ผู้เขียน | ธนภูมิ กุลไพบูลย์ |
---|
‘ธนกร วังบุญคงชนะ’ กางภารกิจรมต. ฟื้นเรตติ้ง ‘บิ๊กตู่’ ไปต่อ
หมายเหตุ – นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงการขับเคลื่อนการทำงาน ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ตลอดจนการเดินหน้าต่อทางการเมืองในอนาคต
•ความรู้สึกหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี
ที่ผ่านมาผมก็ทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาโดยตลอด ถามว่าดีใจไหม มันก็ดีใจ เราเป็นเด็กบ้านๆ วันหนึ่งได้เป็นรัฐมนตรี สำคัญที่สุดก็คือต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ไว้วางใจและให้โอกาสได้เข้าไปทำหน้าที่ ฉะนั้นแล้วผมคิดว่าเวลาที่มีจำกัดต้องใช้ให้มีค่าที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนทุกด้านในงานที่รับผิดชอบหรืองานที่นายกฯมอบหมาย ต้องเต็มที่
นอกจากงานที่นายกฯมอบหมายแล้ว ก็มีภารกิจที่ช่วยเหลือประชาชนมากมายเกือบทุกด้าน ไม่ว่าเกิดสถานการณ์อะไร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสามารถไปลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด เพราะเป็นเหมือนตัวแทนนายกฯ
• ในช่วงปลายสมัยรัฐบาลจะต้องเร่งรัดขับเคลื่อนงานอะไรหรือไม่
ผมคิดว่าตอนนี้ต้องแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก ที่ผ่านมานายกฯก็ทำ มีผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมากคือเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของมาตรการเยียวยาเรื่องพลังงาน โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง เหล่านี้เป็นโครงการที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ แต่สิ่งที่โดดเด่นสำคัญซึ่งผมคิดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เยาวชนหรือเด็กรุ่นหลังได้เห็น ก็คือโครงสร้างพื้นฐานที่มันสมบูรณ์แบบมาก ทั้งรถไฟฟ้าเป็นสิบๆ เส้นทาง เส้นทางรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง เส้นทางการคมนาคมต่างๆ ทำเต็มรูปแบบจริงๆ และเสร็จไปเยอะแล้ว คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำให้กับประชาชน
• นายกฯบอกหรือไม่ว่าให้ตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยเหตุผลอะไร
ผมก็ไม่ได้ถามท่าน แต่คิดว่าที่ผ่านมาก็ได้ทำงานให้นายกฯมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าผมเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปกป้องนายกฯ แล้วก็ให้เป็นรัฐมนตรี ถ้าเป็นอย่างนี้ใครก็เป็นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผมด้วยซ้ำไป แต่ผมคิดว่านายกฯได้มองแล้วว่าผมสามารถทำงานให้กับท่านได้ในหลายมิติ ไม่ได้ชมตัวเอง แต่ผมมองว่าวันนี้มันมีหลายสิ่งหลายอย่าง แล้วนายกฯเป็นคนที่รับฟัง คนอาจจะมองยังไงผมไม่ทราบ แต่ผมทำงานกับนายกฯมา เป็นคนรับฟังทุกอย่าง แล้วกระบวนการในการตัดสินใจก็มีทีมที่ปรึกษา เช่น เรื่องเศรษฐกิจ ก็มีทีมทางด้านเศรษฐกิจ มีภาคเอกชนและคณะกรรมการต่างๆ หารือกับนายกฯก่อน เมื่อตกผลึกก็ตัดสินใจดำเนินแต่ละโครงการไป ไม่ใช่คิดเองคนเดียวทำเองเหมือนที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มีทีมที่ปรึกษาและรับฟังทุกฝ่าย เพราะในอดีตที่ผ่านมาผมทำงานกับนายกฯ ผมก็จะเข้าใจในสิ่งที่นายกฯพูดและคิด
• จากการเป็น ส.ส.ที่ตอบโต้ตลอด กับบทบาทที่เป็นรัฐมนตรีในวันนี้ ต้องปรับเปลี่ยนอย่างไร
