สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดใจ ‘พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง’ เสนอตัวชิง ส.ว. ‘เรามีคุณสมบัติสู้คนอื่นได้’

หมายเหตุ – พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง เลขานุการประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงการเตรียมตัวก่อนร่วมลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดใหม่ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567

•แนะนำประวัติส่วนตัว ประสบการณ์ และผลงานที่เคยทำมาให้รู้จักเพิ่มขึ้น

เป็นตำรวจมาทั้งชีวิตเพราะคุณพ่อเป็นตำรวจ เมื่อคุณพ่อออกไปตรวจตราเราก็ติดสอยห้อยตามไปด้วยตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และเมื่ออายุ 18 ปี ก็ได้มาเป็นตำรวจจริงๆ เราก็เริ่มต้นตั้งแต่การเป็นพลตำรวจชั้นผู้น้อย แล้วค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมา ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี สำหรับชีวิตราชการตำรวจ ระหว่างที่เราเป็นตำรวจนั้นพ่อก็สอนให้เราทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร เรียกได้ว่าทั้งครอบครัวทำอาชีพตำรวจหมด โดยผมศึกษาจบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และปริญญาโทศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก นอกจากนี้ ยังเข้ารับการอบรมเรื่องอื่นๆ เช่น หลักสูตรวิทยาการจัดการสำหรับผู้บริหารระดับสูง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม, หลักสูตรการบริหารการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมภาครัฐร่วมเอกชน วิทยาลัยการตำรวจ, หลักสูตรนักบริหารเมืองและเศรษฐกิจยุคใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, หลักสูตรจีเนียสเอ็กซ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นต้น

ในช่วงที่ผมเป็นร้อยตำรวจตรีเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมวดยานยนต์ตำรวจทางหลวง, ผู้การทางหลวง, รองสารวัตรตำรวจทางหลวง, สารวัตรสืบสวนเมืองนครนายก, สารวัตรสืบสวนตำรวจนครบาล สน.คันนายาว, รองผู้กำกับการทางหลวง 1 และทางหลวง 7, รองผู้บังคับการคุ้มครองผู้บริโภค, รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์, ผู้บังคับการสารนิเทศ อยู่ใกล้ชิดนักข่าวและทำข่าวให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์, ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ดูแลด้ามขวานไทยทั้งหมดตั้งแต่กรุงเทพฯไปจนถึงนราธิวาส, รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และล่าสุดได้รับการทาบทามให้เป็นเลขานุการประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

Advertisement

ขณะที่ตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขึ้นมา ผมเป็นผู้บังคับการท่องเที่ยวคนแรกที่เข้าดำรงตำแหน่ง ได้พบเห็นความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดของการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยมากถึง 35 ล้านคน พร้อมกันนี้ก็ได้เห็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดจากเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวล่มที่ จ.ภูเก็ต ผมก็ได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์นี้ด้วยความทุ่มเทตั้งแต่นาทีแรกที่เรือล่ม ทั้งการกู้ซากเรือขึ้นฝั่ง การกู้ร่างผู้เสียชีวิตจากทะเลและส่งกลับประเทศจีน เราก็พยายามดูแลญาติผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี เพื่อแสดงถึงเจตนาว่าชาวไทยไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เหตุการณ์นี้ก็ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนจนไม่กล้าเดินทางมาประเทศไทยระยะหนึ่ง ทำให้รายได้ท่องเที่ยวตกต่ำ

ช่วงหนึ่งสมัยที่ผมดำรงตำแหน่งตำรวจดูแลทางหลวงมันก็เห็นเป็นประจักษ์อยู่แล้วว่าในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตนับพันคน ซึ่งเรายังไม่พูดถึงเทศกาลอื่น โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ในอดีตปัจจัยรถและถนน
ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ในปัจจุบันลดเหลือเพียงแค่ 6 เปอร์เซ็นต์ ชัดเจนว่าสาเหตุมาจากความประมาทจากผู้ใช้รถใช้ถนนมากถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เราคิดว่าความประมาทนั้นสามารถแก้ไขได้ แต่ด้วยยังไม่มีหลักสูตรไหนเคยสอนไว้ ซึ่งผมได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิอาสาจราจร และสมาคมออฟโรดช่วยเหลือเพื่อนร่วมทาง จึงตั้งใจมุ่งให้ความรู้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษา โดยเริ่มนำร่องที่ อ.เมือง และ อ.องครักษ์ จ.นครนายก โดยได้ประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ มีการลงนามเอ็มโอยูกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และจะขยายพื้นที่ไปใน จ.นนทบุรี และ จ.เพชรบุรี ด้วย เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและให้ความรู้กับเยาวชนที่สามารถนำไปใช้ได้จริง

•ประสบการณ์ 40 ปี ช่ำชองกว่าคนอื่น แรงผลักดันมุ่งมั่นสมัคร ส.ว.

Advertisement

ตอนเราเกษียณก็เหมือนทำงานเป็น ส.ว.อยู่แล้ว ตอนที่ผมเป็นสารวัตรอยู่ที่นครนายกก็ได้ตั้งกองบัญชาการ ทำหน้าที่เหมือนผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชน เพราะเราสามารถประสานงานไปยังหน่วยงานราชการเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ เราก็ทำหน้าที่เสมือน ส.ว.มาแล้ว 4 ปี เมื่อเห็นว่ามีการเปิดรับสมัครเราก็สนใจ เพราะ ส.ว.รุ่นที่แล้วมีแต่ผู้ใหญ่ที่เป็นพรรคพวกกัน ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่เปิดกว้าง ซึ่งการสมัคร ส.ว.ในรอบนี้แบ่งเป็น 20 กลุ่มอาชีพ ผมจึงลงสมัครในกลุ่มอาชีพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่มีอาชีพตำรวจอยู่ในนั้น เราเป็นตำรวจมา 40 ปี เรื่องคุณสมบัติเรามั่นใจว่าเราช่ำชอง ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย ทนายความ เราก็ไม่ได้ดูในอาชีพอื่น เราไม่ได้ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่ไปลงกลุ่มอาชีพอื่น

•มั่นใจในความสามารถแค่ไหนในการเข้าไปสู้กับผู้สมัครคนอื่น

ถ้าเราลงแล้วเราต้องมั่นใจว่าเรามีคุณสมบัติที่จะสู้คนอื่นได้ในกลุ่มอาชีพนี้ ซึ่งในกลุ่มสายอาชีพนี้ อาชีพตำรวจก็นับว่าครอบคลุมหมด เราเป็นคนที่สร้างความยุติธรรม เป็นต้นน้ำที่ต้องนำพยานหลักฐานให้อัยการและศาลตัดสิน เราต่อสู้กับความยุติธรรมมานับไม่ถ้วน คิดว่าในสายอาชีพนี้เราเป็นหนึ่งในตองอู เราเป็นตำรวจมา 40 ปี มากกว่าคนที่เป็นตำรวจ 10 ปีอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมใคร เราทำในหน้าที่ของเราและเข้าใจในบทบาทของเราเป็นอย่างดี คิดว่าสู้ได้ถ้าตั้งใจ

•ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ว. กังวลหรือไม่กับกติกาที่มีช่องโหว่ที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มบ้านใหญ่ฉวยโอกาสนี้

ผมว่ากติกาในอดีตที่ผ่านมามีช่องโหว่มากกว่า ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากประชาชน และกติกาแบบใหม่เท่าที่ผมได้ศึกษานั้นเป็นครั้งเดียวและครั้งแรกในโลก แม้หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากแต่ผมกลับคิดว่าความยุ่งยากและความยุติธรรมจะมาพร้อมกัน ถ้ามันยุ่งยากมันคือความยุติธรรม ถ้าง่ายก็อาจจะทำให้เกิดความอยุติธรรม ฉะนั้น หากง่ายเกินไปก็อาจจะเอื้อให้เกิดการทุจริตง่าย ในเมื่อดำเนินการยากก็อาจจะทำให้เกิดการทุจริตยาก ผมกลับมองเรื่องนี้ว่าช่องโหว่มันลดน้อยลง ซึ่งกฎระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุก็ได้ให้อำนาจไว้มากมาย เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติจะเคร่งครัดรักษากฎระเบียบนี้ไว้ได้หรือไม่ ผมมองว่านี่คือโอกาส หากไม่มีกติกานี้ผมคงไม่มีโอกาสมาสมัคร ทั้งนี้ ด้วยตัวกติกาก็มีข้อจำกัดเยอะจนทำให้บ้านใหญ่เข้ามาได้ยากขึ้นและจะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า

•มั่นใจหรือไม่ว่าด้วยกติกาแบบนี้จะทำให้เราได้ ส.ว.ที่มีความสามารถและเหมาะสมเข้าไปในวุฒิสภาได้จริง

ผมมองว่า 20 กลุ่มอาชีพยังน้อยไป อยากให้มีสัก 50 กลุ่มอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นข้าราชการครู เป็นผู้ประกอบการ หรือนักธุรกิจ ก็ต้องมีความรู้ มีประสบการณ์มากถึง 10 ปีเช่นกัน ดังนั้น ถ้าหากมีความรู้และมีประสบการณ์เขาก็จะนำประสบการณ์ ความรู้ ปัญหาและอุปสรรคที่สั่งสมมา รวมถึงความสำเร็จและความล้มเหลวมาแก้ไขกฎหมาย จากเดิมที่ใครก็ไม่รู้เข้ามาเป็น ส.ว. เข้ามาแก้ไขปัญหาในอาชีพนั้นๆ ทั้งที่คนเหล่านั้นกลับไม่ได้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เจอปัญหา หรืออุปสรรคอย่างคนในกลุ่มอาชีพนั้นต้องเจอ แต่กลับเข้ามาแก้ปัญหาโดยการฟังจากคนอื่นเล่ามาอีกที เราเรียกวิธีนั้นว่าเกาไม่ถูกที่คัน

•คิดอย่างไรกับการที่ภาคประชาสังคมที่พยายามรณรงค์ให้ประชาชนที่มีคุณสมบัติครบลงสมัคร ส.ว.เพื่อเข้าไปเลือกด้วยตนเอง

ถ้าบอกว่ามีการระดมคนเพื่อสมัคร ส.ว.ให้ไปโหวตคนอื่น ผมมองว่าไม่ใช่ เพราะเขาให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาสมัครเพื่อเข้าไปทำหน้าที่นี้ ไม่ใช่เข้ามาเสนอตัวเพื่อเลือกคนอื่นเข้าไป ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องมีความมั่นใจในการที่จะลงสมัคร ส.ว.เพื่อแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง แต่การเข้าไปสมัครเพื่อช่วยกันเลือกคนอื่นแปลว่าเราไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้น ซึ่งเป็นความเสี่ยง หากคุณมีความรู้ความสามารถทำไมคุณไม่ตั้งใจสมัครเข้าไปเอง ผมมองว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่ที่มีการตั้งกลุ่มกันเพื่อจะเข้าไปเลือกคน อาจจะเสี่ยงต่อการถูกแจกใบเหลือง หรือใบแดง ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ ซึ่งนี่เป็นโมเดลความคิดว่าอาจจะมีคนฉวยโอกาสทุจริต แต่ที่เราจะเข้าไปแก้ไขในตรงนี้ เราได้ทำผิดกฎหรือเปล่า ระเบียบกฎหมายก็ระบุชัดเจน ต้องให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องดูแลคัดกรอง

ณัฐวรรณ ทองพันภิญโญ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image