คอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย…ตะลุยกิน : ‘ฌานา’ โดนใจสายเฮลตี้ ส่งตรงวัตถุดิบจากใจเกษตรกรถึงคนเมืองกรุง

ตำข้าวโพดทับทิม

จะว้าวซักแค่ไหนถ้าได้รู้ว่าปลากะพงหินออร์แกนิคแล่บางพอดีคำ ชิ้นที่ตะเกียบคีบอยู่นั้น ถูกส่งมาจากพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านที่ออกเรือไปจับกันวันต่อวัน ด้วยเครื่องมือจับที่แสนจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญใช้เพียงน้ำแข็งในการถนอมรักษาความสดเพื่อส่งต่อยังผู้บริโภค ไม่ข้องแวะกับสารเคมีเด็ดขาด

สัปดาห์นี้ขอควงแขนคนรักสุขภาพไปอิ่มหนำกับอาหารที่ร้าน “ฌานา” ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์ ร้านอาหารที่ชูจุดเด่นเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบและการปรุงด้วยหัวใจ ที่สำคัญ คือ ราคาจับต้องได้สบายกระเป๋า

ฌานา เป็นร้านอาหารน้องใหม่สำหรับคนรักสุขภาพในเครือฟู้ดแพสชั่น เจ้าของแบรนด์ “บาร์บีคิว พลาซ่า” และ “จุ่มแซ่บฮัท” เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ซิกเนเจอร์ คือ หม้อไฟ ในส่วนที่เรียกว่า “Farm Pod” เมื่อได้โต๊ะแล้วก็เลือกน้ำซุปกันเลย น้ำซุปมีให้เลือก 2 แบบ คือ ซุปไก่ สูตรหวานกลมกล่อมจากการเคี่ยวไก่และผักหลากชนิด กับ ซุปแซ่บ สูตรอุดมสมุนไพรนานาชนิดให้ความเผ็ดร้อนเล็กๆ แต่อโรมาโชยหอมหวนชวนน้ำลายสอ

Advertisement

เนื้อสัตว์เลือกได้ตามใจชอบ ไฮไลต์ คือ ชุด “หมูสามเกลออารมณ์ดี” 355 บาท “สามสหายโคขุนร่าเริง” 485 บาท หรือแก๊งประมงรักษ์โลก 585 บาท

ซุปไก่
ซุปแซ่บ
ชุดหมู
แก๊งประมง

อดชื่นชมไม่ได้ คือ การคัดสรรวัตถุดิบสุดแสนพิเศษ อย่าง “แก๊งประมงรักษ์โลก” เป็นการรวมอาหารทะเลดีๆ ในทะเลไทยตามฤดูกาล ส่งตรงจาก เครือข่ายรักษ์ปลา-รักษ์ทะเล ที่ได้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มีทั้ง ปลากะพงหิน ปลาน้ำดอกไม้ ปลาอินทรี ปลาพื้นบ้านตามฤดูกาล กุ้งแชบ๊วย และหมึกศอก ที่คนรักหมึกได้กินแล้วอาจต้องหลั่งน้ำตาให้กับความอร่อยที่ไม่ได้พบบ่อยๆ จากท้องตลาดทั่วไป ด้วยความสดและปราศจากสารเคมีทำให้หมึกยังมีรสชาติ เนื้อเหนียวนิด และเด้งนุ่ม ใครกินก็ติดใจต้องสั่งเบิ้ลเฉพาะหมึกศอกมาอีกในราคาจานละ 195 บาท

คนชอบหมูต้องลอง “หมูสามเกลออารมณ์ดี” หมูที่นี่การันตีจาก ฟาร์มคุณชายละเอียด @ ราชบุรี เนื้อที่นำมาเสิร์ฟล้วนเป็นเนื้อหมูหนุ่มสาวที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ด้วยอาหารเมล็ดธัญพืช ในจานประกอบไปด้วย สันนอก สันคอ และสามชั้น นำมาสะบัดในน้ำซุปเดือดปุดๆ จิ้มกับน้ำจิ้มที่ใช่ รับประกันอร่อยฟินยันอีกวัน

Advertisement

ส่วนสายเนื้อต้องสั่ง “สามสหายโคขุนร่าเริง” ที่จะมีเนื้อใบพาย สันคอ และเสือร้องไห้ ส่งตรงจากเครือข่ายสหกรณ์โคเนื้อ ระยอง ที่เลี้ยงอย่างเป็นระบบ ใส่ใจทุกระยะการเติบโตทำให้ได้เนื้อที่สมบูรณ์มีลวดลายสวยงามและรสชาติดีเยี่ยม ั้

ส่วนผักเลือกตามใจชอบได้แบบไม่อั้นที่สเตชั่นผัก มีให้เลือกหลากหลาย มีผักแปลกใหม่สดกรอบจากสวน “จอน นอนไร่” และ “ไร่บุญฉลวย” จากนครราชสีมา