ถามว่าปรับเปลี่ยนบุคลิกใหม่ไหม ก็ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน แต่พอเราเป็นรัฐมนตรี งานที่ต้องรับผิดชอบจะแตกต่างกัน ก็คือว่ามีเนื้องานที่ชัดเจน เพราะนั่นคือความเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมาย บางทีเราต้องคิดงานใหม่ด้วยว่าโครงการไหนที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ดำเนินการ ส่วนในเรื่องการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน โฆษกประจำสำนักนายกฯ ก็ทำอยู่แล้ว หรือแม้แต่ผมก็พูดได้ เพราะผมก็เป็นรัฐมนตรีตัวแทนของรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน วันนี้จะเห็นได้ว่ามีกระแสโลกโซเชียลมีเดียต่างๆ บิดเบือนข้อมูลกันเยอะมาก เฟคนิวส์ต่างๆ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาถูกต้องให้กับประชาชน
• คิดว่าปัญหาของประชาชนเรื่องไหนสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไขให้ได้ภายในสมัยนี้
ผมว่าปัญหาหลักของประชาชนก็คือปัญหาปากท้องของประชาชน จะกระทบหมด วันนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่ง ตั้งแต่โควิดเข้ามา นายกฯสามารถบริหารจัดการได้ดีมากจนทั่วโลกยอมรับในโมเดลที่ใช้ ไทยเป็นประเทศแรกที่เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แล้วนำไปสู่การขับเคลื่อนให้มีการเปิดประเทศได้เร็วขึ้นกว่าที่อื่น วันนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ในอดีตช่วงที่พีคมีนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน เงินเข้าประเทศถึง 2.7 ล้านล้านบาท แต่ในช่วงโควิดมันหายไป ด้วยความต้นคิดของนายกฯ ก็เลยคิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ขึ้นมา ก็มีเงินไหลเข้าประเทศมา วันนี้ตั้งเป้านักท่องเที่ยว 10 ล้านคน ก็ครบ 10 ล้านคนแล้วในปี 2565 นี่คือสิ่งที่นายกฯทำ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่าสิ่งที่นายกฯทำมาจะมีความเสถียรแล้ว แต่ต้องให้ยั่งยืน ถ้าถามความเห็นผมคือ นายกฯต้องไปต่อ
• ตอนนี้กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังดีอยู่หรือไม่
ผมคิดว่ากระแสของนายกฯเริ่มดีขึ้นแล้วในช่วงนี้ เราไม่ได้วัดเฉพาะภาคใต้อย่างเดียว จะเห็นได้ว่าผลโพลในแต่ละภาค ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน นายกฯติด 1 ใน 3 ตลอด แต่ภาคใต้สูงสุด ผลโพลก็เป็นส่วนหนึ่งในการที่นำมาวิเคราะห์เพื่อประเมินตัวเอง แล้วอย่างผมไปภาคใต้ รู้เลยว่าวันนี้กระแสนายกฯดีมาก เพราะผมเชื่อว่าประชาชนเขาเห็นในสิ่งที่นายกฯทำว่ามีความยั่งยืน เห็นจับต้องได้ ผมเชื่อว่าวันนี้ถ้าประชาชนมองด้วยหัวใจที่เป็นธรรม เปิดใจสักนิดนึง จะเห็นในสิ่งที่นายกฯทำ อย่างที่บอกเรื่องรถไฟฟ้า 12 เส้นทาง รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงไทยจีน อีอีซี ก็ดำเนินการก้าวหน้าไปมาก เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า ตรงนี้นายกฯ สามารถที่จะไปต่อได้ในความเห็นผม
• แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯได้อีกประมาณ 2 ปีกว่า
ผมคิดว่าเงื่อนไขเวลาไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย มันอยู่ที่ว่าเป็นนายกฯแล้วทำอะไรให้กับประเทศชาติบ้าง อันนี้สำคัญกว่า เวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ อยู่ที่ว่าจะทำประโยชน์อะไรให้กับประชาชนมากกว่า เพราะฉะนั้นในการเลือกตั้งเป็นได้ 2 ปี แต่เราสามารถกำหนดยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งได้ว่าจะทำอะไรบ้าง เชื่อว่าเรื่องของระยะเวลาไม่ได้เป็นในเชิงลบอย่างเดียว มันสามารถปรับเปลี่ยนวางยุทธศาสตร์วางกลยุทธ์ในการหาเสียงได้ เพราะสิ่งที่ทำมาเริ่มที่จะเสถียรแล้ว แต่อีก 2 ปีได้ไหม เพื่อให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน คืออนาคตของประเทศไทยที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนที่ท่านพูดเสมอ
