‘ชัยธวัช’วางมิชชั่น
ฝ่ายค้านเชิงรุก-เพิ่มเรตติ้ง
หมายเหตุ – นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงทิศทางขับเคลื่อนการทำงานของพรรค ก.ก. ในฐานะแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในปี 2567
⦁ ในฐานะหัวหน้าพรรค ก.ก. วางแผนงานทั้งในและนอกสภา ปี 2567 ไว้อย่างไร จะขับเคลื่อนเรื่องใด
ขณะนี้งานสำคัญของพรรค ก.ก.อีกเรื่องคือการทำพรรคให้เข้มแข็งในระดับฐานรากขึ้นมา เรามีการปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานของสมาชิกในระดับพื้นที่ใหม่ โดยถอดบทเรียนตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ จนมาถึงพรรค ก.ก.ยุคแรก โดยให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับสมาชิกพรรคในระดับอำเภอ เป็นหัวใจสำคัญ ขณะนี้เรามีโครงสร้างภายในที่ไม่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมืองฯ มีระบบตัวแทนพรรคระดับอำเภอ ที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกพรรค รวมกันเป็น คณะกรรมการของพรรคระดับจังหวัด และจะลงลึกไปถึงระดับตำบล ซึ่งพรรคได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา การมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคและประชาชนในพื้นที่เช่นนี้มากยิ่งขึ้น เป็นงานที่ใหญ่มากๆ ของพรรค ก.ก. ซึ่งได้ทำมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ส่วนหลังเลือกตั้งได้ให้ความสำคัญมากขึ้น นี่จะเป็นงานหลักของพรรคในปี 2567 ขณะนี้พรรค ก.ก.มีสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น 8 หมื่นคนแล้ว ได้ตั้งเป้าว่า ในปี 2567 จะต้องมีสมาชิก 1 แสนคน และได้วางเป้าไว้อีกว่าจะต้องมีตัวแทนพรรคในระดับอำเภอทั่วประเทศ ประมาณเดือนเมษายน ปี 2567 ต้องมีตัวแทนพรรคระดับอำเภอไม่ต่ำกว่า 400 อำเภอ จากทั้งหมด 900 กว่าอำเภอ ต้องมีกรรมการจังหวัดครบทั้งหมดทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี2567 นี่เป็นแผนงานสำคัญมากของพรรค เพราะเชื่อว่าการทำงานแบบพรรค ก.ก. จะเข้มแข็งได้ แข็งแรงขึ้นจริง ต้องเป็นพรรคที่ให้ประชาชนและสมาชิกพรรคเข้ามาร่วมขับเคลื่อนพรรคมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
ส่วนผลตอบรับโดยรวมในการดำเนินการนั้น ขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นมากๆ แต่ทั้งนี้ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยอาจจะมีปัญหาบ้างในบางพื้นที่ แต่ก็เป็นการเรียนรู้ เป็นประสบการณ์ใหม่ของพรรคร่วมกับสมาชิกพรรค นี่ไม่ใช่แค่การปรับระบบการทำงานในระดับพื้นที่เท่านั้น แต่เป็นการให้อำนาจและบทบาทแก่สมาชิกพรรคมากขึ้น เช่น การพิจารณาการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ใช่สิ่งที่กรรมการบริหารพรรคในกรุงเทพฯจะเป็นผู้พิจารณา แต่จะเป็นการทำงานร่วมกัน และบทบาทส่วนใหญ่จะอยู่ที่สมาชิกพรรค และพรรคก็จะสนับสนุนให้ผู้บริหารงานในพื้นที่มีศักยภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ในปีหน้าจะเป็นปีที่เริ่มยกระดับการทำงานนโยบายของพรรคให้เข้มข้นมากขึ้น ในฐานะนักการเมือง บทบาทที่สำคัญมากคือ เป็นผู้ออกนโยบาย และเป็นผู้ออกกฎหมาย โดยช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2567 เราจะจัด annual forum เป็นการจัดประชุมใหญ่เกี่ยวกับนโยบายของพรรค ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และอีก 4 ภูมิภาค เพื่อเป็นเวทีให้เกิดการถกเถียง