ที่มา | เสาร์ประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | เมตตา ทับทิม [email protected] |
เผยแพร่ |
เคยสงสัยบ้างไหม ทำไมคนจีนเยอะจังเลยในบ้านเรา
หัวข้อชวนคุยวันนี้ขออนุญาตแตะเรื่องตลาดจีนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ถือเป็นซีรีส์ภาค 2 ต่อจากหัวข้อเรื่อง “นิยามใหม่ ไชน่าทาวน์” ก็แล้วกันค่ะ
ก่อนจะรู้สาเหตุกำลังซื้อคนจีนทะลักเข้าเมืองไทย ต้องย้อนกลับไปดูคนจีนตัวเป็นๆ ที่เข้ามาในเมืองไทยเสียก่อน มีข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างปี 2550-2560 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มจากปีละไม่ถึง 15 ล้านคน จนกลายเป็น 35 ล้านคน
ในภาพรวม นักท่องเที่ยวต่างชาติโตเกิน 1 เท่าตัวภายใน 10 ปี
เอกซเรย์ดูนักท่องเที่ยวจีนเพียงชาติเดียว ปี 2550 มีสัดส่วน 6% แต่พอจบปี 2560 สัดส่วนเพิ่มเป็น 27% แบบนี้เขาเรียกว่าโตถึง 4 เท่าครึ่ง
คำนวณคร่าวๆ ปีที่เรามีนักท่องเที่ยวทุกชาติ 15 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนซะ 6% เท่ากับ 9 แสนคน
ปีที่เรามีนักท่องเที่ยวทุกชาติ 35 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนฟาดเข้าไป 27% หรือเท่ากับ 9.5 ล้านคน
นั่นหมายความว่า สถิติในแง่เปอร์เซ็นต์นักท่องเที่ยวจีนเพิ่ม 4 เท่าครึ่ง แต่พอเป็นจำนวนคน สถิติเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า
นั่นหมายความว่า กำลังซื้อรายย่อยเพิ่มทันทีจากปีละ 9 แสนคน กลายเป็นปีละ 9.5 ล้านคน
คำถามคือเวลาคนจีนไปเที่ยวต่างประเทศ เขาใช้จ่ายสตางค์ไปกับเรื่องอะไรบ้าง
วันนี้มีสถิติ 4 ด้านมาโชว์ อันดับหนึ่งคนจีนใช้ไปกับเรื่องท่องเที่ยว 86% อันดับท้ายเป็นค่าใช้จ่ายเยี่ยมญาติกับสารพัดพรรคพวกเพื่อนฝูง 17% ถัดมาเขาใช้จ่ายไปกับการช้อปปิ้ง 18%
เหลืออีกด้านที่รู้แล้วถึงกับอึ้ง สถิติบอกว่านักท่องเที่ยวจีนเขามองหาช่องทางลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ สัดส่วนถึง 42%
นับเฉพาะวงเงินที่ผู้บริโภคจีนขนออกมาซื้ออสังหาทั่วโลกตกปีละ 1 ล้านล้านบาท กระจุกตัวอยู่ในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา 60% เมืองไทยของเราไม่รู้จะดีใจดีหรือปล่าว ตลาดอสังหาประเทศไทยอยู่ในอันดับ 2 สัดส่วน 5% หรือราวๆ ปีละ 50,000 ล้านบาท
ล่าสุด ทางแบงก์ชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ออกมาโชว์ข้อมูลธุรกรรมคนต่างชาติซื้อเงินบาทเพื่อนำมาชำระค่าซื้อคอนโดมิเนียม สถิติปี 2560 อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท
ปีที่แล้วต่างชาติทั่วโลกซื้ออสังหาไทย 70,000 ล้านบาท เดาว่าเป็นกำลังซื้อคนจีนชาติเดียว 50,000 ล้านบาท
อะไรกันนะที่ผลักดันให้ผู้บริโภคจีนขนเงินมาซื้ออสังหานอกประเทศ คำตอบแบบกำปั้นทุบดินทั่นบอกว่า “คนรวยรุ่นใหม่” ของจีนต้องการกระจายความเสี่ยง เพราะถึงยังไงจีนก็ปกครองระบอบสังคมนิยม วันนี้สตางค์เป็นของเราอยู่ดีๆ พรุ่งนี้อาจถูกสั่งให้สตางค์เป็นของรัฐก็ได้ ใครจะไปรู้
กับอีกเรื่อง มีกะตังค์แต่รัฐบาลห้ามโน่น-นี่ ซื้อห้องชุดในเมืองจีนก็ซื้อได้แค่คนละ 2 ห้อง แบบนี้เงินทองจะมีรูระบายได้ยังไง ถ้าไม่ลงทุนหาผลตอบแทนของเก่าที่มีอยู่ก็มีแต่จะร่อยหรอหมดไป สู้เอาเงินมาซื้อคอนโดในมหานครกรุงเทพฯ หรือซื้อไว้ตามเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ขี้เหร่ๆ ก็ต้องมีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าปีละ 3-4%
ทั้งนี้ทั้งนั้น คนจีนไม่ได้ซื้อสะเปะสะปะ เขาอั้นเพดานราคาต้องไม่เกิน 2 แสนบาท/ตารางเมตร ราคาเหมายกห้องต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท อธิบายให้ง่ายขึ้นไปอีกคือราคาไม่เกิน 1 ล้านหยวนนั่นเอง
ทั้งหมดนี้เป็นคำเฉลยว่าทำไมการพักอาศัยในโครงการห้องชุดจึงเต็มไปด้วยเจ้าของ-ผู้เช่าชาวจีน แม้กระทั่งโควต้าซื้อกรรมสิทธิ์ในห้องชุด 49% เริ่มเต็มในหลายโครงการและหลายทำเลทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด
ดีกรีความนิยมของลูกค้าจีน บ้าเข้าขั้นถึงขนาดจัดทัวร์เฉพาะกิจช้อปอสังหาโดยเฉพาะกันเลยทีเดียว