• มองอนาคตทางการเมืองของตัวเองหลังจากนี้ยังไงบ้าง
ผมอยู่กับกลุ่มสามมิตรมา ผมก็เหมือนคนในบ้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทุกวันนี้ยังเคารพท่าน อยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ว่าในทางการเมือง ถ้าผมขอได้ ก็อยากให้นายสมศักดิ์มาช่วยนายกฯ ทั้งสองก็มีความชอบพอกันอยู่แล้ว ทั้งนายสมศักดิ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แต่คงอยู่ในกระบวนการตัดสินใจของแต่ละคนว่าจะมองการเมืองไปในทิศทางไหน แต่สำหรับผมบอกได้เลยอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และจะอยู่ช่วยจนกว่าจะเลิก ผมเชื่อมั่นในตัวท่าน เคารพ รักท่าน
• เคยชวนทางกลุ่มสามมิตรมาร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่
เนื่องจากว่าวันนี้ผมก็เหมือนคนในบ้านนายสมศักดิ์ ผมเคารพท่าน ถามว่าเคยพูดไหม ผมก็เคยพูดกับนายสมศักดิ์ว่ามาช่วยนายกฯนะ ท่านก็อยากจะช่วย แต่ก็ต้องมองหลายมิติ ก็มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเมือง เป็นระดับอาจารย์ของผมแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ได้แต่นำเรียน ด้วยความที่เป็นลูกน้องทำงานให้นายสมศักดิ์ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ท่านก็ต้องคิดในกระบวนการ เพราะว่ามีองค์ประกอบเยอะ แต่ตัวผมเองก็ยึดมั่นและมั่นใจในตัวนายกฯ ผมอยากช่วยนายกฯ
• แต่หลายฝ่ายมองว่าเมื่อก่อนอยู่กับสามมิตร แต่ตอนนี้มาอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์
คนที่รู้จักผมจะรู้ว่าผมยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือสิ่งสำคัญในใจผม เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็มีองค์ประกอบที่ผมสัมผัสได้ แล้วผมมั่นใจว่าท่านเป็นคนอย่างนี้ ผมก็เลยตัดสินใจอยู่กับนายกฯเท่านั้นเอง แต่ว่าความสัมพันธ์ในกลุ่มก็เหมือนเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แล้วนายสมศักดิ์ก็ไม่เคยมาบอกว่าต้องทำอย่างนั้นหรืออย่างนี้ ให้เกียรติผมตลอด ตอนอยู่กลุ่มสามมิตรอยู่แบบครอบครัวมีความสุข ทุกคนให้เกียรติกัน ก็มีความเมตตาให้ผม เพราะฉะนั้นในเส้นทางการเมือง ผมอายุจะ 50 แล้ว ไม่ใช่เด็กเหมือนอายุ 30 ผมก็ตัดสินใจในสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและยึดมั่น
• ส่วนตัวและ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมที่จะเปิดตัวเข้าพรรคใหม่เมื่อใด
เร็วๆ นี้ นายกฯก็ตัดสินใจ แต่ว่าในกลุ่มต่างๆ ที่เราเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ก็บอกพี่น้องประชาชนเสมอว่าเราอยู่กับลุงตู่ เพราะฉะนั้นวันนี้ลุงตู่อยู่ตรงไหนเราอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนเป็นพรรคของของลุงตู่ เชื่อว่าด้วยผลงานของนายกฯที่ผ่านมา ด้วยวิธีคิด ด้วยความที่เป็นคนรักชาติรักบ้านเมือง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ตรงนี้เป็นจุดแข็งสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะในเรื่องความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพี่น้องคนไทยคงไม่ยอมให้คนที่ไม่ดี คนที่มีเรื่องของการคอร์รัปชั่นมาบริหารบ้านเมือง สุดท้ายพี่น้องคนไทยจะยึดหลักนี้เป็นหลักในการเลือกตั้งว่าจะกาให้ใคร เชื่อว่าด้วยตัว ด้วยบุคลิกของนายกฯ ด้วยความที่เป็นคนที่เราไว้วางใจได้ จะทำให้พี่น้องประชาชนให้โอกาส ถ้านายกฯจะไปต่อ
• สรุปแล้วไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ใช่หรือไม่
