‘เศรษฐา’ ย้ำ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่กาสิโน มั่นใจ เปลี่ยนเกมทางเศรษฐกิจ ลั่น ผมไม่เข้าใจ ทุนจีนสีเทาจะเข้ามาได้ยังไง
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ เครือมติชน-ข่าวสด ถึงที่มาแนวคิดโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือสถานบันเทิงครบวงจรว่า ความจริงมีแนวคิดนี้มาหลายรัฐบาลแล้ว เพราะอย่างทราบกันดีว่า เศรษฐกิจสีเทามีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็เคยมีดําริว่า เราจะทําอย่างไรที่จะเอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนดินได้ จัดระบบระเบียบให้ถูกต้อง เก็บภาษีให้เหมาะสม ซึ่งเป็นแนวคิดมาหลายรัฐบาล
แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตอนที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับผม เป็นแคนดิเดตนายกฯ เรามีการพูดคุยในวงเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องการเอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนดิน มันเป็นเรื่องที่เราต้องทํา ถือเป็นเมกะโปรเจ็กต์ ต้องให้มีความโปร่งใสว่า ไม่ใช่ว่ามีเอกชนรายใดรายหนึ่งที่จะได้ผลประโยชน์จากการที่เอาที่ดินของเขามาทํา
หลักการแรก คือ ตอนที่ผมเป็นนายกฯ เราคิดว่าเราจะเอาที่ของรัฐบาล เช่น ท่าเรือคลองเตย ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐบาล ไม่ได้มีเอกชนรายใดรายหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งที่ดินแถวนั้นมีประมาณ 3,000 ไร่ และก็อาจจะมีภูเก็ต พัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีกี่ที่ ต้องคอยทางรัฐบาลตัดสินออกมา
แต่เรื่องของเมกะโปรเจ็กต์เป็นเรื่องที่สําคัญ ในหลักการที่เราคิด คือ ถ้าจะมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีครบวงจรจริงๆ และมีกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยควรจะมีพื้นที่ทํากาสิโนประมาณแค่ 5-10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด
ส่วนที่เหลือเป็นอะไรก็คงแล้วแต่ทําเลที่ตั้ง เช่น ถ้าเป็นที่ภูเก็ตก็อาจจะมีท่าเรือ ถ้าเป็นกรุงเทพฯ ก็อาจจะมีพิพิธภัณฑ์ อาจจะมีอินดอร์สเตเดียม อาจจะมี man made สกีรีสอร์ต เหมือนที่ดูไบ มีโรงแรม สํานักงาน ตรงนี้เป็นการที่เราจะสร้าง infrastructure ขึ้นมา เพื่อให้ประเทศได้รับผลตอบรับที่ดีที่สุด
ถ้าเราสามารถระบุไว้ในทีโออาร์ที่จะให้คนมาลงทุนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ว่า คนที่มาลงทุนตรงนี้จะต้องทําอะไรบ้าง ต้องมีโรงแรม ต้องมีโรงละคร ต้องมีสเตเดียมอินดอร์ ต้องมีสํานักงาน มันจะเป็นการสร้างงาน สร้าง infrastructure project ขึ้นมา เพื่อจะรองรับภาคส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ
ปัจจุบันนี้เมืองไทย ขนาดเราไม่มีสเตเดียมที่เป็นเวิลด์คลาส แต่ก็ยังมีอีเวนต์ใหญ่ๆ บ้าง ก็แสดงว่าเมืองไทยยังมีเสน่ห์ แต่ลองคิดดูว่า ถ้าเรามีสเตเดียมที่เป็นอินดอร์ หลังคาเปิด-ปิดได้ พื้นสามารถหมุนเข้าหมุนออกเป็นหญ้าหรือเป็นเวทีได้ และสามารถดึงดูดอีเวนต์ต่างๆ ให้เข้ามา ก็จะเป็นรายได้ที่สําคัญของประเทศ
ตอนที่ผมเป็นนายกฯ และรัฐบาลนี้ก็ยังให้ความสําคัญต่อเนื่อง สำหรับการจัดเวิลด์คลาสอีเวนต์ เอาคอนเสิร์ตใหญ่ๆ เข้ามา และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาด้วย แต่ถ้าเราไม่มีสถานที่จัด มันก็ลําบาก
สำหรับเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร สมัยก่อนจะมีลาสเวกัสและมาเก๊า ในส่วนของลาสเวกัส คนมองว่าเป็นแค่กาสิโน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรที่คนไม่เล่นการพนันไปเยอะกว่าคนเล่นการพนัน แต่ละโรงแรมใหญ่ๆ มีโชว์ระดับโลก เช่น โรงแรมเบลลาจิโอ สร้างโรงละครขึ้นมา เพื่อจะเล่นโชว์กายกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งมีมา 25 ปีแล้ว
สมัยก่อนค่าดู 100 เหรียญ วันนี้ขึ้นเป็น 300 เหรียญ ที่นั่งมีเกือบ 2,000 ที่นั่ง ค่าลงทุนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว 30 กว่าล้านเหรียญ เดี๋ยวนี้ปีหนึ่งได้รายได้ 7-9 ล้านเหรียญ ซึ่งมันคุ้มทุนไปแล้ว โชว์ไปดูวันนี้ หรือดูเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ก็โชว์เดิมๆ
แต่มีความแปลกใหม่ คือ เวทีเป็นพื้นธรรมดา แต่เปลี่ยนเป็นสระน้ำได้ ซึ่งลงทุนสูง แต่เพราะเป็นโชว์ที่ได้รับการยอมรับที่สูงมาก 25 ปีผ่านไปก็ยังมีคนไปดูอยู่ ยังทำเงินได้อยู่ คนที่เดินทางไปดูโชว์เหล่านี้โดยเฉพาะมีหลายหมื่นคน ฉะนั้นจึงไม่อยากให้โฟกัสแค่กาสิโน แต่อยากให้โฟกัส Man-Made Destination (แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น) ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน
แน่นอนจํานวนนักท่องเที่ยวก็มีความสําคัญ แต่การใช้จ่ายต่อบุคคลก็มีความสําคัญ ระยะเวลาในการอยู่ก็มีความสําคัญ คนไปอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เขาไปครั้งหนึ่งอยู่กัน 7-10 วัน แต่คนมาเมืองไทย เฉลี่ยช่วงเวลาพำนัก ประมาณ 2 วันครึ่ง 3 วันเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่ยาวพอ
ถ้าเราเอาแค่ 35.5 ล้านคน เพิ่มระยะเวลาที่เขาอยู่ จาก 3 วัน เป็น 7 วัน ผมคิดว่ารายได้เข้าประเทศอีกมโหฬาร และมันก็ไม่เป็นภาระที่เราต้องขยายสนามบินให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาและอยู่นานขึ้น จับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น
แน่นอน โบราณสถานต่างๆ สตรีทฟู้ด ภูเก็ต พัทยา เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ถ้าเรามีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย มีเวิลด์คลาสอีเวนต์ มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ มีการสร้างสกีรีสอร์ทใหม่ นักท่องเที่ยวก็จะอยู่นานขึ้น อยากให้เราโฟกัสตรงนี้ด้วย เราไม่ทําแค่กาสิโนอย่างเดียว เราทําอย่างอื่นด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่เราพูดน้อย คือ เรื่องของปัญหาสังคมที่จะเกิดตามมา การที่เรามีกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายจะเป็นการมอมเมาหรือเปล่า ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่า เราพูดน้อยเกินไป มาตรการที่เราจะมาดูแล หรือกฎกติกาที่จะให้คนไทยเข้าไปเล่นกาสิโนได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินฝาก เรื่องค่าเข้า เรื่องการมอมเมา เรื่องการตรวจเช็กว่าเข้ามาบ่อยขนาดไหน ครอบครัวเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีการมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิดหรือเปล่า ซึ่งผมเชื่อว่า กําลังมีการร่างมาตรการอยู่ ซึ่งเราต้องพูดตรงนี้ให้เยอะขึ้น เพื่อให้สังคมมีความสบายใจ
ภาษีที่เราจะเก็บได้ มันเป็นผลพลอยได้ที่จะตามมา ปัญหาสังคมลดน้อยลง ทั้งเรื่องอาชญากรรม เรื่องมาเฟียต่างๆ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมไม่เข้าใจที่บอกว่า ถ้ามีบ่อนที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มีสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว จะมีทุนจีนสีเทาเข้ามาเยอะ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เข้ามาได้อย่างไร
ถ้าเราทําเป็นเสรีจริงๆ มีการประมูลที่ถูกต้อง มีการให้บริษัทใหญ่ๆ ที่อยากจะมาลงทุน ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง มีสถานภาพทางด้านการเงินที่แข็งแกร่ง ตรวจสอบได้ เชื่อว่าคนเล่นก็จะให้ความไว้วางใจมากขึ้น ควบคู่กับกฎที่เราจะออกมาควบคุมเรื่องพฤติกรรม เรื่องของการดูแลสังคม
หลายคนกังวลเรื่องทุนจีนสีเทา เรื่องการฟอกเงิน ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย ปัจจุบันนี้มันมีการฟอกเงินอยู่แล้วผ่านบ่อนที่อยู่ใต้ดิน ถ้าเราเอาขึ้นมามันก็จะควบคุมได้ น้อยลงหรือหายไป
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คือเมกะโปรเจ็กต์ เพื่อปลุกเศรษฐกิจ
โครงการเมกะโปรเจ็กต์ เราไม่ได้ทําเลยตั้งแต่การสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ นี่เป็นโอกาสทองที่เราจะให้คนเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องลงทุนเอง ซึ่งประเทศไทยมีครบ ทั้งภูเขา มีทะเลที่สวยงาม มีสตรีทฟู้ดอร่อย ค่าครองชีพต่างๆ ก็ถูก ซึ่งคนอยากมาเที่ยว และถ้าเรามีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีระบบการดูแลที่ถูกต้อง เชื่อว่าหาคนชนะประเทศไทยยาก
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นการเปลี่ยนเกมทางเศรษฐกิจ สร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใหม่ให้กับเรา เป็นการกําจัดหรือลดทอนเรื่องธุรกิจสีเทาลงไปเยอะมาก วันนี้ถ้าคุณจะไปจังหวัดต่างๆ บางสนามบินมีแต่ไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ รันเวย์ไม่พอสําหรับเครื่องบินบางไซส์ที่จะลงได้ ซึ่งการท่องเที่ยว จะต้องทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น
อย่าลืมว่า การท่องเที่ยวเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีแล้ว หมายความว่าคนยังสนใจ ดึงดูดได้อยู่ ซึ่งต้องเสริมให้ดียิ่งขึ้น และจะทําให้เราต้องพึ่งเรื่องการส่งออกน้อยลง ซึ่งเรื่องความเปราะบางทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เป็นเรื่องหนึ่งที่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของกําแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราต้องหาเรื่องอื่นมาบาลานซ์ ทําให้จีดีพีของเราแข็งแกร่งขึ้น เมื่อมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้ว คิดว่านักท่องเที่ยวคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการพัฒนา infrastructure ทั้งหมดด้วย ขึ้นอยู่กับจำนวนสายการบินด้วย เช่น หนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลของผมจัดการขึ้นมา เรื่องการอัพเกรดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวบูมขึ้นมาได้