แลกเปลี่ยนนโยบายด้านต่างๆ ที่พรรคให้ความสำคัญ พร้อมกับการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารในแต่ละนโยบาย ที่ผ่านมาเราได้จัดเวทีสัมมนาทางวิชาการ ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) หรือหน่วยงานมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่เคยมีงานลักษณะนี้ที่จัดโดยพรรคการเมือง จึงอยากยกระดับงานของพรรค โดยให้ความสำคัญในการถกเถียง การศึกษาด้านนโยบายมากขึ้น และสมาชิกพรรคไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ที่ได้รับมอบหมายงานให้ดูแลนโยบายแต่ละด้าน ต้องมาส่งการบ้านทุกปี กรรมการบริหารพรรค ทีมงานจัดทำนโยบายหรือคนทำงานในท้องถิ่น ได้ใช้โอกาสนี้นำเสนอผลงานประจำปี เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่าเรากำลังผลักดันเรื่องอะไร พร้อมทั้งเชิญนักวิชาการ ภาคประชาสังคม หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละนโยบาย และประชาชน มาร่วมถกเถียงแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งงานนี้จะกลายเป็นงานใหญ่ประจำปีของพรรค ส่วนในปลายเดือนเมษายน จะมีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรค วาระสำคัญนั้น คือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะบริหารพรรคอีก 4 ปี
⦁ ประเมินการเมืองปี 2567 ไว้อย่างไร จะมีปัจจัยและตัวแปรทั้ง ส.ว. ครบวาระ 5 ปี คดีความของพรรค ก.ก. และแกนนำพรรค ที่กระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองหรือไม่
ในส่วนของพรรคเรา ที่มีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาทั้งสองคดี คือคดีถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคดีล้มล้างการปกครอง จากนโยบายหาเสียงเลือกตั้งแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ให้เป็นไปตามหลักที่ควรจะเป็น มั่นใจว่าเราไม่ได้กระทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาแน่นอน แต่ก็ประมาทไม่ได้ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาบทบาทขององค์กรอิสระถูกตั้งคำถามจากสาธารณะพอสมควร ว่ามีความเป็นกลางทางการเมืองหรือไม่ หรืออย่างการพิจารณาคดีต่างๆ นั้น มีแรงจูงใจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปแต่เราก็ไม่ประมาท แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต่อให้ผลการวินิจฉัยออกมาเป็นผลแย่ที่สุด ไม่เป็นผลดีต่อพรรคเลย แต่คงไม่ถึงขั้นยุบพรรคอย่างแน่นอน ก็ไม่ได้กังวลเท่าใด แต่ที่สำคัญไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การสร้างพรรคให้เข้มแข็งจากฐานรากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อให้พรรคพร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์
ในส่วนของรัฐบาล ขณะนี้มีการประเมินกันพอสมควรว่าอาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรืออาจมีการปรับเปลี่ยนไปจนถึงนายกรัฐมนตรี อย่างน้อยตนคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับ ครม. จะด้วยเหตุผลทางการเมืองภายในรัฐบาลเอง หรือเป็นไปด้วยเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรค หากเราดูลักษณะการจัดวางตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ จะเห็นชัดว่า ไม่ได้เป็นการจัดวางตามความรู้ความสามารถ แต่เป็นการจัดวางคนเกือบทั้งหมดตามโควต้าทางการเมือง ดังนั้น การจัดวางคนสลับตำแหน่งหมุนเวียนกัน