล แต่เป็นเป้าหมายเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

การที่คุณอุ๊งอิ๊งเข้ามาก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบ เพื่อให้เป็นภาพเด่นชัดว่ามีการผสมผสานระหว่างกลุ่มของผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์กับคนรุ่นใหม่ วัยของคุณอุ๊งอิ๊งเป็นวัยที่กำลังเป็นตัวผลักดันและขับเคลื่อน ผมคิดว่าทำให้ภาพของความแข็งแรงชัดเจนขึ้น วิธีการทำงานปรับให้ทันสมัยขึ้น การเข้ามาของคุณอุ๊งอิ๊งเป็นการปรับตัวของพรรค พท. เราไม่เคยเปลี่ยน หัวใจคือประชาชน นั่นคือจุดสำคัญที่ชนะเลือกตั้งตลอด จิตวิญญาณของเราชัดเจน

⦁การปรับตัวในครั้งนี้จะนำไปสู่การแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินหรือไม่

ผมไม่อยากคุยว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชน เชื่อมั่นในเรื่องประชาธิปไตย อำนาจของประชาชน อำนาจของการเปลี่ยนแปลง

⦁ชื่อของ น.ส.แพทองธารกลายเป็นที่สนใจของสังคม ทำให้คนสนใจเฉพาะตัวบุคคล หากจะขายชื่อนี้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือการขายเฉพาะตัวบุคคลจะเพียงพอหรือไม่สำหรับพรรค พท.

สำหรับพรรค ที่สำคัญคือแนวคิดที่ชัดเจน การระดมคนเข้ามาก็สื่อผ่านตัวคนที่นำเสนอ ในโครงสร้างนี้นำเสนอนายกฯ โครงสร้างนี้นำเสนอ ส.ส.ที่ใกล้ชิดและสัมพันธ์กับประชาชน 3 ส่วนนี้ประกอบกัน และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าเรามาทีไรประชาชนเป็นสุขทุกที เพราะฉะนั้นจะมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้นำเสนอแบบนี้ แต่ช่วงที่จะเลือกตั้งต้องดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และควรนำเสนออะไร ทรัพยากรที่ดีของเรามีไม่จำกัด

⦁เตรียมนโยบายในการเลือกตั้งใหญ่ไว้หรือยัง

เตรียมนโยบายของพรรค พท.ไว้ และรับรองว่านโยบายครั้งนี้ตื่นเต้น เป็นประโยชน์จริง ทำได้จริง

⦁วันนี้พรรคการเมืองเกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้คู่แข่งของ พท.มีจำนวนมากขึ้น วันนี้มีพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ เกิดขึ้น พท.มีอะไรโดดเด่นกว่าพรรคอื่นที่ทำให้คนต้องเลือก

คิดว่าเวลาที่พูดถึงฝ่ายประชาธิปไตย แน่นอนที่สุดคือเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทำอย่างไรที่จะสามารถนำอำนาจมาบริหารเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน เราร่วมมือกับทุกฝ่ายที่มีจุดยืนกับประชาธิปไตยจริง และทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน จุดเด่นของพรรค พท. จะมีการนำเสนอทั้งชุด 3-4 ปัจจัยพร้อมกัน ประชาชนเป็นคนเลือก คนที่บอกว่าไม่ชอบเพราะเป็นประชานิยม ถามกลับว่าถ้าประชาไม่นิยมแล้ว เราจะชนะเลือกตั้งได้อย่างไร จุดเด่นสำคัญคือทำให้ประชานิยม ทำให้ประชาชนเข้าใจ แล้วทำให้เขาเลือกเรา ไม่ใช่ยึดอำนาจแล้วเข้าใจว่าเขาชอบเราต้องพูดจริงทำจริง ทำสิ่งที่รับปากกับประชาชนแล้วทำให้ได้ นั่นคือหัวใจและเป็นจุดเด่นสำคัญที่คนอื่นไม่มี

⦁บางคนกังขาว่าพรรค พท.เป็นประชาธิปไตยจริงๆ หรือไปฮั้วกับใครหรือไม่

คิดว่าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าใครต้องไปยืนอยู่ในสนามในสภาวการณ์ที่แตกต่างกัน ในบางช่วง ยกตัวอย่าง เช่น ผมเคยอยู่ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตรเวลาหนึ่งก็ถูกยุบพรรคและจำกัดสิทธิเสรีภาพ 5 ปี ก็มีตัวแทนขึ้นมาและถูกยุบอีก ก็ยังสามารถทำงานได้ เพราะฉะนั้นคิดว่าข้อพิสูจน์เหล่านี้ต่างหากที่บอกว่าเราเป็นองค์กร เป็นสถาบัน

⦁หากพูดว่าสามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยได้ วันนี้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ระบุว่าเป็นพรรคในฝ่ายประชาธิปไตย แปลว่าในอนาคตมีโอกาสที่จะจับมือกับพรรคเหล่านี้

ต้องเป็นการปฏิบัติที่เป็นจริงว่ายืนอยู่ฝ่ายประชาชน ไม่ได้ไปขยายอำนาจของฝ่ายข้าราชการหรือฝ่ายอำนาจเผด็จการ คิดว่าประชาชนรู้ อย่าคิดว่าการตั้งชื่อหรูๆ พูดด้วยคำหวานๆ จะสามารถทำให้ประชาชนเข้าใจไขว้เขวผิดออกไปจากสิ่งที่เขากระทำมากกว่าสิ่งที่ผู้อื่นกระทำ เราเองก็พิสูจน์ตัวเองจากการกระทำ แน่นอนที่สุดในเวทีการเมืองก็มีความแตกต่างกันและมีการต่อสู้ทำให้มีการโจมตีกัน แต่เรายึดมั่นในผลประโยชน์ของประชาชน นำเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์เสมอ

⦁แปลว่าปิดประตูที่จะร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้หรือ

สถานการณ์เป็นตัวบอก คิดว่าเราหาทุกหนทางที่จะสามารถเสนอสิ่งที่มุ่งมั่นไว้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ด้วยวิถีทางอาจจะแตกต่างกัน วันหนึ่งเราเป็นพรรคฝ่ายค้าน ก็แสดงบทบาทเป็นฝ่ายค้านที่ดี ไม่ได้ปิดประตูอะไรเลย

⦁กลัวอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ เพราะพท.มีสายล่อฟ้าอยู่

เขามีกติกา เราก็ทำ เขามีกฎหมายเราก็ do it right at the first time ทำให้ถูกต้องเสียตั้งแต่แรกเป็นปัจจัยสำคัญ เรามีความระแวดระวังจากประสบการณ์ที่ผ่านมา จึงเห็นการที่ไม่ได้เสนอหลายเรื่อง หลายเรื่องเราคิด แต่อาจจะไม่ได้เสนอออกไปให้ชัดเพราะมีข้อจำกัดที่จ้องเล่นงานอยู่ เราเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของฝ่ายอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจประชาชน จึงต้องระแวดระวัง ตรงนี้เชื่อว่าเหตุการณ์ที่จะมาช็อกนั้น เขาช็อกประชาชน เขาต้องฝืนความรู้สึกของประชาชนมากๆ

⦁วันนี้ พท.นโยบายพร้อม แคนดิเดตพร้อมคณะทำงานพร้อม

ทำงานไปเรื่อยๆ พร้อมเสมอ กติกาไหนมาเราก็ปรับตัวให้ทันเพื่อให้เป็นไปตามเจตนาและอุดมการณ์ของพรรค เพื่อประโยชน์ของประชาชน

⦁เป้าหมายที่หัวหน้าพรรคตั้งไว้ที่ 253 เสียง คิดว่าทำได้จริงหรือไม่

คิดว่าคือเป้าหมายที่ต้องทำ ถ้าวันนี้เราเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ไม่ถูกใจประชาชน และคนต้องการการเปลี่ยนแปลงตามระบบการเปลี่ยนแปลงโดยสันติวิธี ผมคิดว่าเป็นไปได้ที่จะทำได้ เพราะประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ตัวแชร์เยอะขึ้นก็ไม่เป็นไร มีอะไรก็ทำตามสถานการณ์นั้น

⦁การเดินหน้าทำครอบครัว พท. สัมพันธ์กับยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งใหญ่อย่างไรหรือไม่

พรรคมีความนิยมอยู่ เป็นการเตรียมตัวที่จะแปรความนิยมให้เป็นคะแนนเสียง เป็นการขยายหาคนมาร่วมอุดมการณ์ให้มากขึ้น เป็นการขยายการมีส่วนร่วมของประชาชน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image