ชาญศิลป์ เชื่อ คนอยากรู้ การบินไทย ฟื้นจริงไหม? เปิดแผนปักหมุดเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 68

ชาญศิลป์ เผยทุ่มเขียนบันทึก ‘ฟื้นฟูการบินไทย’ หวังคนรุ่นหลังเก็ทสตอรี่ พร้อมเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์กลางปี 68

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ณ อาคารมนุษยนาควิทยาทาน วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์มติชน จัดงานเปิดตัวหนังสือ ‘พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย’ โดย นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แสดงถึงมุมมองและแนวคิดการบริหารธุรกิจในช่วงที่ต้องบินฝ่าวิกฤตแบบพลิกฟ้า และพลิกวิกฤตกลายเป็นโอกาสใหม่ของ “การบินไทย”

เวลา 13.30 น. เริ่มกิจกรรมเสวนา ‘Book Launch พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย’ โดย นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย และนายธีรัตถ์ รัตนเสวี เป็นผู้ดำเนินรายการ

ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังการเสวนาจบลง นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้เขียนหนังสือเรื่อง พลิกฟ้า ฝ่าวิกฤต การบินไทย แจกลายเซ็นหนังสือ และร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับแขกผู้มาร่วมงานอย่างอบอุ่น

นายชาญศิลป์กล่าวว่า วันนี้การบินไทยได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปหลายด้านมาก อะไรที่ไม่เป็นทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ เราก็จัดการเรียบร้อยแล้ว หรือ เรื่องโครงสร้างเงินเดือนและสวัสดิการขององค์กร ก็มีความคล่องตัวมากขึ้น ลำดับชั้นในการบังคับบัญชาก็ลดลง ขยายการบริหารควบคุมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการจัดจัดจ้างก็สามารถทำได้อย่างดี สรรหาสินค้าที่มีคุณภาพ และโปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาเครื่องบิน เครื่องยนต์ที่เกิดขึ้น ระบบการซื้อขายตั๋วก็ดีขึ้นผ่านระบบดิจิทัลเยอะขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้ปรับปรุงไป

ADVERTISMENT

“ขณะเดียวกันองค์กรเรากำลังมีคนทันสมัยกลับมาทำงานมากขึ้น และถ้าเกิดว่าปลายปีนี้ถ้าเราสามารถแปลงหนี้เป็นทุนได้ แล้วทุนเป็นบวกได้ การเพิ่มทุน และปลายปีจะแปลงหนี้เป็นทุน 100 เปอร์เซ็นต์ และเจ้าหนี้ที่เป็นธนาคารหุ้นกู้ แล้วพยายามจะแปลงหนี้ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตรงนั้นก็จะทำให้ปลายปี ทุนก็จะเป็นบวกแล้ว รวมถึงเพิ่มทุนจากการเปิดให้พนักงานเข้ามาซื้อหุ้น

เราคาดว่าเมื่อครบองค์ประกอบต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถจ่ายหนี้ตรงตามแผนไปอีก 10 กว่าปี ประมาณ 130,000 ล้านบาท เราก็จะจ่ายหนี้ไปตามแผนทุกอย่าง เมื่อมันดำเนินการเรียบร้อย ก็จะมีการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์กลางปี 2568 หลังจากนั้นก็จะมีกรรมการและผู้ถือหุ้นใหม่ บริหารงานโดยที่การบินไทยจะเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งมีรัฐถือหุ้นใหญ่แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลวิสาหกิจแล้ว เพราะการแข่งขันที่เปิดเสรีกันในประเทศ มันต้องมีความคล่องตัว มีการบริหารอย่างมืออาชีพ และมีผลกำไรที่ยั่งยืน” นายชาญศิลป์ชี้

นายชาญศิลป์กล่าวว่า สำหรับงานเปิดตัวหนังสือวันนี้ตนรู้สึกดีมากที่มีผู้คนมาให้กำลังใจมากมาย ซึ่งตนต้องการบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ให้เกิดให้คนได้ใช้ประโยชน์ อย่างน้อยวงการศึกษา หรือ รุ่นน้องในวงการธุรกิจ ถ้าเกิดเขามีปัญหาหรือมีการต้องฟื้นฟูธุรกิจ เขาจะได้ดูแนวทางว่าเขาทำอย่างไร ซึ่งอยากเขียนไว้ในตอนที่ยังไม่แก่เกินไป

“อยากให้น้องที่เขามากันตอนนี้เป็นผู้บริหารกันแล้ว ได้รู้ว่าเทคนิคในการทำตอนนั้นทำอย่างไรบ้าง ลำบากแค่ไหนอย่างไรกว่าจะมาเป็นวันนี้ เขาจะได้ดูแลการบินไทยได้ต่อไป เป็นการรับน้องการบินไทยแบบรุ่นต่อรุ่น เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด วันนี้ก็มาเปิดเผยสตอรี่ทั้งหมดให้เขาได้ฟัง รวมถึงมีเพื่อนจากธรรมศาสตร์ที่รู้จักกันมา 30-40 มาฟังกัน และรุ่นน้องการบินไทยหลายคนก็มาช่วยกัน มันก็รู้สึกว่าการที่เราทุ่มเทลงมือลงแรงไป มันไม่เสียเปล่า” นายชาญศิลป์เผย

นายชาญศิลป์กล่าวว่า ส่วนประชาชนเขาก็รู้จักการบินไทยอยู่แล้ว และให้กำลังใจอยู่แล้ว ซึ่งตนว่าหลายคนก็คงอยากรู้ว่า มันฟื้นจริงหรือเปล่า มันฟื้นแน่หรือเปล่า มันทำอย่างไรถึงฟื้น มันก็คงอ่านสนุก ซึ่งผมก็เขียนแล้วให้ทีมประชาชาติช่วยกลั่นอีกที ซึ่งทีมเขียนสนุกกันอยู่แล้วและมันก็ออกมาดี

“หลังจากอ่านเล่มนี้จะค่อนข้างรู้รายละเอียดว่ามันมีแผนฟื้นฟูมาได้อย่างไร ส่วนคนที่ยังไม่เข้าใจ เราก็รู้สึกไม่เป็นไร เพราะยังไงเราก็เป็นมิตรกัน ส่วนคนที่ชอบอยู่แล้วก็ยิ่งจะเป็นมิตรมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น

หนังสือรอบนี้ออกมา 5,000 เล่ม ผมคิดว่าการพิมพ์ออกมารอบแรกนี้ก็ต้องรีบซื้อ เพราะอย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้พวกเรา แต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้มีอาชีพทำหนังสือ เพียงแต่ว่าผมอยากจะร่วมเขียนกับมติชน และ ประชาชาติ ให้ได้บันทึกเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้” นายชาญศิลป์กล่าวทิ้งท้าย