เพื่อเป็นรัฐมนตรีในปีหน้า จึงมีความเป็นไปได้สูง ส่วนจะไปถึงขั้นเปลี่ยนนายกฯหรือไม่ ต้องจับตามอง เพราะนายเศรษฐาทวีสิน นายกฯ ก็ถูกร้องเรียนในหลายเรื่องผ่านองค์กรอิสระต่างๆ เช่น เรื่อง การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนล่าสุด ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่หรือไม่ เพราะเป็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ที่ไม่ยึดการพิจารณาตามหลักความอาวุโส ประกอบกับความรู้ความสามารถ หรืออย่างการถูกร้องในเรื่องคุณสมบัตินายกฯ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแสนสิริ ส่วนทางฝ่ายค้านก็อาจจะยื่นเรื่องตรวจสอบเพิ่มเติมในปีหน้าด้วยเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ดูเหมือนคนจะสนใจเส้นแบ่งในเดือนพฤษภาคม ที่ ส.ว.กำลังจะหมดอำนาจลง ทำให้ไม่มีอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯ หากพรรคแกนนำรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ในการเขย่าขวดรัฐบาลกันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. หรือการปรับองค์ประกอบพรรคร่วมรัฐบาล ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ส่วนหากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเกิดขึ้น จากฝ่ายที่ไม่ต้องการให้พรรคแกนนำรัฐบาล มีอำนาจต่อรองมากขึ้น ก็ต้องรีบดำเนินการให้เกิดขึ้นก่อนเดือนพฤษภาคม
ส่วนเรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งหลายคนอาจมองว่า น.ส.แพทองธารจะขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่แทนนายเศรษฐาหรือไม่ ไม่ว่านายเศรษฐาจะลงจากตำแหน่งนายกฯด้วยเงื่อนไขภายในพรรค พท. หรือประสบอุบัติเหตุทางการเมือง หรืออาจจะมีการทดลองให้ น.ส.แพทองธารขยับบทบาทเป็นรัฐมนตรีบางกระทรวง ก่อนจะก้าวขึ้นไปเป็นนายกฯ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ส่วนเรื่องที่อาจจะเป็นเรื่องร้อนของรัฐบาล และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง คงเป็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากเกิดปรากฏการณ์ที่ส่งผลให้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจ อาจจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างมาก หรือหากไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นก็ดีไป สังคมก็คงต้องจับตานายทักษิณหลังจากครบกำหนดรับโทษว่าจะมีบทบาททางการเมืองหรือไม่อย่างไร และส่งผลกระทบทางการเมืองอย่างไร
และอีกสองเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ในปี 2567 คือเรื่องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่ารัฐบาลจะมีความมุ่งมั่น ในการผลักดันให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แค่ไหน จะมีการทำประชามติก่อนเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาหรือไม่ หากมีการทำประชามติและประชามติผ่าน ส.ส. จะถูกออกแบบโดยยึดโยงกับประชาชนจริงๆ หรือไม่ และเรื่องการนิรโทษกรรมทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดอง พรรค ก.ก.หวังว่าเราจะสร้างความเข้าใจ ที่ไม่ใช่เฉพาะพรรคการเมือง แต่อีกหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพื่อหาข้อยุติที่มีข้อรองรับร่วมกันได้ ก่อนจะพิจารณาร่างกฎหมายในสภา
⦁ หาก ส.ว.หมดอำนาจ และไม่มีเงื่อนไขจากพรรค 2 ลุงแล้ว จะมีโอกาสหรือไม่ที่พรรค ก.ก.จะกลับมาเป็นพันธมิตรกับพรรค พท.
ในทางหลักการเป็นไปได้ ที่จะมีการสลับพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ แต่ในทางการเมืองที่เป็นจริง ซึ่งวันนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนั้น วันนี้พรรค ก.ก.ยังวางบทบาทในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ในช่วงหลังเดือนพฤษภาคม หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็สามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ข้อจำกัดทางการเมืองไม่ได้มีเฉพาะเรื่องอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ เงื่อนไขการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ โดยเลือกที่จะไปจับมือกับกลุ่มการเมือง หรือชนชั้นนำทางการเมืองที่เคยขัดแย้งกัน ก็เป็นเงื่อนไขที่ดำรงอยู่ แม้อำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯจะหมดไปแล้ว เพราะการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้พิจารณาจากอำนาจของ ส.ว.เพียงอย่างเดียว
⦁ ความพร้อมในการเลือกตั้งท้องถิ่นของพรรค ก.ก.ที่จะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2567
การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็น 1 ในวาระสำคัญของพรรค นอกจากเลือกตั้งทั่วไปแล้ว การเลือกตั้งท้องถิ่นเราก็ให้ความสำคัญ ไม่ใช่เพราะวิธีคิดว่าจะใช้การเมืองท้องถิ่นเป็นฐานเสียงให้กับการเมืองระดับชาติ แต่เราให้ความสำคัญเพราะนโยบายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ที่เป็นนโยบายเรือธงที่สำคัญมากอีกเรื่อง การที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นจริง เราต้องเข้าไปสู่ภาคปฏิบัติในการเมืองท้องถิ่นด้วยความรู้ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนหน้าที่พรรค ก.ก.ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น จะมีคณะก้าวหน้าที่ดูส่วนนี้ แต่หลังจากนี้จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นในนามพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งกลไกในการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่น เราจะให้สมาชิกพรรคในแต่ละพื้นที่มีบทบาท เป็นกลไกหลักในการสรรหาพิจารณาผู้สมัครลงเลือกตั้ง
ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งท้องถิ่น และการเลือกตั้งระดับชาติไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่เราคิดว่าพรรค ก.ก.น่าจะประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่าของคณะก้าวหน้า ตอนนี้ประชาชนตื่นตัวขึ้นมาก และเริ่มเห็นความสำคัญขององค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ หากเราสามารถคัดสรรผู้สมัครที่มีคุณภาพ และมีนโยบายที่เด่นชัด เราก็คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จพอสมควร
⦁ พร้อมเปิดรับกลุ่มบ้านใหญ่ในท้องถิ่นด้วยหรือไม่
เราไม่ได้มีนโยบายเปิดหรือปิด แต่โดยธรรมชาติ เครือข่ายบ้านใหญ่ หรือเครือข่ายอิทธิพลทางการเมืองในแต่ละพื้นที่ มักจะมีวิธีคิด และวิธีการทำงานที่แตกต่างจากพรรค ก.ก. ซึ่งบ้านใหญ่เหล่านี้ มักจะไม่มาทำงานร่วมกันกับพรรคเราโดยธรรมชาติ แต่เราไม่ได้ปฏิเสธบุคคลที่เคยทำงานการเมืองมาก่อนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งขึ้นอยู่เป็นกรณีไป เราพิจารณาจากวิธีคิดและวิธีการทำงานที่ตรงกับแนวทางของพรรค
⦁ การกู้ศรัทธาจากประชาชนหลังพรรค ก.ก.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ
ปัญหาที่เกิดขึ้นเราสามารถจัดการได้แล้ว เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หาก ส.ส.คนไหนของพรรคกระทำผิด เราพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา และไม่เสียดาย แม้จะต้องเสียตำแหน่งคนที่เป็น ส.ส.ของพรรคออกไป แน่นอนว่าเรายังคงต้องพิสูจน์อีกมาก ทั้งในแง่การให้ ส.ส.ของพรรคได้เรียนรู้ ในการประพฤติตนตามหลักการคุณค่าของพรรค การยอมรับต่อสังคม เราต้องยกระดับกลไกในการตรวจสอบ ทั้งนักการเมืองของพรรค และนักปฏิบัติการของพรรคทั้งหมด เราอยู่ในช่วงปรับปรุงเรื่องนี้ตลอดเวลา การยกระดับคุณภาพการทำงานให้ตรงไปตรงมา ตามความคาดหวังของประชาชน ตนให้ทิศทางการทำงานในพรรคไว้ชัดเจนว่า ความสำเร็จและความท้าทายของพรรค ก.ก.ไม่ได้อยู่ที่คู่แข่งทางการเมือง ทิศทางการทำงานของพรรค ก.ก.ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการไปปะทะกับพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่คือตัวเราเองต่างหาก ว่าเราสามารถเอาชนะตัวเองได้หรือไม่ เราสามารถทำงานให้ประชาชนเห็นได้หรือไม่ ว่าเราเป็นอย่างที่เราเคยพูดไว้จริงๆ นี่คือจุดสำคัญของพรรค ก.ก. และจะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการตัดสินความสำเร็จทางการเมืองของพรรคในอนาคต