น้ำจิ้มก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งสไตล์ญี่ปุ่น น้ำจิ้มพอนสึ น้ำจิ้มงา หรือชอบแซ่บๆ ต้องน้ำจิ้มแจ่วฌานา ส่วนใครชอบความจี๊ดจ๊าดต้องน้ำจิ้มซีฟู้ด และทีเด็ดสุดท้าย น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน แบบกลมกล่อม สูตรเฉพาะของครอบครัวเจ้าของบ้านฌานานี่เองั้

นอกจากหม้อไฟ ที่ร้านยังมีเมนูอื่นๆ ทั้งอาหารจานย่าง สลัด แอนด์ แอพลิไทเซอร์ อาหารจานเดียว เครื่องดื่ม และของหวานั้

ในส่วนของ สลัด แอนด์ แอพลิไทเซอร์ ต้องไม่พลาดชิม “ส้มตำข้าวโพดทับทิมสยามไข่เค็ม” 155 บาท ใช้ข้าวโพดหวานสีแดง จากไร่บุญฉลวย เป็นพันธุ์แรกของโลกที่คนไทยปลูก รับประทานดิบได้ รสชาติหอม หวาน กินแล้วท้องไม่อืดเพราะแป้งน้อย และมีคุณค่าทางอาหาร ต้านสารพัดโรค แถมรสชาติยังแซ่บถึงใจจริงๆ

สำหรับคนเวลาน้อย ยังมีอาหารจานเดียวที่น่าลิ้มลองอีกเพียบ โดยเน้นจานที่คนไทยคุ้นเคยแต่นำมาประยุกต์ปรับนั่นเพิ่มนี่จนน่าสนใจมากขึ้น เมนูจี๊ดๆ อยากให้ลองคือ “ข้าวหอมมะลิอินทรีย์คลุกปลาทูแม่กลอง” เสิร์ฟพร้อมน้ำซุป สลัด และไข่ขบถออนเซ็นจากบ้านรักษ์ดิน 175 บาท

ทีเด็ด คือ ไข่ขบถจากบ้านรักษ์ดิน เป็นไข่จากแม่ไก่ที่ปล่อยเลี้ยงเสรีตามธรรมชาติ แม่ไก่ไม่เครียดก็จะให้ไข่ที่คุณภาพดีสีเหลืองนวล ไข่ขาวจับตัวเป็นวุ้นรอบ กินแล้วฟินคุณภาพไม่หนีไข่ออนเซ็นญี่ปุ่นั้

ปิดท้ายฟินาเล่ ด้วยของหวานรสละมุน “บัวลอยไอศกรีม” 135 บาท เป็นการพบกันของบัวลอยอุ่นๆ โปะด้วยไอติมกะทิเย็นๆ หวานละมุนกำลังดี โรยด้วยถั่วแดง ลูกเดือย

คุณเป้-ชาตยา สุพรรรณพงศ์ เจ้าของร้านฌานา คนรุ่นใหม่ที่มีความอินในใจเกินร้อย ผู้ปลุกปั้นร้านในฝันให้เกิดขึ้นจริง บอกว่า แนวคิดของฟู้ดแพสชั่นมีความเชื่อเรื่องของแฮปปี้ซัพพลายเชน คือ เมื่อดูแลพนักงานให้มีความสุข พนักงานจะส่งต่อความสุขมายังลูกค้า ลูกค้าที่มีความสุขจะทำให้ธุรกิจแข็งแรง ธุรกิจแข็งแรงกลับไปดูแลพนักงาน แต่วันนี้เราขยายวงมาเป็นคนต้นน้ำ คือ เกษตรกรด้วย

“ลูกค้าจะมีความสุขไม่ได้ ถ้าของไปถึงลูกค้าแล้วไม่อร่อยหรือไม่ดี ก็ย้อนกลับไปว่าต้องเริ่มต้นที่เกษตรกร เราใช้เวลาร่วมปีในการเดินทางไปพูดคุยกับเกษตรกร พบว่าเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุด วัตถุดิบนั้นต้องเป็นไปตามฤดูกาล ถ้าเราได้ผักปลาตามฤดูกาลมันจะอร่อย สร้างความยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ”

จากจุดนี้เองคุณเป้ได้พลิกวิธีคิดการซอสซิ่ง (จัดหาสินค้า) จากต้นน้ำเพื่อนำมาปรุง มาเสิร์ฟ แล้วอธิบายแนวคิดอย่างตรงไปตรงมาให้ลูกค้าทราบว่าสินค้ามีตามฤดูกาล ซึ่งความเข้าใจจากลูกค้านั่นเองที่จะเป็นการเชื่อมต่อวงจรโดยสมบูรณ์

สำหรับคนรักสุขภาพอยากให้มาลองกัน รับประกันไม่ผิดหวังแล้ว มีแต่จะรักมากขึ้นๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image