เมืองเชียงแสนมีคูน้ำคันดินเป็นกำแพงล้อมรอบ ตั้งแต่สมัยการค้าโลก ราวเรือน พ.ศ. 1000 (นักวิชาการบางพวกเรียกสมัยทวารวดี) อยู่ริมแม่น้ำโขง ใกล้สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
ความเก่าแก่ถึงสมัยการค้าโลกเริ่มแรก ผมรู้จากข้อมูลล่าสุดของกรมศิลปากร เก็บดินและอิฐจากกำแพงเมืองเชียงแสนไปหาค่าอายุด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
สอดคล้องเข้ากันได้กับตำนานท้องถิ่นว่าเริ่มจาก เมืองโยนกนครไชยบุรี แล้วต่อจากนั้นเป็น เมืองหิรัญนครเงินยาง ล้วนร่วมสมัยเมืองหริภุญไชย (ลำพูน)
ส่วน “เชียงแสน” เป็นชื่อสมัยหลังต่อมาอีกนาน
หลังจากนั้นเมื่อไรไม่รู้ เมืองเชียงแสนทำกำแพงอิฐ โดยก่ออิฐและอื่นๆ อัดเรียงกันแน่นหนาแข็งแรงอย่างยิ่ง แสดงความมั่งคั่งและมั่นคงของเมืองทางเหนือสุดของสองฝั่งโขง เพราะเหนือขึ้นไปไม่พบเมืองใหญ่มีกำแพงอิฐอย่างนี้ตลอดริมโขงในดินแดนพม่า, ลาว และสิบสองพันนาในจีน
เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าเมืองเชียงแสนมีอำนาจควบคุมเส้นทางคมนาคมการค้า ทั้งแนวเหนือ-ใต้ ขึ้นไปถึงยูนนานในจีน และแนวตะวันออก-ตะวันตก ไกลถึงอ่าวตังเกี๋ยในเวียดนาม
น่าเชื่อว่าเมืองเชียงแสนมีเมืองในเครือข่ายสองฝั่งแม่น้ำโขง เพราะฝั่งตรงข้ามในดินแดนลาวเยื้องลงไปทางใต้ นักโบราณคดีไทยเคยข้ามแม่น้ำโขงไปสำรวจพบ เมืองสุวรรณโคมคำ ซึ่งมีตำนานสำคัญกำกับด้วย
และเป็นฐานทางเศรษฐกิจให้พญามังรายขยายอำนาจไปควบคุมลุ่มน้ำกก ที่เมืองเชียงราย กระทั่งเป็นใหญ่เหนือลุ่มน้ำปิง-วัง แล้วสร้างเมืองเชียงใหม่
ไม่ไทย
เมืองเชียงแสน ไม่ไทยตั้งแต่สมัยแรก โดยเป็นศูนย์รวมคนหลายชาติพันธุ์ “ร้อยพ่อพันแม่” พูดตระกูลภาษาต่างๆ กัน เช่น มอญ-เขมร, ม้ง-เมี่ยน, จีน-ทิเบต ฯลฯ เคลื่อนย้ายไปมาระหว่างลุ่มน้ำโขงกับลุ่มน้ำอื่นๆ โดยรอบที่อยู่ถัดไปทุกทิศทาง
ต่อมาใช้ภาษากลางทางการค้าสื่อสารในตลาด ได้แก่ ตระกูลภาษาไต-ไท นานเข้าเรียกภาษาลาว หลังจากนั้นจึงเรียกภาษาไทย
บุกรุกทำท่าเรือ
รัฐบาลไทยสมัยหนึ่งก่อนหน้านี้หลายปีมาแล้ว บุกรุกเมืองเชียงแสนเพื่อทำเป็นท่าเรือจากจีน โดยทำลายสภาพเมืองเก่าไปไม่น้อย
แต่ด้วยพลังของภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคพลเมืองและโดยเฉพาะข้าราชการกรมศิลปากร ได้ร่วมกันยับยั้งรักษาเมืองเชียงแสนรอดพ้นภัยพิบัตินั้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีอีกเมื่อไร ต้องระมัดระวังจงดี
ร่มเย็น เป็นสุข
เมืองเชียงแสนยังมีสภาพความเป็นเมืองโบราณมากที่สุด พอๆ กับเมืองสุโขทัยและเมืองกำแพงเพชร ทำให้มีคูน้ำกำแพงเหลือเป็นส่วนมาก มีซากสถูปเจดีย์ มีต้นไม้มุงเมือง โดยเฉพาะต้นสัก
กรมศิลปากร ดูแลรักษาเมืองเชียงแสนไว้ดีที่สุดขณะนี้ มีทางให้เดินเล่นและขี่จักรยาน หรือขับรถ เลียบกำแพงอิฐได้รอบเมือง จึงมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมูลค่าทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ต้องพัฒนาความทันสมัยการแบ่งปันเผยแพร่พีอาร์ข้อมูลต่อเนื่องสม่ำเสมออย่างมี “สตอรี่” ประวัติศาสตร์สนุกสนานจากตำนานพงศาวดาร