เดี๋ยวต้องดูเอา ผมว่าพี่น้องสื่อมวลชนทราบอยู่แล้ว แต่วันนี้ผมตอบได้ว่า อยู่พรรคลุงตู่ ส.ส.ทุกคนในพื้นที่ที่อยู่กับผมหรือที่อยู่ในกลุ่มสามารถบอกพี่น้องประชาชนได้แล้ว พี่น้องประชาชนก็สนับสนุน เพราะว่าเราอยู่กับลุงตู่
• วันนี้ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือยัง
ยัง วันนี้ผมก็ต้องทำหน้าที่ ส.ส.ในนามพรรค พปชร. ผมให้ความเคารพรัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. อยู่แล้วไม่เปลี่ยนแปลง ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพรัก แต่ว่าด้วยเส้นทางในทางการเมือง ผมก็อยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์
• หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าพรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ถึง 25 ที่นั่งเพียงพอที่จะเสนอชื่อชิงนายกฯหรือไม่
ได้อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าพรรคลุงตู่ยังไงก็ได้เกิน 25 เสียง เพราะเท่าที่ผมมีข้อมูล ส.ส.ที่อยู่ด้วยกันก็เยอะ กระแสพื้นที่ภาคใต้ก็ดีมาก แล้วมีความพร้อมทุกอย่างด้วยผลงานที่เป็นของนายกรัฐมนตรีหลายๆ อย่าง อย่าลืมว่า โครงการคนละครึ่ง นายกฯเป็นคนคิด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายกฯก็เป็นคนทำ มาตรการในเรื่องของการดูแลสินค้าเกษตรต่างๆ นายกฯทำทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ที่มันเป็นรูปธรรม สามารถที่จะเอาชนะใจประชาชนได้
• จากที่เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ ปีกว่าๆ แล้วได้เป็น ส.ส.ไม่กี่เดือนก็ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี มีความรู้สึกอย่างไร
ถามว่าดีใจไหม ก็ดีใจทุกคน เห็นแววตาของคุณแม่ที่เจอเราแล้วก็มีความสุข เห็นประชาชน ญาติพี่น้อง กัลยาณมิตรต่างๆ ทั้งในโซเชียลมีเดียและที่ได้สัมผัสเจอกัน ผมเห็นแววตาเขามีความสุข ผมก็มีความสุข แล้วผมคิดว่าด้วยวิถีทางที่ทำ จะต้องช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ไว้วางใจ วันนี้ผมคิดว่าส่วนหนึ่งก็คือประชาชนเลือกผมมา แม้ว่าอยู่บัญชีรายชื่อ นายกฯเลือกผม ก็หมายถึงประชาชนส่วนใหญ่เลือกผมในการไปเป็นรัฐมนตรี นายกฯก็คงมองแล้วว่าผมก็ทำงานให้กับประชาชน นี่คือตัวแทนของประชาชนที่มองว่าเราทำงานได้ ก็ให้โอกาสเท่านั้นเอง
• หลายฝ่ายมองว่าการที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นการตบรางวัลจากนายกฯ
คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรางวัลอะไร ถ้าคนที่เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ แล้วฝีปากกล้า คอยปกป้องตอบโต้ แล้วนายกฯจะให้เป็นรัฐมนตรี ผมว่าก็เป็นได้ทุกคน ทุกคนก็ทำได้หมด แต่ว่ามันมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่ได้คุยยกย่องตัวเอง แต่มองว่านายกฯอาจมองว่าผมทำงานได้ ก็ให้โอกาสเท่านั้นเอง
• มองการเมืองในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร
ผมว่าวันนี้การเมืองมีความเป็นพลวัต มีความเคลื่อนไหวตลอด มีการเปลี่ยนแปลง และยุคนี้เป็นยุคของโลกดิจิทัล การหาเสียง การกำหนดยุทธศาสตร์ หรือการกำหนดนโยบายต่างๆ ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะไปทำแบบย้อนไป 10 ปีมันไม่ได้ เพราะว่าวันนี้ประชาชนเข้าถึงโซเชียลมีเดียเข้าถึงอะไรต่างๆ มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็เข้าถึงได้หมดแล้ว แพลตฟอร์มต่างๆ ที่รัฐบาลยุคนี้ทำ ตั้งแต่เรื่องแอพพ์เป๋าตัง โครงการคนละครึ่ง ตรงนี้ประชาชนเข้าถึงหมดแล้ว ฉะนั้นรูปแบบในการหาเสียงและรูปแบบในการเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนไป